ข่าวในประเทศ - ดีเอฟเอ็ม รุกหนักตลาดมินิทรั๊ค รีแบรนด์ใหม่เป็น "ตงฟง มอเตอร์ส" จับตลาดกลุ่มเอสเอ็มอี พร้อมลงทุน 200 ล้านเปิดโรงงาน เชื่อรัฐบาลใหม่ช่วยเศรษฐกิจดีขึ้น มั่นใจดันยอดขายโตเท่าตัว ทั้งปีเกิน 3,000 คัน
นายพิทยา ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี เอฟ เอ็ม มินิทรั๊ค (ประเทศไทย)จำกัด หรือ ตงฟง มอเตอร์ เปิดเผยว่าบริษัทมีแผนสร้างการรับรู้ในแบรนด์ดีเอฟเอ็ม มินิ ทรั๊ค โดยการเปลี่ยนชื่อเป็น "ตงฟง มอเตอร์ส" ในฐานะยนตรกรรมจากจีนที่มีความพร้อมในการทำตลาด เพื่อตอบสนองความต้องการในระยะยาวของตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก (มินิทรั๊ค) ซึ่งดีเอฟเอ็มต้องการเป็นแบรนด์จีนที่มีมาตรฐานสูง มุ่งเป้าสร้างความพึงพอใจของผู้บริโภคเป็นหลัก ภายใต้แนวคิด "Real User's Guarantee" (การการันตีจากผู้ใช้จริง) โดยในปีนี้ยังคงมุ่งเป้าหมายผู้บริโภคเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ซึ่งคาดว่าจากปัจจัยบวกต่าง ๆ และแผนการตลาดในเชิงรุก จะส่งผลให้ตงฟง มอเตอร์ส สามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดรถยนต์ในไทยได้มากขึ้นกว่าเท่าตัว
"กลุ่มเป้าหมายที่ดีเอฟเอ็มมุ่งเจาะตลาด คือ กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีงบลงทุนน้อย แต่มีความจำเป็นในการใช้รถ รวมถึงการใช้รถสำหรับการจัดส่งของในระยะทางใกล้ๆ ในตัวเมืองหรือชุมชน ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มนี้จะมีรายได้ที่จำกัด และมุ่งหาทางเลือกใหม่ในการลดต้นทุนอยู่ตลอด ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีผู้ทำตลาดรถพาณิชย์ประเภทนี้อย่างแท้จริง อีกทั้งมูลค่าตลาดรถในเซกเมนท์รถเพื่อการพาณิชย์มียอดขายอยู่ประมาณ 4.8 หมื่นคัน และแบ่งเป็นรถขนาดเล็ก 6% ซึ่งเราคิดว่าตลาดในกลุ่มนี้น่าจะเติบโตได้อีกในระยะยาว"
นอกจากนี้ตงฟง มอเตอร์ มีแผนที่จะเปิดโรงงานในไทยเป็นแห่งแรกที่จังหวัดฉะเชิงเทรา มีเนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ใช้เงินลงทุน 200 ล้านบาท มีกำลังการผลิตประมาณ 5,000 คันต่อปี สามารถเริ่มการผลิตได้ไม่เกินปลายปีนี้
"หลังจากมีการปรับรัฐบาลใหม่ทำให้ทางบริษัทแม่ที่ประเทศจีนเชื่อว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการขายมาก จึงลงทุนเปิดโรงงาน และคาดว่าสามารถเพิ่มยอดจำหน่ายในปีหน้าได้กว่า 5,000 คัน เนื่องจากปัจจัยบวกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นค่าเงินบาทที่แข็งตัวขึ้นทำให้ต้นทุนเราต่ำลง รวมถึงการนำเข้าชิ้นส่วนที่น้อยลงและได้ลดหย่อนภาษี นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อ ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆ ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ลาว เวียดนาม และพม่า"
ด้านแผนการขยายเครือข่ายตงฟง มอเตอร์สจะเปิดศูนย์บริการเพิ่มให้ครบ 50 แห่งจากเดิม 42 แห่งในปีนี้ รวมถึงการจัดกิจกรรมโรดโชว์ทั่วประเทศ 18 จังหวัด เพื่อเข้าถึงตัวลูกค้าโดยตรงให้มากที่สุด นอกจากนี้ยังใช้การประชาสัมพันธ์ การโฆษณา และการทำตลาดตรง รวมถึงการตลาดแบบผสมผสานเต็มรูปแบบอีกด้วยโดยใช้งบการตลาดทั้งหมด 80 ล้านบาท
สำหรับในประเทศจีนดีเอฟเอ็มเป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 3 มียอดการผลิต 3,00,000 คันต่อปี มียอดจำหน่ายในเซกเมนท์รถเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็กอยู่ที่ 500,000 คันต่อปี โดยรถทุกรุ่นของบริษัทใช้พลังงาน 2ระบบทางเลือก คือ ก๊าซ และ น้ำมัน โดยลูกค้าสามารถเลือกพลังงาน LPG หรือ CNG ได้ตามความต้องการ โดยราคาเริ่มต้นที่ 2.85 - 4.05 แสนบาท
ส่วนประเทศไทยมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ตลอดสามปีที่เข้ามาทำตลาด สำหรับยอดจำหน่ายในปีที่ผ่านมามีจำนวน 2,000 คัน แบ่งเป็นยอดขายเฉพาะในกรุงเทพฯ 40% และต่างจังหวัด 60% ส่วนยอดจำหน่ายครึ่งปีนี้อยู่ที่ 1,500 คัน โดยปีนี้มุ่งเป้ายอดจำหน่ายทั้งปีไว้ที่ 3,000 คัน นอกจากนี้ในงาน Motor Expo 2011 ปลายปีนี้ตงฟง มอเตอร์สเตรียมที่จะเปิดตัวรถตู้ 7 ที่นั่งรุ่นใหม่ ราคาไม่เกิน 4 แสนบาทเพื่อเจาะตลาดกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทโดยเฉพาะ
นายพิทยา ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี เอฟ เอ็ม มินิทรั๊ค (ประเทศไทย)จำกัด หรือ ตงฟง มอเตอร์ เปิดเผยว่าบริษัทมีแผนสร้างการรับรู้ในแบรนด์ดีเอฟเอ็ม มินิ ทรั๊ค โดยการเปลี่ยนชื่อเป็น "ตงฟง มอเตอร์ส" ในฐานะยนตรกรรมจากจีนที่มีความพร้อมในการทำตลาด เพื่อตอบสนองความต้องการในระยะยาวของตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก (มินิทรั๊ค) ซึ่งดีเอฟเอ็มต้องการเป็นแบรนด์จีนที่มีมาตรฐานสูง มุ่งเป้าสร้างความพึงพอใจของผู้บริโภคเป็นหลัก ภายใต้แนวคิด "Real User's Guarantee" (การการันตีจากผู้ใช้จริง) โดยในปีนี้ยังคงมุ่งเป้าหมายผู้บริโภคเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ซึ่งคาดว่าจากปัจจัยบวกต่าง ๆ และแผนการตลาดในเชิงรุก จะส่งผลให้ตงฟง มอเตอร์ส สามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดรถยนต์ในไทยได้มากขึ้นกว่าเท่าตัว
"กลุ่มเป้าหมายที่ดีเอฟเอ็มมุ่งเจาะตลาด คือ กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีงบลงทุนน้อย แต่มีความจำเป็นในการใช้รถ รวมถึงการใช้รถสำหรับการจัดส่งของในระยะทางใกล้ๆ ในตัวเมืองหรือชุมชน ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มนี้จะมีรายได้ที่จำกัด และมุ่งหาทางเลือกใหม่ในการลดต้นทุนอยู่ตลอด ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีผู้ทำตลาดรถพาณิชย์ประเภทนี้อย่างแท้จริง อีกทั้งมูลค่าตลาดรถในเซกเมนท์รถเพื่อการพาณิชย์มียอดขายอยู่ประมาณ 4.8 หมื่นคัน และแบ่งเป็นรถขนาดเล็ก 6% ซึ่งเราคิดว่าตลาดในกลุ่มนี้น่าจะเติบโตได้อีกในระยะยาว"
นอกจากนี้ตงฟง มอเตอร์ มีแผนที่จะเปิดโรงงานในไทยเป็นแห่งแรกที่จังหวัดฉะเชิงเทรา มีเนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ใช้เงินลงทุน 200 ล้านบาท มีกำลังการผลิตประมาณ 5,000 คันต่อปี สามารถเริ่มการผลิตได้ไม่เกินปลายปีนี้
"หลังจากมีการปรับรัฐบาลใหม่ทำให้ทางบริษัทแม่ที่ประเทศจีนเชื่อว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการขายมาก จึงลงทุนเปิดโรงงาน และคาดว่าสามารถเพิ่มยอดจำหน่ายในปีหน้าได้กว่า 5,000 คัน เนื่องจากปัจจัยบวกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นค่าเงินบาทที่แข็งตัวขึ้นทำให้ต้นทุนเราต่ำลง รวมถึงการนำเข้าชิ้นส่วนที่น้อยลงและได้ลดหย่อนภาษี นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อ ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆ ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ลาว เวียดนาม และพม่า"
ด้านแผนการขยายเครือข่ายตงฟง มอเตอร์สจะเปิดศูนย์บริการเพิ่มให้ครบ 50 แห่งจากเดิม 42 แห่งในปีนี้ รวมถึงการจัดกิจกรรมโรดโชว์ทั่วประเทศ 18 จังหวัด เพื่อเข้าถึงตัวลูกค้าโดยตรงให้มากที่สุด นอกจากนี้ยังใช้การประชาสัมพันธ์ การโฆษณา และการทำตลาดตรง รวมถึงการตลาดแบบผสมผสานเต็มรูปแบบอีกด้วยโดยใช้งบการตลาดทั้งหมด 80 ล้านบาท
สำหรับในประเทศจีนดีเอฟเอ็มเป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 3 มียอดการผลิต 3,00,000 คันต่อปี มียอดจำหน่ายในเซกเมนท์รถเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็กอยู่ที่ 500,000 คันต่อปี โดยรถทุกรุ่นของบริษัทใช้พลังงาน 2ระบบทางเลือก คือ ก๊าซ และ น้ำมัน โดยลูกค้าสามารถเลือกพลังงาน LPG หรือ CNG ได้ตามความต้องการ โดยราคาเริ่มต้นที่ 2.85 - 4.05 แสนบาท
ส่วนประเทศไทยมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ตลอดสามปีที่เข้ามาทำตลาด สำหรับยอดจำหน่ายในปีที่ผ่านมามีจำนวน 2,000 คัน แบ่งเป็นยอดขายเฉพาะในกรุงเทพฯ 40% และต่างจังหวัด 60% ส่วนยอดจำหน่ายครึ่งปีนี้อยู่ที่ 1,500 คัน โดยปีนี้มุ่งเป้ายอดจำหน่ายทั้งปีไว้ที่ 3,000 คัน นอกจากนี้ในงาน Motor Expo 2011 ปลายปีนี้ตงฟง มอเตอร์สเตรียมที่จะเปิดตัวรถตู้ 7 ที่นั่งรุ่นใหม่ ราคาไม่เกิน 4 แสนบาทเพื่อเจาะตลาดกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทโดยเฉพาะ
