xs
xsm
sm
md
lg

“ซีรีส์ 3 โมเดลเชนจ์” อารมณ์สุภาพบนความสปอร์ตเร้าใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยุคเปลี่ยน สมัยผ่าน “บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3” ยังคงเดินหน้าไปพร้อมกับสุดยอดเทคโนโลยียานยนต์ พัฒนาขีดขั้นความสามารถทั้ง สมรรถนะการขับขี่ มาตรฐานความปลอดภัย และการใช้งานที่ลงตัว ที่สำคัญยังลุ่มลึกด้วยเอกลักษณ์จนกลายเป็นความคลาสิก อันหาได้ยากจากรถยนต์รุ่นอื่นๆที่เกิดขึ้นบนโลก

จากเจเนอเรชันแรกรหัสตัวถัง E21 (ค.ศ. 1975) ไล่เรียงมาเป็น E30, E36, E46 จนถึงรุ่นปัจจุบัน E90 รวมเวลาเดินทางกว่า 30 ปี ซีรีส์ 3 สร้างทั้งเงินและกล่องให้บีเอ็มดับเบิลยูมากมาย พร้อมทำยอดขายสูงที่สุดในโลก เมื่อเทียบเฉพาะกลุ่มรถหรูด้วยกัน
328i สปอร์ตไลน์

ล่าสุด E90 (ซีดาน) กำลังจะโบกมือลา เตรียมส่งไม้ให้ “ซีรีส์ 3 โมเดลเชนจ์” รหัสตัวถัง F30 ทำตลาดต่อ ซึ่งก่อนการเปิดตัวพร้อมขายอย่างเป็นทางการต้นปีหน้า “ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” มีโอกาสได้ข้ามน้ำผ่านทะเลไปลองขับ ถึงเมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน

...หลายคนคงได้เห็นภาพ “ซีรีส์ 3 ใหม่” ในโลกอินเตอร์เนตกันไปบ้างแล้ว ในส่วนของผู้เขียนเองที่มีโอกาสได้เจอตัวเป็นๆครั้งแรก ที่สนามบินบาร์เซโลนา ต้องบอกว่าคันจริงสวยและดูหรูหรากว่าในรูป ขณะที่การออกแบบรวมๆก็ถอดแบบรุ่นใหญ่อย่าง ซีรีส์ 5 และซีรีส์ 7 มาเต็มๆ

ด้านมิติตัวถังของ “ซีรีส์ 3 ซีดาน ใหม่” มีความยาวเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม 93 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อเพิ่ม 50 มิลลิเมตร ส่วนความกว้างล้อหน้า-หลังเพิ่มขึ้น 37 และ 47 มิลลิเมตรตามลำดับ ทั้งหลายทั้งปวงส่งผลให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางยิ่งขึ้น ทั้งเฮดรูมขยาย 8 มิลลิเมตร ส่วนเลกรูมสำหรับผู้โดยสารด้านหลังเพิ่มอีก 15 มิลลิเมตร รวมถึงปริมาตรความจุสัมภาระด้านหลัง ก็มากขึ้น 20 ลิตร เป็น 480 ลิตร


สำหรับการลองนั่งในตำแหน่งผู้โดยสารด้านหลัง ก็ขยับขยายได้สบายจริงตามสเปก ส่วนเบาะรองนั่งและพนักพิงจัดวางองศาเอนกำลังดี แต่กระนั้นถ้าผู้โดยสารสรีระเล็ก อาจจะนั่งแล้วรู้สึกจม หรือตัวไหลหน่อยๆ

การเปิดประตู สอดตัวเข้าไปตำแหน่งนั่งทำได้สบายทั้งด้านหน้าด้านหลัง บานประตูเปิดกว้างและไม่ต้องลุ้นว่าหัวจะชนหลังคา ส่วนเบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ สามารถปรับลงให้เรี่ยติดพื้นได้ตามสไตล์รถยุโรป พร้อมโอบกระชับสรีระพอสมควร

ขณะที่อารมณ์และการตกแต่งภายในห้องโดยสาร ยังคงกลิ่นเดิมๆของ “ซีรีส์ 3 E90” แต่ก็มีสีสันลวดลายใหม่ๆ ออกมาเพิ่มความโดดเด่น และแบ่งเป็น 3 สไตล์ คือ สปอร์ต ไลน์,โมเดิร์น ไลน์ และ ลักชัวรี ไลน์

ด้านลูกเล่นอย่างปุ่มควบคุม “ไอไดรฟ์” ยังวางอยู่ตรงคอนโซลกลาง จับถนัดปรับพอดีมือ พร้อมแสดงผลผ่านหน้าจอที่ชูชันตรงคอนโซลหน้า (ไม่สามารถพับเก็บได้) ส่วนคันเกียร์ไฟฟ้าแบบ“จอยสติ๊ก” ที่คุ้นเคย ถูกนำมาประจำการเป็นมาตรฐานของ “ซีรีส์ 3 ใหม่”ด้วยเช่นกัน

“ซีรีส์ 3 ใหม่” ยังอัดออปชันอำนวยความสะดวก-ความปลอดภัยมาเพียบ โดยที่เห็นและได้ลองใช้ก็มี “เฮด-อัพ ดิสเพลย์” ที่จะแสดงข้อมูลสำคัญ ทั้งความเร็ว ระดับน้ำมัน ระบบนำทาง พร้อมป้ายควบคุมการขับขี่บนถนนเส้นนั้นๆ สะท้อนมายังกระจกบังลมหน้าด้านคนขับ ช่วยให้คนขับไม่ต้องละสายตาไปดูที่หน้าจอ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

ตลอดจนระบบที่เคยสัมผัส หรือมีในรถหรูรุ่นอื่นๆมาก่อน อย่างระบบเตือนมุมอัพสายตาด้านข้าง ซึ่งจะมีไฟแจ้งที่กระจกมองข้าง รวมถึงระบบเตือนให้รักษาระยะห่างจากรถคันหน้า และระบบเตือนการหลับใน โดยคำนวณจากการเปลี่ยนเลนกะทันหัน

นอกจากนี้ยังมีออปชันใหม่ที่ผู้เขียนเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก นั่นคือระบบเปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติ โดยผู้ขับพกกุญแจอัจฉริยะติดตัวไว้ เมื่อเดินมาถึงท้ายรถ พร้อมยืนให้ตรงกับโลโก้ใบพัดสีฟ้า จากนั้นก็สอดเท้าเข้าไปใต้กันชนหลังแล้วถอนออก เมื่อเซ็นเซอร์ตรวจจับได้ เพียงเท่านี้ฝากระโปรงท้ายจะปลดล็อกและเด้งเปิดอัตโนมัติ ซึ่งกรณีถือสัมภาระมาเต็มสองมือ ระบบนี้จะช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นแน่นอน


ในส่วนของการทดสอบสมรรถนะ ผู้เขียนมีโอกาสได้ลองขับสองรุ่นคือเครื่องยนต์เบนซิน 328i และดีเซล 320d โดยจะขอว่าที่รุ่นแรกก่อน นั่นเพราะเป็นขุมพลัง 4 สูบ 2.0 ลิตร บล็อกใหม่ ซึ่งอัดแน่นด้วยเทคโนโลยี ทั้งระบบฉีดจ่ายน้ำมันแรงดันสูง ด้วยหัวฉีดไดเรกต์อินเจกชัน รวมถึงเทอร์โบแบบ Twin-Scroll ระบบวาล์วแปรผัน VALVETRONIC ส่งผลให้ 328i รีดกำลังได้สูงสุด 245 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร มาตั้งแต่รอบต่ำ 1,250-4,800 รอบ/นาที เมื่อประกบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ 5.9 วินาที และความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ความรู้สึกในการขับขี่ต้องบอกว่า ขุมพลังบล็อกนี้ทำได้ดีเกินคาด ให้กำลังพุ่งแรง ทั้งยังมาแบบราบรื่นต่อเนื่อง โดยการขับขี่มีทั้งขึ้นเขา-ลงเขา ทางตรงยาวๆ แบบไฮ-เวย์ ระบบขับเคลื่อนตอบสนองไวตามใจผู้ขับ ซึ่งส่วนหนึ่งต้องยกเครดิตให้เกียร์ 8 สปีดชุดนี้ ที่ถ่ายทอดกำลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในส่วนเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งผู้เขียนยังจำความประทับใจในรุ่น E90 ได้แม่น ทั้งสมรรถนะ การควบคุม ช่วงล่าง ที่ให้อารมณ์สปอร์ตดุดันสอดคล้องกันเป็นอย่างดี แต่เมื่อมาถึง 320d ใหม่ รหัสF30 รู้สึกว่าอาการดังกล่าวลดลงไป และเปลี่ยนไปเป็นความนุ่มสุภาพมากขึ้น

เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล N47 4 สูบ 2.0 ลิตร 184 แรงม้า บล็อกเดิม แม้การตอบสนองรวมๆ จะอยู่ในเกณฑ์ดี แต่อารมณ์การขับไม่ถึงกับกระชากลากดึงเหมือนเก่า ซึ่งส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดชุดใหม่ของ ZF (เดิมอัตโนมัติ 6 สปีด) อัตราทดชิด ส่งกำลังรวดเร็ว ไหลลื่น เมื่อบวกกับช่วงล่างที่รู้สึกว่าเซ็ทมานุ่มนวลกว่าเดิมเล็กน้อย จึงทำให้บุคคลิกของ “320d ใหม่” เปลี่ยนไปนิดๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบระหว่าง 328i และ 320d ถือว่าขับดีทันใจทั้งคู่ แต่แน่นอนว่าอารมณ์การขับก็ต่างกันไปตามบุคลิกเครื่องยนต์ โดย 328i จะออกแนวขับสบายต่อเนื่อง ความเร็วสูงยิ่งขับสนุก ส่วน 320d จะรับรู้ถึงแรงบิดที่ดีกว่านิดๆ เมื่อต้องการอัตราเร่งแบบทันทีทันใด

ช่วงล่างที่บอกว่านุ่มขึ้นก็เป็นไปตามนั้นทั้งสองรุ่น โดยมากับโครงสร้างด้านหน้าแบบดับเบิล-จอยท์ สตรัท และหลังแบบอิสระ 5 จุดยึด ซึ่งการขับผ่านเนินหลังเต่า ระบบกันสะเทือนรองรับนิ่มสบายกว่า E90 แต่กระนั้นถ้าขับความเร็วสูง สาดใส่เข้าไปในโค้ง ตัวรถยังหนึบหนับจับถนน พร้อมการทรงตัวอย่างสมดุล ควบคุมได้สบายมือ


เหนืออื่นใดสมรรถนะการขับขี่ยังปรับได้ 4 รูปแบบ ซึ่งนอกจากโหมด คอมฟอร์ด สปอร์ต,สปอร์ต พลัส ที่จะปรับการทำงานของเครื่องยนต์ เกียร์ การตอบสนองของพวงมาลัย และช่วงล่างให้นุ่มแข็งตามใจผู้ขับเหมือนเดิมแล้ว ใน “ซีรีส์ 3 ใหม่” ยังเพิ่มโหมดใหม่ “อีโค โปร” เอาใจคนรักสิ่งแวดล้อม หรือหวังขับให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น

แน่นอนว่าถ้าเลือกโหมดนี้ ระบบจะลดการทำงานของแอร์ การตอบสนองคันเร่ง เครื่องยนต์ให้ช้าลง ตลอดจนปรับจังหวะการปรับเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสม (ในรอบต่ำ)

นอกจากนี้เพื่อช่วยให้ “ซีรีส์ 3”ประหยัดน้ำมันสูงสุด บีเอ็มดับเบิลยูยังใส่ระบบ “ออโต สตาร์ท สตอป” ซึ่งจะตัดการทำงานของเครื่องยนต์ (แต่ระบบแอร์ยังทำงานอยู่) เมื่อรถจอดหยุดนิ่ง (ติดไฟแดง) และจะสตาร์ทกลับทันทีเมื่อยกเท้าออกจากแป้นเบรก (ย้ายมาเหยียบคันเร่ง) โดยระบบดังกล่าวทำงานค่อนข้างนุ่มนวล หรือรู้สึกถึงอาการคลอนสั่นในจังหวะเครื่องดับ-สตาร์ทติด น้อยมาก

โดยความสุดยอดของเทคโนโลยีทั้งหมด สะท้อนเป็นบุคคลิกของ “ซีรีส์ 3 ใหม่” พร้อมการกินน้ำมันน้อยลง ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยูเคลมว่า 320d จะทำตัวเลขเฉลี่ยได้ถึง 4.1 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือ 24.39 กิโลเมตรต่อลิตร ขณะที่ 328i เคลมไว้ 6.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือ 15.62 กิโลเมตรต่อลิตร

รวบรัดตัดความ... ซีรีส์ 3 เดินทางมาถึงเจเนอเรชันที่ 6 บางคนให้ฉายาว่ารุ่น“ขี้ตา” ตามรูปทรงโคมไฟหน้า ด้านเทคโนโลยียานยนต์ใหม่ๆทยอยใส่มาตามลำดับขั้น (ซีรีส์ 7, ซีรีส์5) เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ถ่ายทอดกำลังอัจฉริยะฉับไว แต่อาจทำให้บุคลิกรถดูนุ่มนวลมากขึ้น เช่นเดียวกับช่วงล่างที่ผู้เขียนรู้สึกว่านิ่มลง เมื่อเทียบกับ “E90”

สำหรับการทำตลาดในไทย มีคิวนำรุ่นนำเข้าทั้งคัน (CBU) มาเปิดตัวก่อนในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2012 ส่วนรุ่นประกอบในประเทศน่าจะเริ่มขายปลายปีเดียวกัน กับรุ่น 320d ...สาวก “บิมเมอร์” อดใจรออีกนิด


320d โมเดิร์นไลน์









กำลังโหลดความคิดเห็น