ต้องเรียกว่าเป็น One Off หรือรถยนต์ที่ผลิตขึ้นมาเพียงคันเดียวที่ไม่ธรรมดา เพราะเมื่อมองดูผ่านๆ อาจจะคิดว่ายนตรกรรมระดับหรูที่เห็นอยู่นี้ไม่แตกต่างจากสายพันธุ์ LS600h L ที่มีให้เห็นทั่วไปบนท้องถนน แต่เล็กซัสจัดการดัดแปลงให้แตกต่าง เพื่อโอกาสพิเศษ เนื่องจากได้รับเกียรติจากราชวงศ์โมนาโก ให้เป็นยานยนต์สำหรับใช้ในการพระราชพิธีเสกสมรสของเจ้าชายอัลเบิร์ตที่ 2 กับนางสาวชาร์ลีน วิตต์สต็อก ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 2 กรกฎาคม 2011
ยนตรกรรมรุ่นนี้มีชื่อต่อท้ายว่า Landaulet เพื่อสื่อให้เห็นถึงการดัดแปลงตัวรถเพื่อให้มีส่วนคล้ายกับรถม้าแบบเปิดประทุนยุคโบราณ และทางเล็กซัส ยุโรปถือเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้รับเลือกให้สร้างสรรค์ราชยานยนต์สำหรับใช้ในการพระราชพิธีที่มีความพิเศษนี้
"ถือเป็นความภูมิใจอย่างมากสำหรับเล็กซัส และเราได้เลือกเอารถยนต์ระดับหรูไฮบริดรุ่น LS660h L มาดัดแปลงเพื่อใช้ในงานพระราชพิธีในครั้งนี้ เพราะว่าพันธสัญญาของเราในเรื่องของการพัฒนานวัตกรรม และการขับเคลื่อนอันยั่งยืนของเล็กซัสสอดคล้องกับความสนใจของเจ้าชายอัลเบิร์ตที่ 2 ที่ทรงให้ความสนพระทัยในเรื่องของการปกป้องสิ่งแวดล้อม" Andy Pfeiffenberger รองประธานของเล็กซัส ยุโรปกล่าว
จุดเด่นของตัวรถอยู่ที่ตัวถังทางด้านท้าย เพราะว่าทางเล็กซัสได้ร่วมมือกับ Carat Duchatelet ผู้ผลิตตัวถังในเบลเยียม ที่มีความสนิทและใกล้ชิดกับเล็กซัส และถึงจะดูเหมือนกับดัดแปลงง่ายๆ แต่ต้องใช้เวลานานถึง 2,000 ชั่วโมง ในการทำงาน และดัดแปลงให้ตัวรถมีความสมบูรณ์สูงสุด และพร้อมใช้งานได้อย่างยอดเยี่ยม
"ประสบการณ์มากกว่า 40 ปีของเราในการผลิตและสร้างสรรค์รถกันกระสุน รวมถึงรถยนต์พิเศษสำหรับราชวงศ์ และบุคคลสำคัญ ถูกหล่อหลอมและนำมาใช้กับงานที่สำคัญครั้งนี้" Benoit Ceulemans บอสส์ใหญ่ของ Carat Duchatelet กล่าว "นี่คือโครงการสำคัญของเรา และถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทได้มีส่วนร่วมในการผลิตและดัดแปลงรถยนต์ที่มีความพิเศษ เพื่อใช้ในโอกาสพิเศษที่ควรค่าแก่การจดจำครั้งนี้"
LS600h L ถูกถอดหลังคาส่วนท้ายตรงช่วงของเบาะนั่งหลังออก เพื่อให้เปิดโล่งเป็นลักษณะเปิดประทุนเฉพาะจุด อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัย มีการผลิตชุดหลังคาใสแบบ Polycarbonate มาให้ด้วย สามารถถอดประกอบได้ตามความต้องการ
หลังคาชุดนี้มีความหนา 8 มิลลิเมตร แต่มีน้ำหนักเบาเพียง 26 กิโลกรัมเท่านั้น และขั้นตอนในการออกแบบและทำงานส่วนนี้ต้องมีความชำนาญและแม่นยำอย่างมาก เพื่อให้เกิดรอยต่อและช่องว่างระหว่างตัวถังที่เป็นหลักกับแผ่นหลังคาใสให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งเล็กซัสเผยว่า มีช่องว่างต่ำกว่า 1 มิลลิเมตร
นอกจากนั้น โครงสร้างตัวถังทั้งหมดของตัวรถยังได้รับการเสริมความแข็งแกร่ง และความแข็งแรงอย่างเต็มที่ด้วยการใช้โครงสร้างแบบรังผึ้ง และวัสดุอย่างคาร์บอร์ไฟเบอร์ และเคฟลาร์มาใช้ในการผลิต เพื่อให้ตัวถังมีความทนทานต่อการบิดตัวในระหว่างการขับขี่ แม้ว่าจะไม่มีแผ่นหลังคาส่วนท้าย และเสากระจกบังลมหลังเหลืออยู่ก็ตาม
การขับเคลื่อนเป็นหน้าที่ของเครื่องยนต์ไฮบริดบล็อกใหญ่ ซึ่งเป็นการจับคู่ระหว่างเครื่องยนต์เบนซินวี8 5000 ซีซี กับมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งผลิตกำลังออกมารวมกันได้ 439 แรงม้า และส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง
โดยระหว่างวันพระราชพิธีฯ ราชยานยนต์คันนี้จะนำเจ้าชายกับว่าที่เจ้าหญิงเดินทางจากราชวังที่ Rocher ลงมายังเส้นทางบริเวณอ่าว และขับไปตามถนน Boulevard Albert I และไปสิ้นสุดที่โบสถ์ Sainte-Devote ซึ่งจากเส้นทางที่เน้นในเมือง และขับแบบใช้ความเร็วต่ำ ตัวรถจะขับเคลื่อนในรูปแบบของระบบไฟฟ้าเป็นหลักโดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าที่อาศัยพลังจากแบตเตอรี่
หลังเสร็จสิ้นหน้าที่ในการพระราชพิธีฯ แล้ว แต่หน้าที่ของ LS600h L คันนี้ยังไม่หมด เพราะเล็กซัสจะนำออกจัดแสดงเป็นครั้งแรกที่ Media Center ของงาน ก่อนที่จะนำไปโชว์ตัวอีกครั้งที่พิพิธภัณฑ์ Oceanographic Museum เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้ชื่นชมความงาม