ข่าวต่างประเทศ-หลังเจอปัญหาภาพรวมของตลาดรถยนต์ในเดือนพฤษภาคม ส่งผลให้ยอดขายลดลงไปบ้างเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่ขณะนี้ตลาดรถยนต์ในประเทศจีนกลับมาสู่สภาพที่น่าพึงพอใจอีกครั้ง เมื่อตัวเลขยอดขายในเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 6.2% โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะรถยนต์ญี่ปุ่นที่เกิดอาการสะดุดคลื่นสึนามิ เริ่มกลับมาส่งมอบรถยนต์ให้กับลูกค้าได้อีกครั้ง
Sheng Ye ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ Greater China กล่าวว่า ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โชว์รูมของรถยนต์ญี่ปุ่นหลายแห่งเริ่มมีรถยนต์ส่งมอบให้กับลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การดีดตัวในด้านยอดขายของเดือนมิถุนายนไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจมากเท่าไร เพราะถือเป็นช่วงเริ่มต้นของฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการโกยยอดขายเป็นปกติอยู่แล้ว
“แม้จะเป็นสัญญาณที่ดีขึ้น แต่ผมคิดว่าเรายังมีความท้าทายรออยู่กับการพยายามคงยอดขายในเดือนกรกฎาคม และสิงหาคมไม่ให้ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านี้” Sheng Ye กล่าว
แม้ในปี 2010 จีนจะสามารถผงาดขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ของโลก ด้วยยอดขายที่แซงหน้าตลาดสหรัฐอเมริกา แต่ทว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดยอดขายรถยนต์แบบถล่มทลายนั้น มาจากนโยบายอุดหนุนทางด้านภาษีของภาครัฐ โดยเฉพะการยกเว้นภาษีสำหรับคนที่ซื้อรถยนต์ไซส์เล็ก แต่หลังจากที่นโยบายนี้ไม่ได้มีการนำมาใช้ต่อในปี 2011 จะพบว่ายอดขายในตลาดรถยนต์จีนเริ่มลดลงอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่มีปัจจัยเข้ามาเกื้อหนุนในการตัดสินใจซื้อรถยนต์ แต่นักวิเคราะห์หลายสำนักก็ยังเชื่อว่าตลาดรถยนต์จีนจะสามารรถฝ่าฟันปัญหานี้ไปได้ และมียอดขายเพิ่มขึ้นจากปี 2010 ประมาณ 5% ไม่ขยายตัวในระดับ 10-15% เหมือนกับที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้
ทางด้านผู้ผลิตรถยนต์เองก็ยังมองเรื่องนี้ในแง่ดี โดยทางเควิน เวล ประธานและกรรมการผู้จัดการของจีเอ็ม ไชน่า กล่าวว่า เรื่องยอดขายที่ลดลงในจีนตอนนี้จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว และเชื่อว่าความต้องการของตลาดจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นนอนไม่เกิน 12 เดือนนับจากนี้ เพราะว่าเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ
จากการเปิดเผยของ China Association of Automobile Manufacturers (CAAM) ระบุว่าในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ตลาดจีนมียอดขายรถยนต์, เอสยูวี และมินิแวนอยู่ในระดับ 1.11 ล้านคัน ขณะที่ยอดขายในช่วงครึ่งแรกของปีเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 5.8% โดยมีตัวเลขอยู่ที่ 7.22 ล้านคัน
โดยจีเอ็มซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มียอดขายสูงสุดในจีน มีตัวเลขในเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 9.9% ขณะที่ฟอร์ดเพิ่มขั้นถึง 11% โดยที่โตโยต้าแม้ว่าจะมียอดขายลดลง 2.4% แต่เมื่อพิจารณาจากช่วง 2 เดือนก่อนหน้านี้ถือว่ามีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้น เพราะในเดือนเมษายนและพฤษภาคม ยอดขายของโตโยต้าลดลงถึง 23.5% และ 35% ตามลำดับ
Sheng Ye ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ Greater China กล่าวว่า ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โชว์รูมของรถยนต์ญี่ปุ่นหลายแห่งเริ่มมีรถยนต์ส่งมอบให้กับลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การดีดตัวในด้านยอดขายของเดือนมิถุนายนไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจมากเท่าไร เพราะถือเป็นช่วงเริ่มต้นของฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการโกยยอดขายเป็นปกติอยู่แล้ว
“แม้จะเป็นสัญญาณที่ดีขึ้น แต่ผมคิดว่าเรายังมีความท้าทายรออยู่กับการพยายามคงยอดขายในเดือนกรกฎาคม และสิงหาคมไม่ให้ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านี้” Sheng Ye กล่าว
แม้ในปี 2010 จีนจะสามารถผงาดขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ของโลก ด้วยยอดขายที่แซงหน้าตลาดสหรัฐอเมริกา แต่ทว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดยอดขายรถยนต์แบบถล่มทลายนั้น มาจากนโยบายอุดหนุนทางด้านภาษีของภาครัฐ โดยเฉพะการยกเว้นภาษีสำหรับคนที่ซื้อรถยนต์ไซส์เล็ก แต่หลังจากที่นโยบายนี้ไม่ได้มีการนำมาใช้ต่อในปี 2011 จะพบว่ายอดขายในตลาดรถยนต์จีนเริ่มลดลงอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่มีปัจจัยเข้ามาเกื้อหนุนในการตัดสินใจซื้อรถยนต์ แต่นักวิเคราะห์หลายสำนักก็ยังเชื่อว่าตลาดรถยนต์จีนจะสามารรถฝ่าฟันปัญหานี้ไปได้ และมียอดขายเพิ่มขึ้นจากปี 2010 ประมาณ 5% ไม่ขยายตัวในระดับ 10-15% เหมือนกับที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้
ทางด้านผู้ผลิตรถยนต์เองก็ยังมองเรื่องนี้ในแง่ดี โดยทางเควิน เวล ประธานและกรรมการผู้จัดการของจีเอ็ม ไชน่า กล่าวว่า เรื่องยอดขายที่ลดลงในจีนตอนนี้จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว และเชื่อว่าความต้องการของตลาดจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นนอนไม่เกิน 12 เดือนนับจากนี้ เพราะว่าเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ
จากการเปิดเผยของ China Association of Automobile Manufacturers (CAAM) ระบุว่าในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ตลาดจีนมียอดขายรถยนต์, เอสยูวี และมินิแวนอยู่ในระดับ 1.11 ล้านคัน ขณะที่ยอดขายในช่วงครึ่งแรกของปีเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 5.8% โดยมีตัวเลขอยู่ที่ 7.22 ล้านคัน
โดยจีเอ็มซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มียอดขายสูงสุดในจีน มีตัวเลขในเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 9.9% ขณะที่ฟอร์ดเพิ่มขั้นถึง 11% โดยที่โตโยต้าแม้ว่าจะมียอดขายลดลง 2.4% แต่เมื่อพิจารณาจากช่วง 2 เดือนก่อนหน้านี้ถือว่ามีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้น เพราะในเดือนเมษายนและพฤษภาคม ยอดขายของโตโยต้าลดลงถึง 23.5% และ 35% ตามลำดับ