xs
xsm
sm
md
lg

Spada Codatronca Monza : ท้าสายลมสุดเร้าใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ถ้าหากว่าชีวิตของคุณไม่สามารถสร้างหัวข้อในการสนทนาขึ้นมาได้ ลองให้รถยนต์ของตัวคุณเองเป็นหัวข้อสนทนาดูสิ” ซึ่งแน่นอนว่ารถยนต์ที่จะสร้างเรื่องให้คุยได้นาน และต่อยอดไปยังเรื่องต่างๆ ได้ อย่างน้องจะต้องมีจุดเด่น หรือจุดที่สามารถสร้างความน่าแปลกใจให้กับเพื่อนร่วมวงสนทนาได้

และ Codatronca Monza ของค่าย Spada น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับเรื่องนี้ เพราะอย่างน้อยแค่ชื่อก็คงสามารถชวนคุยกันได้ถึงที่มาที่ไปว่าน่าสนใจเพียงใด

รถสปอร์ตเปิดประทุนรุ่นนี้ได้รับการออกแบบโดยเปาโล, เออร์โคเล สปาดา และโดมิซิเอโน่ บอสชี่จากสำนักออกแบบ SpadaConcept ส่วนตัวถังได้รับการผลิตโดย Spadavetturesport และ Aznom ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองมอนซ่า ประเทศอิตาลี

ตัวรถได้แรงบันดาลใจมาจากต้นแบบที่เปิดตัวในปี 2008 ซึ่งใช้ชื่อว่า Codatronca Coupe โดยคันจริงที่ทำตลาดได้รับการขึ้นรูปตัวถังในแบบสเปซเฟรมด้วยท่ออลูมิเนียม และใช้คาร์บอนไฟเบอร์ในการผลิตชิ้นส่วนตัวถังเพื่อลดน้ำหนักในการขับขี่ ภายใต้ตัวถังแบบบาร์เช็ตต้าที่มีการหั่นกระจกบังลมหน้าให้เตี้ยลง

จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าแม้จะมีขนาดตัวถังในระดับ 4,759 มิลลิเมตรและระยะฐานล้อ 2,686 มิลลิเมตร ในระดับใกล้เคียงกับรถยนต์ครอบครัวในกลุ่ม D-Segment แต่ทว่า Codatronca Monza กลับมีน้ำหนักเบาเพียง 1,180 กิโลกรัมเท่านั้นเอง


สำหรับเครื่องยนต์เป็นบล็อกใหญ่ที่พกความเร้าใจมาเต็มที่ เป็นขุมพลังวี8 ที่มีความจุถึง 7000 ซีซี ซึ่งไม่ได้บอกแหล่งที่มา แต่ดูจากรูปแบบของฝาสูบที่เป็นแบบ OHV ทำให้เชื่อว่าน่าจะเป็นเครื่องยนต์ที่ยกมาจากผู้ผลิตรถยนต์อเมริกัน ส่วนจะเป็นค่ายไหนยากที่จะเดา และได้รับการพัฒนาโดย Italtechnica โดยมีการติดตั้งซูเปอร์ชาร์จเข้าไปถึง 2 ตัว ทำให้สามารถรีดกำลังออกมาได้ 720 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 96.8 กก.-ม. ที่ 4,200 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดาแบบอัตราทดชิด 6 จังหวะ

ผลที่ได้คือ 3 วินาทีสำหรับการทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และ 335 กิโลเมตร/ชั่วโมงสำหรับความเร็วสูงสุด ส่วนหน้าที่ในการสยบม้าฝูงโตเป็นงานของดิสก์ขนาด 380 มิลลิเมตร พร้อมคาลิเปอร์ 8 ลูกสูบที่ด้านหน้า และ 355 มิลลิเมตรและคาลิเปอร์ 4 ลูกสูบที่ด้านหลัง

ข่าวดีสำหรับรถยนต์รุ่นนี้ คือ ถ้าคุณได้ไปขับ คุณจะไม่มีทางเหมือนใคร และตอบโจทย์ในเรื่องเอกลักษณ์ส่วนบุคคลได้เป็นอย่างดี เพราะว่ามีการผลิตออกมาเพียงแค่คันเดียวเท่านั้น ส่วนข่าวร้าย คือ มีคนจองไปแล้วด้วยวงเงินที่ไม่ได้มีการเปิดเผย (แต่เชื่อว่าแพงแน่ในระดับเลข 7 หลักและตามด้วยหน่วยยูเอสดอลลาร์)

แต่ถ้าไม่คิดอยากจะให้ใครมาเหมือนถึงขนาดนั้น ทาง Spada ก็บอกว่า สามารถสั่งผลิตได้ โดยนำรุ่นต้นแบบมาดัดแปลงเป็นตัวถังแบบเปิดประทุน หรือ Roadster ซึ่งเสากระจกบังลมหน้าจะสูงกว่ารุ่นบาร์เช็ตต้า แต่แน่นอนว่า ราคาก็คงไม่ถูกเหมือนกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น