ในที่สุดรถเมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่น B-Class ก็เสร็จสิ้นภารกิจอย่างงดงามกับการทดสอบ F-CELL World Drive เดินทางรอบโลกด้วยรถพลังงานเซลล์เชื้อเพลิงครั้งแรก นับเป็นบทพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงสามารถใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ด้วยระยะทางกว่า 90,000 กิโลเมตรอันหฤโหด
ดร. ดีทเตอร์ เซทเช ประธานคณะผู้บริหารและหัวหน้ากลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ กล่าวว่าจากการทดสอบแสดงให้เห็นว่ายุคแห่งยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าด้วยพลังงานเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนได้มาถึงแล้ว เพราะเมื่อมีสถานีเชื้อเพลิงไฮโดรเจนกระจายอยู่มากเพียงพอ ผู้บริโภคจึงจะสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงนี้ได้อย่างเต็มที่และการปราศจากการปล่อยมลพิษไอเสียจากรถ
เมอร์เซเดส-เบนซ์ F-CELL World Drive ได้เริ่มต้นเดินทางจากนครสตุทการ์ทตั้งแต่เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาเนื่องในโอกาสการเฉลิมฉลองครบรอบ 125 ปีของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ผู้คิดค้นรถยนต์ขึ้นเป็นคันแรกของโลก โดยการเดินทางรอบโลกครั้งนี้ได้วิ่งผ่านประเทศต่างๆ ถึง 14 ประเทศด้วยกัน คือ เยอรมนี ฝรั่งเศส สเปน โปรตุเกส สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย จีน คาซัคสถาน รัสเซีย ฟินแลนด์ สวีเดน นอร์เวย์ และเดนมาร์ก
ในระหว่างการทดสอบเบนซ์ได้สาธิตให้เห็นถึงประสิทธิภาพของรถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิงทั้งด้านสมรรถนะและความทนทาน โดยทีมงานได้ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่น B-Class F-CELL ทั้ง 3 คันบนเส้นทางทุกสภาพไม่ว่าจะเป็นฝ่าการจราจรแออัดกลางเมืองใหญ่ ถนนชนบทอันคดเคี้ยว ตลอดจนเส้นทางบนทางหลวง เป็นระยะเวลารวมกว่า 70 วัน
โดยระยะทางไกลสุดที่วิ่งได้ด้วยการเติมเชื้อเพลิงหนึ่งครั้งคือ 648 กิโลเมตร ระหว่างเมืองอัลมาตี้ ถึงเมืองบัลคาช ในประเทศคาซัคสถาน ซึ่งตลอดการเดินทางรอบโลกได้ทำการเติมเชื้อเพลิงไป 130 ครั้ง ส่วนในพื้นที่ที่มีสถานีเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจนปรากฏว่าใช้เวลาในการเติมเพียงไม่กี่นาที ซึ่งไม่ได้ต่างจากการเติมน้ำมันสำหรับรถธรรมดาทั่วไป