หลังสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจกับ รถหรู อบต. “ทีอาร์ เอ็กซ์คลูซีฟ ลีมูซีน” (TR Exclusive Limousine) และรถตรวจการณ์ลาดตระเวนทางทหาร (Military Utility Vehicle) รุ่น MUV4 ล่าสุดแบรนด์รถยนต์สัญญาชาติไทย “ไทยรุ่ง” ยังต่อยอดการพัฒนาด้วย ออฟโรดสายพันธุ์ใหม่ “ทีอาร์ ทรานส์ฟอร์เมอร์” (TR Transformer)
แม้ยอดขายปิกอัพดัดแปลงของ “ไทยรุ่ง” ในระยะหลังจะไม่ค่อยทำรายได้ เหมือนกับธุรกิจผลิตชิ้นส่วนป้อนโรงงานประกอบรถยนต์ แต่ภายใต้การนำของ “สมพงษ์ เผอิญโชค” ยังขยันพัฒนาโปรเจกต์ใหม่ๆภายใต้แบรนด์ “ทีอาร์” อย่างต่อเนื่อง
สำหรับ “ทีอาร์ ทรานส์ฟอร์เมอร์” ถือเป็นผลผลิตน้องใหม่ที่ไทยรุ่งซุ่มพัฒนามาหลายปี ซึ่งจุดเริ่มต้นมาจากการผลิต “รถทหาร MUV4” ป้อนหน่วยงานราชการหรือกองทัพ จากนั้นจึงต่อยอดเป็น “ออฟโรดสายพันธุ์ใหม่” เพื่อขายจริงวิ่งได้ในท้องตลาดเมืองไทย หรือจะว่าไปก็คล้ายๆกับธุรกิจ “ฮัมวี่” และ “ฮัมเมอร์” ของสหรัฐอเมริกา(ตอนนี้เปลี่ยนเจ้าของเป็นบริษัทจีนแล้ว)
โดย สมพงษ์ เผอิญโชค ยอมรับตรงๆว่า “ทีอาร์ ทรานส์ฟอร์เมอร์” ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าที่ชอบการผจญภัย และหวังเจาะตลาด “ฮัมเมอร์” และ“แลนโรเวอร์ ดีเฟนเดอร์” ด้วยราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่ายกว่า หรือประมาณ 1.5 ล้านบาท ส่วนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นเดือนกันยายนนี้
ทั้งนี้ “ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” มีโอกาสนำ“ทีอาร์ ทรานส์ฟอร์เมอร์” มาทดสอบก่อนการเปิดตัว ซึ่งคันนี้อาจจะยังไม่ใช่ตัวขาย 100% เพราะมีบางจุดที่ต้องปรับให้สมบูรณ์อย่าง ช่องแอร์ด้านหลัง กระจกมองข้างแบบปรับไฟฟ้า และออปชันอีกเล็กน้อย
ความน่าสนใจของ “ทีอาร์ ทรานส์ฟอร์เมอร์” อยู่ตรงรูปลักษณ์บึกบึน สวยโดดเด่นบนท้องถนน หรือมองรวมๆก็คล้ายกับ “ฮัมเมอร์ เอช3” ผสมกับ “แลนโรเวอร์ ดีเฟนเดอร์” ส่วนล้ออัลลอย์ ขนาด 18 นิ้ว ประกบยาง 265/60 R18 ถือเป็นออปชันเสริม(ต้องจ่ายเงินเพิ่ม)
ขณะที่ตัวถังกว้าง 1,787 มม. ยาว 4,949 มม. สูง 1,916 มม. ระยะฐานล้อ 3,085 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น(Ground Clearance) 278 มม. เหนืออื่นใดไทยรุ่งยังทดสอบแล้วว่า “ทีอาร์ ทรานส์ฟอร์เมอร์” สามารถลุยน้ำได้ถึง 500 มิลลิเมตร ไต่ทางลาดชันได้ 40 องศา และไต่ทางลาดเอียง ได้ 30 องศา
สำหรับ“ทีอาร์ ทรานส์ฟอร์เมอร์” ยึดโครงสร้างพื้นฐานมาจากปิกอัพ “โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้” เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 3.0 ลิตร เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์ธรรมดา 5 สปีด ซึ่งถือเป็นรุ่นที่ขับมันได้ใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
เมื่อเข้าไปนั่งภายในก็เห็นได้ชัดละครับว่าเป็น “วีโก้” ทั้งแผงแดชบอร์ดหน้า คอนโซล หน้าปัด พวงมาลัย คันเกียร์ ส่วนเบาะนั่งหุ้มหนังลายใหม่ เข้ากับพวงมาลัย และแผงประตูที่บุใหม่
พลันบิดกุญแจสตาร์ท เสียงเครื่องยนต์ 1KD-FTVที่คุ้นเคยก็ดังเข้ามาทักทาย และมั่นใจว่า ม้า 163 ตัวจะช่วยกันทำงานขยันขันแข็ง พร้อมแรงบิดสูงสุด 343 นิวตัน-เมตรที่ 1,400-3,200 รอบต่อนาที จะกระจายลงสู่ล้ออย่างเต็มสมรรถนะ ดังนั้นเรื่องอัตราเร่งไม่ต้องเป็นห่วงครับ “เร็ว แรง” ตอบสนองทันใจ ไม่ว่าจะช่วงออกตัว เร่งแซง หรือขับทางไกลเกิน 120 กม./ชม. รถพลุ่งพล่านตามแรงกดของฝ่าเท้า
ก้านเกียร์ยาวๆแบบรถเมล์ บวกกับน้ำหนักแป้นคลัทซ์กำลังดี ทำให้สับเข้าเกียร์ง่าย ขณะที่พวงมาลัยแบบแรคแอนด์พิเนียนยังควบคุมเฉียบคม แต่กระนั้นถ้าใช้ความเร็วเกิน 100 กม./ชม.คงต้องกำให้แน่นและเพิ่มสมาธิอีกสักหน่อย เพื่อความมั่นใจ ที่สำคัญยังมาพร้อมเสียงรบกวนต่างๆจากภายนอก และลมปะทะกับกระจกหน้าที่ตั้งชัน กระพือดังพอสมควร
ด้านช่วงล่างหน้าปีกนกสองชั้น คอยล์สปริง หลังแหนบแผ่นซ้อนพร้อมโช้คอัพ ถูกปรับให้ลงตัวกับบอดี้ใหม่ และน้ำหนักรถรวมกว่า 2 ตัน แต่การขับทั่วไปยังค่อนข้างสะเทือนเด้ง ไม่นุ่มนวลนัก การขับใช้ความเร็วเกิน 100กม./ชม. เสถียรภาพการทรงตัวอยู่ในระดับพอรับได้ ขณะเดียวกันช่วงเข้าโค้งยาวๆรับรู้ถึงอาการโยนตัวนิดๆ
ในส่วนของเบรกที่หน้าเป็นดิสก์ หลังเป็นดรัม ให้ประสิทธิภาพการชะลอหยุดดี แต่เสียตรงน้ำหนักแป้นเบรกเบา-ลึก ไร้ความรู้สึกต้านเท้า ต้องใช้เวลาปรับตัวสักระยะ
สำหรับอัตราบริโภคน้ำมันตามหน้าจอแสดงผล หลังจากวิ่งทางไกลใช้ความเร็วเฉลี่ย 100-120 กม./ชม. และมีช่วงรถติดนิดหน่อย สุดท้ายทำได้ 12 กม./ลิตร ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับพอรับได้ในกลุ่มรถออฟโรด
รวบรัดตัดความ... แม้จะมีข้อจำกัดของโครงสร้างปิกอัพเดิมกำหนดเอาไว้ แต่รูปทรงรวมๆของ“ทีอาร์ ทรานส์ฟอร์เมอร์” ยังออกแบบขึ้นรูปได้สมส่วนลงตัว งานประกอบตัวถังทำได้ดีตามมาตรฐานไทยรุ่ง ส่วนสมรรถนะการขับขี่รองรับทั้งถนนดำ และทางฝุ่นออฟโรด พร้อมลุยสมบุกสมบันกับเครื่องยนต์พลังแรงและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่มีประสิทธิภาพ
...สุดท้ายต้องชื่นชม “คุณสมพงษ์”และ “ทีมงานไทยรุ่ง” ที่พยายามสรรหาสิ่งใหม่ๆให้ตลาดและธุรกิจของตนเองเสมอ เอาเป็นว่าลองไปขับดูครับ(หลังการเปิดตัว)ถ้าพอรับได้ ก็พิจารณาอุดหนุนคนไทยด้วยกันสักคัน
แม้ยอดขายปิกอัพดัดแปลงของ “ไทยรุ่ง” ในระยะหลังจะไม่ค่อยทำรายได้ เหมือนกับธุรกิจผลิตชิ้นส่วนป้อนโรงงานประกอบรถยนต์ แต่ภายใต้การนำของ “สมพงษ์ เผอิญโชค” ยังขยันพัฒนาโปรเจกต์ใหม่ๆภายใต้แบรนด์ “ทีอาร์” อย่างต่อเนื่อง
สำหรับ “ทีอาร์ ทรานส์ฟอร์เมอร์” ถือเป็นผลผลิตน้องใหม่ที่ไทยรุ่งซุ่มพัฒนามาหลายปี ซึ่งจุดเริ่มต้นมาจากการผลิต “รถทหาร MUV4” ป้อนหน่วยงานราชการหรือกองทัพ จากนั้นจึงต่อยอดเป็น “ออฟโรดสายพันธุ์ใหม่” เพื่อขายจริงวิ่งได้ในท้องตลาดเมืองไทย หรือจะว่าไปก็คล้ายๆกับธุรกิจ “ฮัมวี่” และ “ฮัมเมอร์” ของสหรัฐอเมริกา(ตอนนี้เปลี่ยนเจ้าของเป็นบริษัทจีนแล้ว)
โดย สมพงษ์ เผอิญโชค ยอมรับตรงๆว่า “ทีอาร์ ทรานส์ฟอร์เมอร์” ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าที่ชอบการผจญภัย และหวังเจาะตลาด “ฮัมเมอร์” และ“แลนโรเวอร์ ดีเฟนเดอร์” ด้วยราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่ายกว่า หรือประมาณ 1.5 ล้านบาท ส่วนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นเดือนกันยายนนี้
ทั้งนี้ “ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” มีโอกาสนำ“ทีอาร์ ทรานส์ฟอร์เมอร์” มาทดสอบก่อนการเปิดตัว ซึ่งคันนี้อาจจะยังไม่ใช่ตัวขาย 100% เพราะมีบางจุดที่ต้องปรับให้สมบูรณ์อย่าง ช่องแอร์ด้านหลัง กระจกมองข้างแบบปรับไฟฟ้า และออปชันอีกเล็กน้อย
ความน่าสนใจของ “ทีอาร์ ทรานส์ฟอร์เมอร์” อยู่ตรงรูปลักษณ์บึกบึน สวยโดดเด่นบนท้องถนน หรือมองรวมๆก็คล้ายกับ “ฮัมเมอร์ เอช3” ผสมกับ “แลนโรเวอร์ ดีเฟนเดอร์” ส่วนล้ออัลลอย์ ขนาด 18 นิ้ว ประกบยาง 265/60 R18 ถือเป็นออปชันเสริม(ต้องจ่ายเงินเพิ่ม)
ขณะที่ตัวถังกว้าง 1,787 มม. ยาว 4,949 มม. สูง 1,916 มม. ระยะฐานล้อ 3,085 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น(Ground Clearance) 278 มม. เหนืออื่นใดไทยรุ่งยังทดสอบแล้วว่า “ทีอาร์ ทรานส์ฟอร์เมอร์” สามารถลุยน้ำได้ถึง 500 มิลลิเมตร ไต่ทางลาดชันได้ 40 องศา และไต่ทางลาดเอียง ได้ 30 องศา
สำหรับ“ทีอาร์ ทรานส์ฟอร์เมอร์” ยึดโครงสร้างพื้นฐานมาจากปิกอัพ “โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้” เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 3.0 ลิตร เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์ธรรมดา 5 สปีด ซึ่งถือเป็นรุ่นที่ขับมันได้ใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
เมื่อเข้าไปนั่งภายในก็เห็นได้ชัดละครับว่าเป็น “วีโก้” ทั้งแผงแดชบอร์ดหน้า คอนโซล หน้าปัด พวงมาลัย คันเกียร์ ส่วนเบาะนั่งหุ้มหนังลายใหม่ เข้ากับพวงมาลัย และแผงประตูที่บุใหม่
พลันบิดกุญแจสตาร์ท เสียงเครื่องยนต์ 1KD-FTVที่คุ้นเคยก็ดังเข้ามาทักทาย และมั่นใจว่า ม้า 163 ตัวจะช่วยกันทำงานขยันขันแข็ง พร้อมแรงบิดสูงสุด 343 นิวตัน-เมตรที่ 1,400-3,200 รอบต่อนาที จะกระจายลงสู่ล้ออย่างเต็มสมรรถนะ ดังนั้นเรื่องอัตราเร่งไม่ต้องเป็นห่วงครับ “เร็ว แรง” ตอบสนองทันใจ ไม่ว่าจะช่วงออกตัว เร่งแซง หรือขับทางไกลเกิน 120 กม./ชม. รถพลุ่งพล่านตามแรงกดของฝ่าเท้า
ก้านเกียร์ยาวๆแบบรถเมล์ บวกกับน้ำหนักแป้นคลัทซ์กำลังดี ทำให้สับเข้าเกียร์ง่าย ขณะที่พวงมาลัยแบบแรคแอนด์พิเนียนยังควบคุมเฉียบคม แต่กระนั้นถ้าใช้ความเร็วเกิน 100 กม./ชม.คงต้องกำให้แน่นและเพิ่มสมาธิอีกสักหน่อย เพื่อความมั่นใจ ที่สำคัญยังมาพร้อมเสียงรบกวนต่างๆจากภายนอก และลมปะทะกับกระจกหน้าที่ตั้งชัน กระพือดังพอสมควร
ด้านช่วงล่างหน้าปีกนกสองชั้น คอยล์สปริง หลังแหนบแผ่นซ้อนพร้อมโช้คอัพ ถูกปรับให้ลงตัวกับบอดี้ใหม่ และน้ำหนักรถรวมกว่า 2 ตัน แต่การขับทั่วไปยังค่อนข้างสะเทือนเด้ง ไม่นุ่มนวลนัก การขับใช้ความเร็วเกิน 100กม./ชม. เสถียรภาพการทรงตัวอยู่ในระดับพอรับได้ ขณะเดียวกันช่วงเข้าโค้งยาวๆรับรู้ถึงอาการโยนตัวนิดๆ
ในส่วนของเบรกที่หน้าเป็นดิสก์ หลังเป็นดรัม ให้ประสิทธิภาพการชะลอหยุดดี แต่เสียตรงน้ำหนักแป้นเบรกเบา-ลึก ไร้ความรู้สึกต้านเท้า ต้องใช้เวลาปรับตัวสักระยะ
สำหรับอัตราบริโภคน้ำมันตามหน้าจอแสดงผล หลังจากวิ่งทางไกลใช้ความเร็วเฉลี่ย 100-120 กม./ชม. และมีช่วงรถติดนิดหน่อย สุดท้ายทำได้ 12 กม./ลิตร ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับพอรับได้ในกลุ่มรถออฟโรด
รวบรัดตัดความ... แม้จะมีข้อจำกัดของโครงสร้างปิกอัพเดิมกำหนดเอาไว้ แต่รูปทรงรวมๆของ“ทีอาร์ ทรานส์ฟอร์เมอร์” ยังออกแบบขึ้นรูปได้สมส่วนลงตัว งานประกอบตัวถังทำได้ดีตามมาตรฐานไทยรุ่ง ส่วนสมรรถนะการขับขี่รองรับทั้งถนนดำ และทางฝุ่นออฟโรด พร้อมลุยสมบุกสมบันกับเครื่องยนต์พลังแรงและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่มีประสิทธิภาพ
...สุดท้ายต้องชื่นชม “คุณสมพงษ์”และ “ทีมงานไทยรุ่ง” ที่พยายามสรรหาสิ่งใหม่ๆให้ตลาดและธุรกิจของตนเองเสมอ เอาเป็นว่าลองไปขับดูครับ(หลังการเปิดตัว)ถ้าพอรับได้ ก็พิจารณาอุดหนุนคนไทยด้วยกันสักคัน
