ข่าวในประเทศ - ซุ่มรุกตลาดครั้งใหญ่ “ซูบารุ” เปิดแผนใหม่ระยะ 3 ปี ตั้งแต่ปี 2011-2013 ภายใต้การสนับสนุนของบริษัทแม่ “ฟูจิ เฮฟวี อินดัสทรีส์” ประเทศญี่ปุ่น หลังจากยกระดับความสำคัญของตลาดในภูมิภาคอาเซียน มาเลเซีย, อินโดนีเซีย และไทย พร้อมกับเล็งเลือกขึ้นไลน์ประกอบรถ 1 ใน 3 ประเทศ เพื่อให้ราคาต่ำลงสามารถแข่งขันได้ เผยในไทยจะเริ่มเห็นความเคลื่อนไหวชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มเป็น 10 แห่ง และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยประเดิมปลายปีนี้กับ “ซูบารุ อิมเพรซา” โฉมใหม่ ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2011 ทีเด็ดนอกจากรูปลักษณ์ใหม่ ยังปรับราคาชนกับสปอร์ตคอมแพ็กต์ค่ายญี่ปุ่นด้วยกัน ทั้งฮอนด้า ซีวิค, มาสด้า3 และมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ โดยกดราคาลงมาอยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านบาท หรือแพงกว่าไม่เกิน 5% ในขณะที่สมรรถนะเหนือกว่า และขับเคลื่อนแบบ AWD นอกจากนี้ยังเตรียมนำเข้ารถโมเดลใหม่ๆ มาเสริมครบไลน์ผลิตภัณฑ์ รวมถึงครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ ที่เพิ่งเผยโฉมคันต้นแบบ “ซูบารุ เอ็กซ์วี” หรือเวอร์ชั่นลุยของอิมเพรซาใหม่ และตามด้วยฟอร์เรสเตอร์โฉมใหม่
แม้จะพยายามครั้งแล้วครั้งเล่า ในการที่จะรุกตลาดไทย แต่ค่ายรถชื่อดังจากแดนปลาดิบ “ซูบารุ” ยังคงเดินวนเวียนอยู่เพียงตัวเลขยอดขายระดับกว่า 100 คันต่อปีเท่านั้น ทั้งที่บรรดาคอรถต่างทราบกันดี “ซูบารุเป็นรถที่ดี” แต่กลับปรากฏว่า...”คนไม่ค่อยซื้อ” และถึงแม้ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ซูบารุจะปรับภาพลักษณ์บุคลิกรถใหม่ จากเน้นสปอร์ตดุดันจ๋า มาสู่ความโฉบเฉี่ยวตามความต้องการของลูกค้ากลุ่มใหญ่ ผลลัพธ์ที่ออกมาในไทยยังมียอดขายเพียงกว่า 150 คันในปีที่แล้ว และยิ่งมาช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ซูบารุก็ไม่มีความเคลื่อนไหวมากนัก แม้แต่งานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2011 ก็ไม่ได้เข้าร่วม แถมยังมาโดนหางเลขเหตุการณ์สึนามิอีก แต่ยังดีว่ารถใหม่ “ซูบารุ เอาต์แบ็ก” ที่เพิ่งเผยโฉมเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี จึงทำให้ตัวเลขช่วงครึ่งปีแรกไม่อยู่ในโซนติดลบ ซึ่งนี่จะช่วยให้ซูบารุเดินได้ไม่สะดุด ช่วยประครองไปจนกว่าแผนรุกตลาดไทยเวอร์ชั่นใหม่ จะเริ่มเห็นผลชัดเจนในอนาคตอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้...
“ซูบารุได้เตรียมรุกตลาดรถยนต์ภายใต้แผน 3 ปี โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2011-2013 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลิตภัณฑ์ใหม่ ภาพลักษณ์ และเครือข่าย ด้วยการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากบริษัทแม่ ‘ฟูจิ เฮฟวี อินดัสทรีส์’ ที่ประเทศญี่ปุ่น เพราะเขามองเห็นความสำคัญของตลาดภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะมาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย”
เป็นการเปิดเผยของ “อภิชัย ธรรมศิรารักษ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท มอเตอร์ อิมเมจ ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด กับ “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” และระบุว่า แต่ในช่วงนี้คงจะยังไม่เห็นผล หรือมีความเคลื่อนไหวอะไรมากนัก เพราะแผนใหม่ระยะเวลา 3 ปี จะเริ่มเห็นชัดเจนตั้งแต่ปลายปีเป็นต้นไป โดยช่วงนี้จะเป็นการเตรียมการและวางแผนมากกว่า
แน่นอนสิ่งที่ชัดเจนอันดับแรกปลายปีนี้ เห็นจะเป็นการนำเข้าผลิตภัณฑ์ใหม่มาทำตลาด หลังจากในต่างประเทศเริ่มมีความเคลื่อนไหว ในการเปิดตัวรถโมเดลใหม่ๆ สู่ตลาดบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเผยโฉมใหม่ “ซูบารุ อิมเพรซา” (Subaru Impreza)โฉมใหม่ หรือรถต้นแบบ “ซูบารุ เอ็กซ์วี คอนเซป” (Subaru XV Concept) หรือเวอร์ชั่นลุยของอิมเพรซ่าใหม่
“ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2011 ปลายปีนี้ คาดว่าซูบารุจะนำเข้าอิมเพรซ่าใหม่มาทำตลาดในไทย และยังมีจะมีแผนเปิดตัวรถอีกหลายรุ่น โดยภายใต้แผนใหม่ 3 ปี จะมีการแนะนำรถซูบารุมาทำตลาดครบทุกไลน์ผลิตภัณฑ์ รวมถึงการขึ้นไลน์ประกอบในอาเซียน ซึ่งจะทำให้ราคาต่ำลงสามารถแข่งขันได้” อภิชัยกล่าวและว่า
“เรื่องราคาเป็นนโยบายอีกอย่างที่สำคัญ โดยรถซูบารุต่อไปจะไม่แพงกว่ารถญี่ปุ่นด้วยกันมากนัก เพราะได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ อย่างเช่นเอสยูวี ‘ซูบารุ เอาต์แบ็ก’ ล่าสุด ทำให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ ซึ่งภายใต้แผนใหม่เราจะมองไปที่ตลาดคอมแพ็กต์คาร์เป็นหลัก ดังนั้น ซูบารุ อิมเพรซา ใหม่ คาดว่าราคาจะแพงกว่าคู่แข่งเล็กน้อย หรือประมาณ 5% เท่านั้น”
ทั้งนี้อภิชัยบอกว่าคู่แข่งสำคัญของ ซูบารุ อิมเพรซา จะเป็นสปอร์ตคอมแพ็กต์คาร์ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น ฮอนด้า ซีวิค, มาสด้า3 และมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ รุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร โดยมีราคาอยู่ที่ประมาณล้านเศษๆ หรือกว่า 1.1 ล้านบาท แต่ราคาของ ซูบารุ อิมเพรซ่า ใหม่(รุ่นมาตรฐาน) จะอยู่ที่ประมาณกว่า 1.2 ล้านบาท ซึ่งที่แพงกว่าเล็กน้อย เพราะเป็นรถนำเข้า และยังเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ AWD ซูบารุจึงมีสมรรถนะเหนือกว่า ในราคาที่แทบจะไม่เห็นความต่าง
สำหรับซูบารุ อิมเพรซา ใหม่ เพิ่งเผยโฉมสู่ตลาดโลกเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ถือเป็นเจนเนอเรชันที่ 4 ของคอมแพ็กต์คาร์สุดสปอร์ตจากค่ายซูบารุ นับตั้งแต่เปิดตัวรุ่นแรกเมื่อปี 1993 โดยความเปลี่ยนแปลงของอิมเพรซาเกิดขึ้นในรุ่นที่ 3 ที่เปิดตัวเมื่อปี 2007 เมื่อแบรนด์ดังของญี่ปุ่นสลัดคราบความเป็นสปอร์ตซีดาน เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของลูกค้ากลุ่มใหญ่ โดยละทิ้งเอกลักษณ์อย่างประตูแบบไร้กรอบ และเส้นสายบนตัวถังที่เน้นความดุดันในทุกรายละเอียด มาสู่การเป็นรถยนต์สำหรับลูกค้าทั่วไป รวมถึงยังไม่มีรุ่นแวกอนมาให้สัมผัส แต่ส่งแฮทช์แบ็ก 5 ประตูเข้ามาทำตลาดแทนที่
อิมเพรซาใหม่มาพร้อมกับเส้นสายตัวถัง ที่ออกแบบได้อย่างเฉียบคม และยังคงสะท้อนความสปอร์ตในทุกมุมมอง โดยสไตล์นี้ถูกนำมาใช้กับเลกาซีใหม่ที่กำลังขายอยู่ในตอนนี้ และถูกถ่ายทอดรวมถึงขัดเกลาให้เข้ากับตัวถังที่เล็กลงมาของอิมเพรซา ภายใต้แนวคิด Smart และในแง่ของมิติตัวถังเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นเดิมนั้น ซูบารุเผยว่าใหญ่ขึ้นในเกือบทุกส่วน ขณะที่รุ่นแฮทช์แบ็กเบาะนั่งหลังสามารถแยกพับในอัตราส่วน 40/60 หรือพับลงทั้งหมดได้
โดยเครื่องยนต์ที่ทำตลาด จะเริ่มต้นกับเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ หรือสูบนอนซีซีต่ำ ในคลาส 1600 ซีซี ซึ่งเป็นบล็อกใหม่ โดยในแง่ของแรงม้าและแรงบิด ยังไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่จะจับคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ หรือว่าอัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT ซึ่งซูบารุเรียกว่า Lineartronic และเป็นเจนเนอเรชันที่ 2 ของเกียร์ชุดนี้แล้ว ขณะที่รุ่นสูงขึ้นไปในเกียร์ CVT จะมีโหมดล็อกคอัตราทด 6 จังหวะเดินหน้าเอาไว้ให้ และมี Paddle Shift ติดตั้งที่พวงมาลัยเอาไว้เปลี่ยนเกียร์กันเอาเอง
ส่วนรุ่น 2000 ซีซี เป็นบล็อกใหม่เหมือนกัน จะเริ่มต้นกับรุ่นหายใจเองที่มีกำลังอยู่ในระดับ 148 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 20.1 กก.-ม.ขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยระบบ AWD แบบ Symmetrical โดยซูบารุบอกว่าเครื่องยนต์บล็อกนี้มีน้ำหนักเบาขึ้น และตอบสนองการขับเคลื่อน ในระดับใกล้เคียงกับเครื่องยนต์ 2500 ซีซี และประหยัดน้ำมันในระดับ 16.2 กิโลเมตร/ลิตร สำหรับการขับนอกเมือง
“ในอนาคตรถรุ่นที่น่าจะได้รับการตอบรับดี และน่าจะเปิดตลาดใหม่ได้ เห็นจะเป็นครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวเวอร์ชั่นต้นแบบ ‘ซูบารุ เอ็กซ์วี’ ซึ่งหากขึ้นไลน์ผลิตและเปิดตัวสู่ตลาด ไทยก็พร้อมจะนำเข้ามาทำตลาด เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ของซูบารุในไทยครบไลน์มากขึ้น รวมถึงการนำเข้าโฉมใหม่ของ ซูบารุ ฟอร์เรสเตอร์ มาทำตลาดในอนาคตด้วย” อภิชัยกล่าวและว่า
นอกจากนี้การปรับภาพลักษณ์ใหม่ของซูบารุ ด้วยการออกแบบรูปลักษณ์ให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหญ่ทั่วไป ซึ่งได้ดำเนินมาได้ระยะหนึ่ง จะช่วยให้ซูบารุขยายตลาดได้กว้างขึ้น ดังจะเห็นได้จากการที่ปัจจุบันมีผู้หญิงมาซื้อรถซูบารุมากขึ้น และรถโมเดลใหม่ๆ ที่ออกมาสู่ตลาด อย่างเช่นซูบารุ อิมเพรซา ที่มีดีไซน์โฉบเฉี่ยวไม่ดุดันมาก แต่ก็คงคงสมรรถนะไว้เช่นเดิม ทำให้น่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าทั่วไปมากขึ้น และภายในปีนี้จะแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย หรือดีลเลอร์ เพื่อเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการใหม่เพิ่มเป็น 10 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่เพียง 5 แห่ง
“หากดำเนินการบรรลุตามแผนใหม่ 3 ปี จะผลักดันให้ยอดขายของซูบารุเติบโตขึ้นมาก หรือมียอดขายไม่ต่ำกว่าปีละ 2,000 คัน แต่แผนใหม่จะเริ่มชัดเจนช่วงปลายปีนี้ ทำให้ยังไม่ส่งผลต่อยอดขายมากนัก จึงน่าใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมามียอดขายประมาณกว่า 150 คัน”
ฟังคำบอกเล่าแผนใหม่ซูบารุแล้ว ตลอดทั้งปีนี้คงจะเป็นช่วงประครองตัวเท่านั้น เอาไว้ถึงปลายปีมาดูกันว่า... ภายใต้แผน 3 ปี จะเห็นผลชัดเจน และสมราคาคุยหรือไม่?!
แม้จะพยายามครั้งแล้วครั้งเล่า ในการที่จะรุกตลาดไทย แต่ค่ายรถชื่อดังจากแดนปลาดิบ “ซูบารุ” ยังคงเดินวนเวียนอยู่เพียงตัวเลขยอดขายระดับกว่า 100 คันต่อปีเท่านั้น ทั้งที่บรรดาคอรถต่างทราบกันดี “ซูบารุเป็นรถที่ดี” แต่กลับปรากฏว่า...”คนไม่ค่อยซื้อ” และถึงแม้ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ซูบารุจะปรับภาพลักษณ์บุคลิกรถใหม่ จากเน้นสปอร์ตดุดันจ๋า มาสู่ความโฉบเฉี่ยวตามความต้องการของลูกค้ากลุ่มใหญ่ ผลลัพธ์ที่ออกมาในไทยยังมียอดขายเพียงกว่า 150 คันในปีที่แล้ว และยิ่งมาช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ซูบารุก็ไม่มีความเคลื่อนไหวมากนัก แม้แต่งานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2011 ก็ไม่ได้เข้าร่วม แถมยังมาโดนหางเลขเหตุการณ์สึนามิอีก แต่ยังดีว่ารถใหม่ “ซูบารุ เอาต์แบ็ก” ที่เพิ่งเผยโฉมเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี จึงทำให้ตัวเลขช่วงครึ่งปีแรกไม่อยู่ในโซนติดลบ ซึ่งนี่จะช่วยให้ซูบารุเดินได้ไม่สะดุด ช่วยประครองไปจนกว่าแผนรุกตลาดไทยเวอร์ชั่นใหม่ จะเริ่มเห็นผลชัดเจนในอนาคตอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้...
“ซูบารุได้เตรียมรุกตลาดรถยนต์ภายใต้แผน 3 ปี โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2011-2013 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลิตภัณฑ์ใหม่ ภาพลักษณ์ และเครือข่าย ด้วยการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากบริษัทแม่ ‘ฟูจิ เฮฟวี อินดัสทรีส์’ ที่ประเทศญี่ปุ่น เพราะเขามองเห็นความสำคัญของตลาดภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะมาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย”
เป็นการเปิดเผยของ “อภิชัย ธรรมศิรารักษ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท มอเตอร์ อิมเมจ ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด กับ “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” และระบุว่า แต่ในช่วงนี้คงจะยังไม่เห็นผล หรือมีความเคลื่อนไหวอะไรมากนัก เพราะแผนใหม่ระยะเวลา 3 ปี จะเริ่มเห็นชัดเจนตั้งแต่ปลายปีเป็นต้นไป โดยช่วงนี้จะเป็นการเตรียมการและวางแผนมากกว่า
แน่นอนสิ่งที่ชัดเจนอันดับแรกปลายปีนี้ เห็นจะเป็นการนำเข้าผลิตภัณฑ์ใหม่มาทำตลาด หลังจากในต่างประเทศเริ่มมีความเคลื่อนไหว ในการเปิดตัวรถโมเดลใหม่ๆ สู่ตลาดบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเผยโฉมใหม่ “ซูบารุ อิมเพรซา” (Subaru Impreza)โฉมใหม่ หรือรถต้นแบบ “ซูบารุ เอ็กซ์วี คอนเซป” (Subaru XV Concept) หรือเวอร์ชั่นลุยของอิมเพรซ่าใหม่
“ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2011 ปลายปีนี้ คาดว่าซูบารุจะนำเข้าอิมเพรซ่าใหม่มาทำตลาดในไทย และยังมีจะมีแผนเปิดตัวรถอีกหลายรุ่น โดยภายใต้แผนใหม่ 3 ปี จะมีการแนะนำรถซูบารุมาทำตลาดครบทุกไลน์ผลิตภัณฑ์ รวมถึงการขึ้นไลน์ประกอบในอาเซียน ซึ่งจะทำให้ราคาต่ำลงสามารถแข่งขันได้” อภิชัยกล่าวและว่า
“เรื่องราคาเป็นนโยบายอีกอย่างที่สำคัญ โดยรถซูบารุต่อไปจะไม่แพงกว่ารถญี่ปุ่นด้วยกันมากนัก เพราะได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ อย่างเช่นเอสยูวี ‘ซูบารุ เอาต์แบ็ก’ ล่าสุด ทำให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ ซึ่งภายใต้แผนใหม่เราจะมองไปที่ตลาดคอมแพ็กต์คาร์เป็นหลัก ดังนั้น ซูบารุ อิมเพรซา ใหม่ คาดว่าราคาจะแพงกว่าคู่แข่งเล็กน้อย หรือประมาณ 5% เท่านั้น”
ทั้งนี้อภิชัยบอกว่าคู่แข่งสำคัญของ ซูบารุ อิมเพรซา จะเป็นสปอร์ตคอมแพ็กต์คาร์ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น ฮอนด้า ซีวิค, มาสด้า3 และมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ รุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร โดยมีราคาอยู่ที่ประมาณล้านเศษๆ หรือกว่า 1.1 ล้านบาท แต่ราคาของ ซูบารุ อิมเพรซ่า ใหม่(รุ่นมาตรฐาน) จะอยู่ที่ประมาณกว่า 1.2 ล้านบาท ซึ่งที่แพงกว่าเล็กน้อย เพราะเป็นรถนำเข้า และยังเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ AWD ซูบารุจึงมีสมรรถนะเหนือกว่า ในราคาที่แทบจะไม่เห็นความต่าง
สำหรับซูบารุ อิมเพรซา ใหม่ เพิ่งเผยโฉมสู่ตลาดโลกเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ถือเป็นเจนเนอเรชันที่ 4 ของคอมแพ็กต์คาร์สุดสปอร์ตจากค่ายซูบารุ นับตั้งแต่เปิดตัวรุ่นแรกเมื่อปี 1993 โดยความเปลี่ยนแปลงของอิมเพรซาเกิดขึ้นในรุ่นที่ 3 ที่เปิดตัวเมื่อปี 2007 เมื่อแบรนด์ดังของญี่ปุ่นสลัดคราบความเป็นสปอร์ตซีดาน เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของลูกค้ากลุ่มใหญ่ โดยละทิ้งเอกลักษณ์อย่างประตูแบบไร้กรอบ และเส้นสายบนตัวถังที่เน้นความดุดันในทุกรายละเอียด มาสู่การเป็นรถยนต์สำหรับลูกค้าทั่วไป รวมถึงยังไม่มีรุ่นแวกอนมาให้สัมผัส แต่ส่งแฮทช์แบ็ก 5 ประตูเข้ามาทำตลาดแทนที่
อิมเพรซาใหม่มาพร้อมกับเส้นสายตัวถัง ที่ออกแบบได้อย่างเฉียบคม และยังคงสะท้อนความสปอร์ตในทุกมุมมอง โดยสไตล์นี้ถูกนำมาใช้กับเลกาซีใหม่ที่กำลังขายอยู่ในตอนนี้ และถูกถ่ายทอดรวมถึงขัดเกลาให้เข้ากับตัวถังที่เล็กลงมาของอิมเพรซา ภายใต้แนวคิด Smart และในแง่ของมิติตัวถังเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นเดิมนั้น ซูบารุเผยว่าใหญ่ขึ้นในเกือบทุกส่วน ขณะที่รุ่นแฮทช์แบ็กเบาะนั่งหลังสามารถแยกพับในอัตราส่วน 40/60 หรือพับลงทั้งหมดได้
โดยเครื่องยนต์ที่ทำตลาด จะเริ่มต้นกับเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ หรือสูบนอนซีซีต่ำ ในคลาส 1600 ซีซี ซึ่งเป็นบล็อกใหม่ โดยในแง่ของแรงม้าและแรงบิด ยังไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่จะจับคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ หรือว่าอัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT ซึ่งซูบารุเรียกว่า Lineartronic และเป็นเจนเนอเรชันที่ 2 ของเกียร์ชุดนี้แล้ว ขณะที่รุ่นสูงขึ้นไปในเกียร์ CVT จะมีโหมดล็อกคอัตราทด 6 จังหวะเดินหน้าเอาไว้ให้ และมี Paddle Shift ติดตั้งที่พวงมาลัยเอาไว้เปลี่ยนเกียร์กันเอาเอง
ส่วนรุ่น 2000 ซีซี เป็นบล็อกใหม่เหมือนกัน จะเริ่มต้นกับรุ่นหายใจเองที่มีกำลังอยู่ในระดับ 148 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 20.1 กก.-ม.ขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยระบบ AWD แบบ Symmetrical โดยซูบารุบอกว่าเครื่องยนต์บล็อกนี้มีน้ำหนักเบาขึ้น และตอบสนองการขับเคลื่อน ในระดับใกล้เคียงกับเครื่องยนต์ 2500 ซีซี และประหยัดน้ำมันในระดับ 16.2 กิโลเมตร/ลิตร สำหรับการขับนอกเมือง
“ในอนาคตรถรุ่นที่น่าจะได้รับการตอบรับดี และน่าจะเปิดตลาดใหม่ได้ เห็นจะเป็นครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวเวอร์ชั่นต้นแบบ ‘ซูบารุ เอ็กซ์วี’ ซึ่งหากขึ้นไลน์ผลิตและเปิดตัวสู่ตลาด ไทยก็พร้อมจะนำเข้ามาทำตลาด เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ของซูบารุในไทยครบไลน์มากขึ้น รวมถึงการนำเข้าโฉมใหม่ของ ซูบารุ ฟอร์เรสเตอร์ มาทำตลาดในอนาคตด้วย” อภิชัยกล่าวและว่า
นอกจากนี้การปรับภาพลักษณ์ใหม่ของซูบารุ ด้วยการออกแบบรูปลักษณ์ให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหญ่ทั่วไป ซึ่งได้ดำเนินมาได้ระยะหนึ่ง จะช่วยให้ซูบารุขยายตลาดได้กว้างขึ้น ดังจะเห็นได้จากการที่ปัจจุบันมีผู้หญิงมาซื้อรถซูบารุมากขึ้น และรถโมเดลใหม่ๆ ที่ออกมาสู่ตลาด อย่างเช่นซูบารุ อิมเพรซา ที่มีดีไซน์โฉบเฉี่ยวไม่ดุดันมาก แต่ก็คงคงสมรรถนะไว้เช่นเดิม ทำให้น่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าทั่วไปมากขึ้น และภายในปีนี้จะแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย หรือดีลเลอร์ เพื่อเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการใหม่เพิ่มเป็น 10 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่เพียง 5 แห่ง
“หากดำเนินการบรรลุตามแผนใหม่ 3 ปี จะผลักดันให้ยอดขายของซูบารุเติบโตขึ้นมาก หรือมียอดขายไม่ต่ำกว่าปีละ 2,000 คัน แต่แผนใหม่จะเริ่มชัดเจนช่วงปลายปีนี้ ทำให้ยังไม่ส่งผลต่อยอดขายมากนัก จึงน่าใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมามียอดขายประมาณกว่า 150 คัน”
ฟังคำบอกเล่าแผนใหม่ซูบารุแล้ว ตลอดทั้งปีนี้คงจะเป็นช่วงประครองตัวเท่านั้น เอาไว้ถึงปลายปีมาดูกันว่า... ภายใต้แผน 3 ปี จะเห็นผลชัดเจน และสมราคาคุยหรือไม่?!