xs
xsm
sm
md
lg

‘คุณค่า’จัดเต็มบิ๊กไบค์-รถหรู แตกผลิตภัณฑ์-เพิ่มแบรนด์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บิ๊กไบค์ เคทีเอ็ม โดดเด่นที่สมรรถนะอย่าง 1190 RC8 R track ราคา 1,550,000 บาท
คุณค่า คอร์ปอเรชั่น เดินหน้าลุยสู่ปีที่ 2 เตรียมจัดหนักรุกตลาดบิ๊กไบค์-รถยนต์ ประกาศปีนี้ดันแบรนด์ “เคทีเอ็ม” ทำตลาดจริงจังเป็นทางการ หลังมั่นใจแนวโน้มตลาดบิ๊กไบค์ในไทยสดใส เผยไม่ได้มุ่งแข่งหรือแย่งจากใคร แต่สมรรถนะและบุคลิกอันดุดัน จะเป็นการต่อยอดให้กับลูกค้ายี่ห้ออื่นๆ ที่ต้องการรถสมรรถนะสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจากบีเอ็มดับเบิลยู หรือดูคาติ พร้อมรุกกิจกรรมการตลาดและบริการ รวมถึงขยายเครือข่ายการขาย แต่งตั้งดีลเลอร์ภูมิภาคละแห่ง รองรับแผนการใหญ่สยายปีกรุกตลาดแมสมากขึ้น ด้วยการนำเข้ารุ่นเล็ก “เคทีเอ็ม ดุ๊ก200” ราคา 2 แสนบาทมาเขย่าตลาดปลายปีนี้ มั่นใจเฉพาะรุ่นนี้จะกวาดยอดขายเบื้องต้น 400-500 คันต่อปี

เท่านั้นไม่พอยังเสริมทัพคว้าสิทธิ์แบรนด์บิ๊กไบค์ท็อปสุดจากยุโรป มาเปิดตัวขายเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ ในระดับราคา 1.55 ล้านบาทขึ้นไป ด้านธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ นอกจากรถสปอร์ตแนวใหม่ของเคทีเอ็มแล้ว ล่าสุดนำ “มอร์แกน” รถหรูคลาสสิคสไตล์วินเทจมาเป็นอีกทางเลือก โดยจะเริ่มทำตลาดเป็นทางการสิงหาคม-กันยายนนี้ คาดมียอดขายปีแรกกว่า 40 คัน
จากซ้าย “นนทวัชร์ คูเกษมกิจ” และ “พิสิทธิ์ คุณานันทกุล”
เพียงระยะเวลาปีเดียว “คุณค่า คอร์ปอเรชั่น” กลุ่มธุรกิจที่สยายปีกมาจากการเป็นผู้จำหน่ายรถไฟฟ้า Segway ได้ประกาศเปิดตัวเป็นผู้จำหน่ายยานยนต์ที่เน้นความเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นบิ๊กไบค์และรถยนต์แบรนด์ “เคทีเอ็ม” (KTM) จากออสเตรีย หรือล่าสุดรถหรูไสตล์วินเทจยี่ห้อ “มอร์แกน” (Morgan) พร้อมกับเดินหน้าเตรียมทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท สร้างโชว์รูมและศูนย์บริการ รวมถึงแหล่งช็อปปิ้งสินค้าชุดแต่งรถครบวงจร บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่งความใจกล้าและบ้าบิ่นฉีกแนวไม่เหมือนใคร จึงน่าสนใจว่าก้าวสู่ปีที่ 2 อันถือเป็นปีแห่งการเริ่มทำธุรกิจแบบเต็มตัวและเป็นทางการ หรือเมื่อถึงเวลาวัดผลการดำเนินงานจริงๆ แล้ว จะเป็นอย่างไร?

“ปีที่ผ่านมาถือเป็นการเปิดตัวแบรนด์มากกว่า เพราะเคทีเอ็มแม้จะมีชื่อเสียงในสนามแข่งระดับโลก แต่ในไทยยังรู้จักกันส่วนน้อย ต้องเป็นกลุ่มที่ต้องชอบบิ๊กไบค์สมรรถนะสูง เนื่องจากเคทีเอ็มเป็นจุดปลายทางของคนเล่นรถจริงๆ ไม่ใช่ของคนที่เริ่มเล่นรถ ซึ่งหากพ้นเคทีเอ็มคงต้องไปที่รถแข่งแล้วล่ะ”

เป็นการอธิบายถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาของ “พิสิทธิ์ คุณานันทกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คุณค่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด และได้บอกเล่าผ่าน “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ต่อไปว่า รถยนต์เคทีเอ็มก็เช่นกัน บริษัทฯ นำเข้ามาตอบสนองคนชื่นชอบรถแข่ง แต่อยากได้รถที่ขับบนถนนทั่วไป ซึ่งกลุ่มนี้ยิ่งถือว่าน้อยกว่าบิ๊กไบค์เคทีเอ็มเสียอีก
เคทีเอ็ม ครอส-โบว์ รูปลักษณ์เหมือนรถแข่ง
แม้จะแสดงให้เห็นว่ากลุ่มลูกค้าเคทีเอ็มจะน้อยมาก แต่พิสิทธิ์ได้เผยตัวเลขยอดขายบิ๊กไบค์เคทีเอ็ม ที่มีราคาเริ่มต้น 6.1 แสนบาท ไปจนถึงกว่า 1.5 ล้านบาท มีจำนวนกว่า 30 คันไปแล้ว ทั้งที่บอกว่าปีแรกเน้นเปิดตัวแบรนด์มากกว่า โดยยังไม่ถือว่าทำกิจกรรมทางการตลาดจริงจัง เช่นเดียวกับรถยนต์เคทีเอ็ม ครอส-โบว์ ที่รูปลักษณ์ยังกับรถแข่งเอฟวัน(F1) มากกว่าจะนำมาวิ่งบนถนนได้ แถมราคามากกว่า 10 ล้านบาท แต่ก็สามารถทำยอดขายไปแล้ว 10 คัน

“รถเคทีเอ็มพัฒนามาจากพื้นฐานของรถแข่ง จึงมีลักษณะที่ค่อนข้างดุดัน อาจจะไม่ใช่รถสำหรับมือใหม่ กลุ่มลูกค้าจึงมักจะต่อยอดมาจากบิ๊กไบค์ยี่ห้ออื่นๆ อย่างบีเอ็มดับเบิลยู(BMW) หรือดูคาติ (Ducati) แต่เชื่อว่าอนาคตจะเติบโตด้วยดี เพราะแนวโน้มตลาดบิ๊กไบค์ในไทยขยายตัวมาก โดยเฉพาะในช่วงหลายปีมานี้ และปัจจุบันบิ๊กไบค์ที่มีขนาด 600 ซีซีขึ้นไป มียอดจดทะเบียน 3,000 - 4,000 คันต่อปี ยังไม่นับรับรวมรถจากผู้นำเข้าอิสระ และรถระดับ 250 ซีซีอีก”

“นนทวัชร์ คูเกษมกิจ” ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบิ๊กไบค์เคทีเอ็ม บริษัท คุณค่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวเสริมและว่า หากเคทีเอ็มเข้ามาทำตลาดก่อนหน้านี้สักสิบปี คงจะลำบากในการทำตลาด แตกต่างจากปัจจุบันที่คนไทยนิยมบิ๊กไบค์มากขึ้น และปีนี้จะเป็นการทำตลาดจริงจังของเคทีเอ็ม ไม่ว่าจะเป็นการทำกิจกรรมกับลูกค้า หรือเพิ่มการบริการดูแล จากเดิมจะเริ่ม 2 ปี เพิ่มเป็น 3 ปี หรือ 1 แสนกิโลเมตร ซึ่งในต่างประเทศลูกค้าจะต้องซื้อแพ็คเกจนี้เพิ่ม รวมถึงทำราคาอะไหล่และค่าบริการให้ถูกที่สุด ตลอดจนมีแคมเปญอื่นๆ ที่จะทยอยออกมาต่อเนื่อง
ตัวลุยยอดขายเด่น รุ่น 990 แอดเวนเจอร์ ราคา 980,000 บาท
“ปัจจุบันยอดขายหลักของบิ๊กค์ไบค์เคทีเอ็ม จะเป็นรุ่นแอดเวนเจอร์ (Adventure) ประมาณ 60% เพราะสามารถพาลูกค้าไปได้ทุกที่ ในขณะที่ยี่ห้ออื่นๆ ไม่สามารถทำได้ เห็นได้จากมีลูกค้าในไทยได้ขับไปถึงเบสแคมป์ จุดก่อนขึ้นยอดเขาเอเวอเรสต์มาแล้ว ซึ่งจากคุณภาพและลูกค้าได้บอกต่อถึงสมรรถนะสูง ทำให้มั่นใจว่าปีนี้บิ๊กไบค์เคทีเอ็มจะมียอดขาย 80-90 คัน จากทั้งของคุณค่าฯ และดีลเลอร์ที่อุบลราชธานี” นนทวัชร์กล่าวและว่า

สำหรับเครือข่ายการขายหรือดีลเลอร์ นอกจากปัจจุบันมีที่อุบลราชธานีแล้ว กำลังพิจารณาแต่งตั้งดีลเลอร์ภูมิภาคละแห่ง โดยตอนนี้กำลังจะตั้งที่จังหวัดชลบุรีและภาคใต้อีกแห่ง รวมถึงในกรุงเทพฯ แถบฝั่งธนบุรี ซึ่งน่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้ โดยคุณค่าฯ จะให้ความสำคัญกับผู้รู้และเข้าใจในตัวแบรนด์เคทีเอ็มเป็นอันดับแรก
เคทีเอ็ม ดุ๊ก 125 ตัวนี้ประกอบในอินเดีย และคาดว่ารุ่น 200 จะใช้พื้นฐานเดียวกัน
“ภายในสิ้นปีนี้เรากำลังจะขยายสู่ตลาดแมสมากขึ้น ด้วยการนำเข้าบิ๊กไบค์เคทีเอ็มรุ่นดุ๊ก(DUKE) 200 เข้ามาทำตลาด ซึ่งถือเป็นรถรุ่นเล็ก ราคาประมาณ 2 แสนบาท โดยมั่นใจว่าจะมียอดขาย 400-500 คันต่อปี ทำให้ต้องเตรียมพร้อมหลายอย่าง โดยเฉพาะดีลเลอร์ที่จะจำหน่าย เพราะคุณค่าฯ เองไม่ถนัดตลาดแมสเท่าไหร่ จึงต้องหาผู้ที่มีความชำนาญมาช่วย อย่างตัวแทนอยู่ฝั่งธนบุรีที่กำลังจะตั้งขึ้น เขามีความชำนาญในการทำตลาดรถบิ๊กไบค์นำเข้าหลายยี่ห้อมาก่อน ตรงนี้จะทำให้มีฐานลูกค้าอยู่พอสมควร”

พิสิทธิ์เปิดเผยแผนการรุกตลาดของเคทีเอ็มในอนาคตอันใกล้นี้ พร้อมอธิบายว่า เคทีเอ็ม ดุ๊ก200 มีแผนจะประกอบในประเทศอินเดียปลายปีนี้ เพราะบริษัทบาจาจ(Bajaj) กลุ่มธุรกิจรายใหญ่ระดับโลกของอินเดีย เป็นผู้ถือหุ้นในเคทีเอ็ม และปัจจุบันก็ได้มีการประกอบรุ่นดุ๊ก125 อยู่แล้ว เพียงแต่รุ่นดุ๊ก200 จะเป็นโฉมใหม่ แต่เบื้องต้นคงจะนำเข้าจากออสเตรียก่อน

“ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ คุณค่าฯ จะเปิดตัวบิ๊กไบค์แบรนด์ใหม่ โดยถือเป็นแบรนด์จากยุโรประดับท็อปสุดของกลุ่มบิ๊กไบค์ ราคาประมาณ 1.55 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ลูกค้าจะซื้อไว้โชว์และเก็บกัน แต่ตอนนี้ยังเป็นความลับอยู่ ไม่สามารถให้รายละเอียดได้มากกว่านี้ จนกว่าจะถึงเวลาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ” พิสิทธิ์แย้มแผนใหม่ล่าสุด
มอร์แกน แอโร่ ซูเปอร์สปอร์ต  เครื่องยนต์ 4800 ซีซี ราคากว่า 16 ล้านบาท
ส่วนการธุรกิจการจำหน่ายรถยนต์ พิสิทธิ์บอกว่านอกจากรถสปอร์ตเคทีเอ็มแล้ว ล่าสุดได้เป็นตัวแทนนำเข้ารถสไตล์คลาสสิค หรือแบบวินเทจยี่ห้อ “มอแกน” มาเปิดตัวในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2011 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการสร้างการรับรู้ในตัวแบรนด์และผลิตภัณฑ์ โดยตามแผนจะมีการทำตลาดเป็นทางการช่วงสิงหาคม-กันยายนที่จะถึงนี้ ไม่ว่าจะเป็นการทำกิจกรรมการตลาด หรือโฆษณาประชาสัมพันธ์

“มอร์แกนเป็นรถที่มีการออกแบบย้อนยุค โดยมีให้เลือกเป็นรุ่นคลาสสิคเครื่องยนต์ 1600, 2000 และ 3000 ซีซี ราคากว่า 4-6 ล้านบาท และอีกรุ่นแอโร่ ซูเปอร์สปอร์ต (Aero SuperSport) เครื่องยนต์ 4800 ซีซี ราคากว่า 16 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมียอดขายปีแรกประมาณ 40 คัน” พิสิทธิ์กล่าว

นับเป็นการรุกหนักจริงๆ แต่ไม่ได้หมายความว่า เป็นการรุกแบบไร้ทิศทาง เห็นได้จากคำพูดของ “พิสิทธิ์ คุณานันทกุล” ที่ยืนยันว่า... การดำเนินงานของ “คุณค่า คอร์ปอเรชั่น” จะยืดมั่นในทิศทางการทำธุรกิจยานยนต์ ที่เน้นเรื่องเอกลักษณ์เฉพาะตัว และสมรรถนะสูงเท่านั้น!
กำลังโหลดความคิดเห็น