ยุคเปลี่ยน สมัยผ่าน “บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3” ยังคงเดินหน้าไปพร้อมกับสุดยอดเทคโนโลยียานยนต์ พัฒนาขีดขั้นความสามารถทั้ง สมรรถนะการขับขี่ มาตรฐานความปลอดภัย และการใช้งานที่ลงตัว ที่สำคัญยังลุ่มลึกด้วยเอกลักษณ์จนกลายเป็นความคลาสิก อันหาได้ยากจากรถยนต์รุ่นอื่นๆที่เกิดขึ้นบนโลก
จากเจเนอเรชันแรกรหัสตัวถัง E21 (ค.ศ. 1975) ไล่เรียงมาเป็น E30, E36, E46 จนถึงรุ่นปัจจุบัน E90 รวมเวลาเดินทางกว่า 30 ปี ซีรีส์ 3 สร้างทั้งเงินและกล่องให้บีเอ็มดับเบิลยูมากมาย พร้อมทำยอดขายสูงที่สุดในโลก เมื่อเทียบเฉพาะกลุ่มรถหรูด้วยกัน
ล่าสุด E90 (ซีดาน) กำลังจะโบกมือลา เตรียมส่งไม้ให้ “ซีรีส์ 3 โมเดลเชนจ์” รหัสตัวถัง F30 ทำตลาดต่อ ซึ่งก่อนการเปิดตัวพร้อมขายอย่างเป็นทางการต้นปีหน้า “ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” มีโอกาสได้ข้ามน้ำผ่านทะเลไปลองขับ ถึงเมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน
...หลายคนคงได้เห็นภาพ “ซีรีส์ 3 ใหม่” ในโลกอินเตอร์เนตกันไปบ้างแล้ว ในส่วนของผู้เขียนเองที่มีโอกาสได้เจอตัวเป็นๆครั้งแรก ที่สนามบินบาร์เซโลนา ต้องบอกว่าคันจริงสวยและดูหรูหรากว่าในรูป ขณะที่การออกแบบรวมๆก็ถอดแบบรุ่นใหญ่อย่าง ซีรีส์ 5 และซีรีส์ 7 มาเต็มๆ
ด้านมิติตัวถังของ “ซีรีส์ 3 ซีดาน ใหม่” มีความยาวเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม 93 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อเพิ่ม 50 มิลลิเมตร ส่วนความกว้างล้อหน้า-หลังเพิ่มขึ้น 37 และ 47 มิลลิเมตรตามลำดับ ทั้งหลายทั้งปวงส่งผลให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางยิ่งขึ้น ทั้งเฮดรูมขยาย 8 มิลลิเมตร ส่วนเลกรูมสำหรับผู้โดยสารด้านหลังเพิ่มอีก 15 มิลลิเมตร รวมถึงปริมาตรความจุสัมภาระด้านหลัง ก็มากขึ้น 20 ลิตร เป็น 480 ลิตร
สำหรับการลองนั่งในตำแหน่งผู้โดยสารด้านหลัง ก็ขยับขยายได้สบายจริงตามสเปก ส่วนเบาะรองนั่งและพนักพิงจัดวางองศาเอนกำลังดี แต่กระนั้นถ้าผู้โดยสารสรีระเล็ก อาจจะนั่งแล้วรู้สึกจม หรือตัวไหลหน่อยๆ
การเปิดประตู สอดตัวเข้าไปตำแหน่งนั่งทำได้สบายทั้งด้านหน้าด้านหลัง บานประตูเปิดกว้างและไม่ต้องลุ้นว่าหัวจะชนหลังคา ส่วนเบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ สามารถปรับลงให้เรี่ยติดพื้นได้ตามสไตล์รถยุโรป พร้อมโอบกระชับสรีระพอสมควร
ขณะที่อารมณ์และการตกแต่งภายในห้องโดยสาร ยังคงกลิ่นเดิมๆของ “ซีรีส์ 3 E90” แต่ก็มีสีสันลวดลายใหม่ๆ ออกมาเพิ่มความโดดเด่น และแบ่งเป็น 3 สไตล์ คือ สปอร์ต ไลน์,โมเดิร์น ไลน์ และ ลักชัวรี ไลน์
ด้านลูกเล่นอย่างปุ่มควบคุม “ไอไดรฟ์” ยังวางอยู่ตรงคอนโซลกลาง จับถนัดปรับพอดีมือ พร้อมแสดงผลผ่านหน้าจอที่ชูชันตรงคอนโซลหน้า (ไม่สามารถพับเก็บได้) ส่วนคันเกียร์ไฟฟ้าแบบ“จอยสติ๊ก” ที่คุ้นเคย ถูกนำมาประจำการเป็นมาตรฐานของ “ซีรีส์ 3 ใหม่”ด้วยเช่นกัน
“ซีรีส์ 3 ใหม่” ยังอัดออปชันอำนวยความสะดวก-ความปลอดภัยมาเพียบ โดยที่เห็นและได้ลองใช้ก็มี “เฮด-อัพ ดิสเพลย์” ที่จะแสดงข้อมูลสำคัญ ทั้งความเร็ว ระดับน้ำมัน ระบบนำทาง พร้อมป้ายควบคุมการขับขี่บนถนนเส้นนั้นๆ สะท้อนมายังกระจกบังลมหน้าด้านคนขับ ช่วยให้คนขับไม่ต้องละสายตาไปดูที่หน้าจอ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
ตลอดจนระบบที่เคยสัมผัส หรือมีในรถหรูรุ่นอื่นๆมาก่อน อย่างระบบเตือนมุมอัพสายตาด้านข้าง ซึ่งจะมีไฟแจ้งที่กระจกมองข้าง รวมถึงระบบเตือนให้รักษาระยะห่างจากรถคันหน้า และระบบเตือนการหลับใน โดยคำนวณจากการเปลี่ยนเลนกะทันหัน
นอกจากนี้ยังมีออปชันใหม่ที่ผู้เขียนเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก นั่นคือระบบเปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติ โดยผู้ขับพกกุญแจอัจฉริยะติดตัวไว้ เมื่อเดินมาถึงท้ายรถ พร้อมยืนให้ตรงกับโลโก้ใบพัดสีฟ้า จากนั้นก็สอดเท้าเข้าไปใต้กันชนหลังแล้วถอนออก เมื่อเซ็นเซอร์ตรวจจับได้ เพียงเท่านี้ฝากระโปรงท้ายจะปลดล็อกและเด้งเปิดอัตโนมัติ ซึ่งกรณีถือสัมภาระมาเต็มสองมือ ระบบนี้จะช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นแน่นอน
ในส่วนของการทดสอบสมรรถนะ ผู้เขียนมีโอกาสได้ลองขับสองรุ่นคือเครื่องยนต์เบนซิน 328i และดีเซล 320d โดยจะขอว่าที่รุ่นแรกก่อน นั่นเพราะเป็นขุมพลัง 4 สูบ 2.0 ลิตร บล็อกใหม่ ซึ่งอัดแน่นด้วยเทคโนโลยี ทั้งระบบฉีดจ่ายน้ำมันแรงดันสูง ด้วยหัวฉีดไดเรกต์อินเจกชัน รวมถึงเทอร์โบแบบ Twin-Scroll ระบบวาล์วแปรผัน VALVETRONIC ส่งผลให้ 328i รีดกำลังได้สูงสุด 245 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร มาตั้งแต่รอบต่ำ 1,250-4,800 รอบ/นาที เมื่อประกบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ 5.9 วินาที และความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ความรู้สึกในการขับขี่ต้องบอกว่า ขุมพลังบล็อกนี้ทำได้ดีเกินคาด ให้กำลังพุ่งแรง ทั้งยังมาแบบราบรื่นต่อเนื่อง โดยการขับขี่มีทั้งขึ้นเขา-ลงเขา ทางตรงยาวๆ แบบไฮ-เวย์ ระบบขับเคลื่อนตอบสนองไวตามใจผู้ขับ ซึ่งส่วนหนึ่งต้องยกเครดิตให้เกียร์ 8 สปีดชุดนี้ ที่ถ่ายทอดกำลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในส่วนเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งผู้เขียนยังจำความประทับใจในรุ่น E90 ได้แม่น ทั้งสมรรถนะ การควบคุม ช่วงล่าง ที่ให้อารมณ์สปอร์ตดุดันสอดคล้องกันเป็นอย่างดี แต่เมื่อมาถึง 320d ใหม่ รหัสF30 รู้สึกว่าอาการดังกล่าวลดลงไป และเปลี่ยนไปเป็นความนุ่มสุภาพมากขึ้น
เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล N47 4 สูบ 2.0 ลิตร 184 แรงม้า บล็อกเดิม แม้การตอบสนองรวมๆ จะอยู่ในเกณฑ์ดี แต่อารมณ์การขับไม่ถึงกับกระชากลากดึงเหมือนเก่า ซึ่งส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดชุดใหม่ของ ZF (เดิมอัตโนมัติ 6 สปีด) อัตราทดชิด ส่งกำลังรวดเร็ว ไหลลื่น เมื่อบวกกับช่วงล่างที่รู้สึกว่าเซ็ทมานุ่มนวลกว่าเดิมเล็กน้อย จึงทำให้บุคคลิกของ “320d ใหม่” เปลี่ยนไปนิดๆ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบระหว่าง 328i และ 320d ถือว่าขับดีทันใจทั้งคู่ แต่แน่นอนว่าอารมณ์การขับก็ต่างกันไปตามบุคลิกเครื่องยนต์ โดย 328i จะออกแนวขับสบายต่อเนื่อง ความเร็วสูงยิ่งขับสนุก ส่วน 320d จะรับรู้ถึงแรงบิดที่ดีกว่านิดๆ เมื่อต้องการอัตราเร่งแบบทันทีทันใด
ช่วงล่างที่บอกว่านุ่มขึ้นก็เป็นไปตามนั้นทั้งสองรุ่น โดยมากับโครงสร้างด้านหน้าแบบดับเบิล-จอยท์ สตรัท และหลังแบบอิสระ 5 จุดยึด ซึ่งการขับผ่านเนินหลังเต่า ระบบกันสะเทือนรองรับนิ่มสบายกว่า E90 แต่กระนั้นถ้าขับความเร็วสูง สาดใส่เข้าไปในโค้ง ตัวรถยังหนึบหนับจับถนน พร้อมการทรงตัวอย่างสมดุล ควบคุมได้สบายมือ
เหนืออื่นใดสมรรถนะการขับขี่ยังปรับได้ 4 รูปแบบ ซึ่งนอกจากโหมด คอมฟอร์ด สปอร์ต,สปอร์ต พลัส ที่จะปรับการทำงานของเครื่องยนต์ เกียร์ การตอบสนองของพวงมาลัย และช่วงล่างให้นุ่มแข็งตามใจผู้ขับเหมือนเดิมแล้ว ใน “ซีรีส์ 3 ใหม่” ยังเพิ่มโหมดใหม่ “อีโค โปร” เอาใจคนรักสิ่งแวดล้อม หรือหวังขับให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น
แน่นอนว่าถ้าเลือกโหมดนี้ ระบบจะลดการทำงานของแอร์ การตอบสนองคันเร่ง เครื่องยนต์ให้ช้าลง ตลอดจนปรับจังหวะการปรับเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสม (ในรอบต่ำ)
นอกจากนี้เพื่อช่วยให้ “ซีรีส์ 3”ประหยัดน้ำมันสูงสุด บีเอ็มดับเบิลยูยังใส่ระบบ “ออโต สตาร์ท สตอป” ซึ่งจะตัดการทำงานของเครื่องยนต์ (แต่ระบบแอร์ยังทำงานอยู่) เมื่อรถจอดหยุดนิ่ง (ติดไฟแดง) และจะสตาร์ทกลับทันทีเมื่อยกเท้าออกจากแป้นเบรก (ย้ายมาเหยียบคันเร่ง) โดยระบบดังกล่าวทำงานค่อนข้างนุ่มนวล หรือรู้สึกถึงอาการคลอนสั่นในจังหวะเครื่องดับ-สตาร์ทติด น้อยมาก
โดยความสุดยอดของเทคโนโลยีทั้งหมด สะท้อนเป็นบุคคลิกของ “ซีรีส์ 3 ใหม่” พร้อมการกินน้ำมันน้อยลง ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยูเคลมว่า 320d จะทำตัวเลขเฉลี่ยได้ถึง 4.1 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือ 24.39 กิโลเมตรต่อลิตร ขณะที่ 328i เคลมไว้ 6.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือ 15.62 กิโลเมตรต่อลิตร
รวบรัดตัดความ... ซีรีส์ 3 เดินทางมาถึงเจเนอเรชันที่ 6 บางคนให้ฉายาว่ารุ่น“ขี้ตา” ตามรูปทรงโคมไฟหน้า ด้านเทคโนโลยียานยนต์ใหม่ๆทยอยใส่มาตามลำดับขั้น (ซีรีส์ 7, ซีรีส์5) เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ถ่ายทอดกำลังอัจฉริยะฉับไว แต่อาจทำให้บุคลิกรถดูนุ่มนวลมากขึ้น เช่นเดียวกับช่วงล่างที่ผู้เขียนรู้สึกว่านิ่มลง เมื่อเทียบกับ “E90”
สำหรับการทำตลาดในไทย มีคิวนำรุ่นนำเข้าทั้งคัน (CBU) มาเปิดตัวก่อนในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2012 ส่วนรุ่นประกอบในประเทศน่าจะเริ่มขายปลายปีเดียวกัน กับรุ่น 320d ...สาวก “บิมเมอร์” อดใจรออีกนิด
จากเจเนอเรชันแรกรหัสตัวถัง E21 (ค.ศ. 1975) ไล่เรียงมาเป็น E30, E36, E46 จนถึงรุ่นปัจจุบัน E90 รวมเวลาเดินทางกว่า 30 ปี ซีรีส์ 3 สร้างทั้งเงินและกล่องให้บีเอ็มดับเบิลยูมากมาย พร้อมทำยอดขายสูงที่สุดในโลก เมื่อเทียบเฉพาะกลุ่มรถหรูด้วยกัน
ล่าสุด E90 (ซีดาน) กำลังจะโบกมือลา เตรียมส่งไม้ให้ “ซีรีส์ 3 โมเดลเชนจ์” รหัสตัวถัง F30 ทำตลาดต่อ ซึ่งก่อนการเปิดตัวพร้อมขายอย่างเป็นทางการต้นปีหน้า “ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” มีโอกาสได้ข้ามน้ำผ่านทะเลไปลองขับ ถึงเมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน
...หลายคนคงได้เห็นภาพ “ซีรีส์ 3 ใหม่” ในโลกอินเตอร์เนตกันไปบ้างแล้ว ในส่วนของผู้เขียนเองที่มีโอกาสได้เจอตัวเป็นๆครั้งแรก ที่สนามบินบาร์เซโลนา ต้องบอกว่าคันจริงสวยและดูหรูหรากว่าในรูป ขณะที่การออกแบบรวมๆก็ถอดแบบรุ่นใหญ่อย่าง ซีรีส์ 5 และซีรีส์ 7 มาเต็มๆ
ด้านมิติตัวถังของ “ซีรีส์ 3 ซีดาน ใหม่” มีความยาวเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม 93 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อเพิ่ม 50 มิลลิเมตร ส่วนความกว้างล้อหน้า-หลังเพิ่มขึ้น 37 และ 47 มิลลิเมตรตามลำดับ ทั้งหลายทั้งปวงส่งผลให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางยิ่งขึ้น ทั้งเฮดรูมขยาย 8 มิลลิเมตร ส่วนเลกรูมสำหรับผู้โดยสารด้านหลังเพิ่มอีก 15 มิลลิเมตร รวมถึงปริมาตรความจุสัมภาระด้านหลัง ก็มากขึ้น 20 ลิตร เป็น 480 ลิตร
สำหรับการลองนั่งในตำแหน่งผู้โดยสารด้านหลัง ก็ขยับขยายได้สบายจริงตามสเปก ส่วนเบาะรองนั่งและพนักพิงจัดวางองศาเอนกำลังดี แต่กระนั้นถ้าผู้โดยสารสรีระเล็ก อาจจะนั่งแล้วรู้สึกจม หรือตัวไหลหน่อยๆ
การเปิดประตู สอดตัวเข้าไปตำแหน่งนั่งทำได้สบายทั้งด้านหน้าด้านหลัง บานประตูเปิดกว้างและไม่ต้องลุ้นว่าหัวจะชนหลังคา ส่วนเบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ สามารถปรับลงให้เรี่ยติดพื้นได้ตามสไตล์รถยุโรป พร้อมโอบกระชับสรีระพอสมควร
ขณะที่อารมณ์และการตกแต่งภายในห้องโดยสาร ยังคงกลิ่นเดิมๆของ “ซีรีส์ 3 E90” แต่ก็มีสีสันลวดลายใหม่ๆ ออกมาเพิ่มความโดดเด่น และแบ่งเป็น 3 สไตล์ คือ สปอร์ต ไลน์,โมเดิร์น ไลน์ และ ลักชัวรี ไลน์
ด้านลูกเล่นอย่างปุ่มควบคุม “ไอไดรฟ์” ยังวางอยู่ตรงคอนโซลกลาง จับถนัดปรับพอดีมือ พร้อมแสดงผลผ่านหน้าจอที่ชูชันตรงคอนโซลหน้า (ไม่สามารถพับเก็บได้) ส่วนคันเกียร์ไฟฟ้าแบบ“จอยสติ๊ก” ที่คุ้นเคย ถูกนำมาประจำการเป็นมาตรฐานของ “ซีรีส์ 3 ใหม่”ด้วยเช่นกัน
“ซีรีส์ 3 ใหม่” ยังอัดออปชันอำนวยความสะดวก-ความปลอดภัยมาเพียบ โดยที่เห็นและได้ลองใช้ก็มี “เฮด-อัพ ดิสเพลย์” ที่จะแสดงข้อมูลสำคัญ ทั้งความเร็ว ระดับน้ำมัน ระบบนำทาง พร้อมป้ายควบคุมการขับขี่บนถนนเส้นนั้นๆ สะท้อนมายังกระจกบังลมหน้าด้านคนขับ ช่วยให้คนขับไม่ต้องละสายตาไปดูที่หน้าจอ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
ตลอดจนระบบที่เคยสัมผัส หรือมีในรถหรูรุ่นอื่นๆมาก่อน อย่างระบบเตือนมุมอัพสายตาด้านข้าง ซึ่งจะมีไฟแจ้งที่กระจกมองข้าง รวมถึงระบบเตือนให้รักษาระยะห่างจากรถคันหน้า และระบบเตือนการหลับใน โดยคำนวณจากการเปลี่ยนเลนกะทันหัน
นอกจากนี้ยังมีออปชันใหม่ที่ผู้เขียนเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก นั่นคือระบบเปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติ โดยผู้ขับพกกุญแจอัจฉริยะติดตัวไว้ เมื่อเดินมาถึงท้ายรถ พร้อมยืนให้ตรงกับโลโก้ใบพัดสีฟ้า จากนั้นก็สอดเท้าเข้าไปใต้กันชนหลังแล้วถอนออก เมื่อเซ็นเซอร์ตรวจจับได้ เพียงเท่านี้ฝากระโปรงท้ายจะปลดล็อกและเด้งเปิดอัตโนมัติ ซึ่งกรณีถือสัมภาระมาเต็มสองมือ ระบบนี้จะช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นแน่นอน
ในส่วนของการทดสอบสมรรถนะ ผู้เขียนมีโอกาสได้ลองขับสองรุ่นคือเครื่องยนต์เบนซิน 328i และดีเซล 320d โดยจะขอว่าที่รุ่นแรกก่อน นั่นเพราะเป็นขุมพลัง 4 สูบ 2.0 ลิตร บล็อกใหม่ ซึ่งอัดแน่นด้วยเทคโนโลยี ทั้งระบบฉีดจ่ายน้ำมันแรงดันสูง ด้วยหัวฉีดไดเรกต์อินเจกชัน รวมถึงเทอร์โบแบบ Twin-Scroll ระบบวาล์วแปรผัน VALVETRONIC ส่งผลให้ 328i รีดกำลังได้สูงสุด 245 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร มาตั้งแต่รอบต่ำ 1,250-4,800 รอบ/นาที เมื่อประกบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ 5.9 วินาที และความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ความรู้สึกในการขับขี่ต้องบอกว่า ขุมพลังบล็อกนี้ทำได้ดีเกินคาด ให้กำลังพุ่งแรง ทั้งยังมาแบบราบรื่นต่อเนื่อง โดยการขับขี่มีทั้งขึ้นเขา-ลงเขา ทางตรงยาวๆ แบบไฮ-เวย์ ระบบขับเคลื่อนตอบสนองไวตามใจผู้ขับ ซึ่งส่วนหนึ่งต้องยกเครดิตให้เกียร์ 8 สปีดชุดนี้ ที่ถ่ายทอดกำลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในส่วนเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งผู้เขียนยังจำความประทับใจในรุ่น E90 ได้แม่น ทั้งสมรรถนะ การควบคุม ช่วงล่าง ที่ให้อารมณ์สปอร์ตดุดันสอดคล้องกันเป็นอย่างดี แต่เมื่อมาถึง 320d ใหม่ รหัสF30 รู้สึกว่าอาการดังกล่าวลดลงไป และเปลี่ยนไปเป็นความนุ่มสุภาพมากขึ้น
เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล N47 4 สูบ 2.0 ลิตร 184 แรงม้า บล็อกเดิม แม้การตอบสนองรวมๆ จะอยู่ในเกณฑ์ดี แต่อารมณ์การขับไม่ถึงกับกระชากลากดึงเหมือนเก่า ซึ่งส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดชุดใหม่ของ ZF (เดิมอัตโนมัติ 6 สปีด) อัตราทดชิด ส่งกำลังรวดเร็ว ไหลลื่น เมื่อบวกกับช่วงล่างที่รู้สึกว่าเซ็ทมานุ่มนวลกว่าเดิมเล็กน้อย จึงทำให้บุคคลิกของ “320d ใหม่” เปลี่ยนไปนิดๆ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบระหว่าง 328i และ 320d ถือว่าขับดีทันใจทั้งคู่ แต่แน่นอนว่าอารมณ์การขับก็ต่างกันไปตามบุคลิกเครื่องยนต์ โดย 328i จะออกแนวขับสบายต่อเนื่อง ความเร็วสูงยิ่งขับสนุก ส่วน 320d จะรับรู้ถึงแรงบิดที่ดีกว่านิดๆ เมื่อต้องการอัตราเร่งแบบทันทีทันใด
ช่วงล่างที่บอกว่านุ่มขึ้นก็เป็นไปตามนั้นทั้งสองรุ่น โดยมากับโครงสร้างด้านหน้าแบบดับเบิล-จอยท์ สตรัท และหลังแบบอิสระ 5 จุดยึด ซึ่งการขับผ่านเนินหลังเต่า ระบบกันสะเทือนรองรับนิ่มสบายกว่า E90 แต่กระนั้นถ้าขับความเร็วสูง สาดใส่เข้าไปในโค้ง ตัวรถยังหนึบหนับจับถนน พร้อมการทรงตัวอย่างสมดุล ควบคุมได้สบายมือ
เหนืออื่นใดสมรรถนะการขับขี่ยังปรับได้ 4 รูปแบบ ซึ่งนอกจากโหมด คอมฟอร์ด สปอร์ต,สปอร์ต พลัส ที่จะปรับการทำงานของเครื่องยนต์ เกียร์ การตอบสนองของพวงมาลัย และช่วงล่างให้นุ่มแข็งตามใจผู้ขับเหมือนเดิมแล้ว ใน “ซีรีส์ 3 ใหม่” ยังเพิ่มโหมดใหม่ “อีโค โปร” เอาใจคนรักสิ่งแวดล้อม หรือหวังขับให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น
แน่นอนว่าถ้าเลือกโหมดนี้ ระบบจะลดการทำงานของแอร์ การตอบสนองคันเร่ง เครื่องยนต์ให้ช้าลง ตลอดจนปรับจังหวะการปรับเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสม (ในรอบต่ำ)
นอกจากนี้เพื่อช่วยให้ “ซีรีส์ 3”ประหยัดน้ำมันสูงสุด บีเอ็มดับเบิลยูยังใส่ระบบ “ออโต สตาร์ท สตอป” ซึ่งจะตัดการทำงานของเครื่องยนต์ (แต่ระบบแอร์ยังทำงานอยู่) เมื่อรถจอดหยุดนิ่ง (ติดไฟแดง) และจะสตาร์ทกลับทันทีเมื่อยกเท้าออกจากแป้นเบรก (ย้ายมาเหยียบคันเร่ง) โดยระบบดังกล่าวทำงานค่อนข้างนุ่มนวล หรือรู้สึกถึงอาการคลอนสั่นในจังหวะเครื่องดับ-สตาร์ทติด น้อยมาก
โดยความสุดยอดของเทคโนโลยีทั้งหมด สะท้อนเป็นบุคคลิกของ “ซีรีส์ 3 ใหม่” พร้อมการกินน้ำมันน้อยลง ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยูเคลมว่า 320d จะทำตัวเลขเฉลี่ยได้ถึง 4.1 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือ 24.39 กิโลเมตรต่อลิตร ขณะที่ 328i เคลมไว้ 6.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือ 15.62 กิโลเมตรต่อลิตร
รวบรัดตัดความ... ซีรีส์ 3 เดินทางมาถึงเจเนอเรชันที่ 6 บางคนให้ฉายาว่ารุ่น“ขี้ตา” ตามรูปทรงโคมไฟหน้า ด้านเทคโนโลยียานยนต์ใหม่ๆทยอยใส่มาตามลำดับขั้น (ซีรีส์ 7, ซีรีส์5) เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ถ่ายทอดกำลังอัจฉริยะฉับไว แต่อาจทำให้บุคลิกรถดูนุ่มนวลมากขึ้น เช่นเดียวกับช่วงล่างที่ผู้เขียนรู้สึกว่านิ่มลง เมื่อเทียบกับ “E90”
สำหรับการทำตลาดในไทย มีคิวนำรุ่นนำเข้าทั้งคัน (CBU) มาเปิดตัวก่อนในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2012 ส่วนรุ่นประกอบในประเทศน่าจะเริ่มขายปลายปีเดียวกัน กับรุ่น 320d ...สาวก “บิมเมอร์” อดใจรออีกนิด