วันนี้ (23 มิ.ย.) บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว “แคปติวา ใหม่” ซึ่งถือเป็นบิ๊กไมเนอร์เชนจ์ของเอสยูวีรุ่นดัง มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด รองรับน้ำมันแก็สโซฮอล์ อี85 ราคา 1.198-1.580 ล้านบาท
“แคปติวา ใหม่” โดดเด่นด้วยกระจังหน้าสองชั้น “ดูอัลพอร์ท” ขนาดใหญ่ พร้อมกรอบโครเมียมหรู สะท้อนเอกลักษณ์ใหม่ของเชฟโรเลต คาดกลางด้วยโลโก้โบว์ไทสีทองซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้น และใช้วัสดุพิเศษที่เพิ่มมิติบนพื้นผิวโลโก้เพื่อดึงดูดทุกสายตา กรอบไฟหน้าดีไซน์ใหม่เน้นความดุดันอยู่คู่กับไฟโปรเจคเตอร์
ฝากระโปรงและกันชนหน้าได้รับการออกแบบใหม่ให้มีเส้นสายลื่นไหล พร้อมช่องรับอากาศและไฟตัดหมอกรูปทรงใหม่ ที่ฝังตัวอยู่บริเวณด้านข้างของกันชนหน้า เติมความบึกบึนด้วยแผ่นกันกระแทกสีบรอนซ์ใต้กันชนหน้าซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในแคปติวา ใหม่ทุกรุ่น ขณะที่ด้านท้ายรถ ติดตั้ง สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่สาม ส่วนบริเวณกันชนได้รับการติดตั้งแผ่นกันกระแทก รับกับปลายท่อไอเสียคู่โครเมียมแบบสปอร์ต
แคปติวา ใหม่ ปรับแต่งให้ดูสมบุกสมบันมากขึ้น รองรับกับล้ออัลลอยขนาดใหญ่ถึง 19 นิ้วในรุ่น LTZ พร้อมยาง 235/50 R19 ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วในรุ่น LT พร้อมยาง 235/55 R18 และขนาด 17 นิ้วในรุ่น LSX และ LS พร้อมยาง 235/60R17
สำหรับสีสันตัวถังของแคปติวา ใหม่ มี 5 สีให้เลือกใช้ตามบุคลิกของผู้ขับขี่ ได้แก่ สีขาว Alpine White สีดำ Black Sapphire สีเทา Royal Gray และสีเงิน Sterling Silver พร้อมกับมีสีสุดพิเศษสำหรับแคปติวาใหม่โดยเฉพาะ คือสีน้ำตาล Auburn Brown
ส่วนภายในห้องโดยสารของแคปติวา ใหม่ ผสมผสานความอเนกประสงค์ และความสะดวกสบาย พร้อมกับใช้วัสดุสีโทนสว่างอย่างเมทัลลิก เบาะที่นั่งหุ้มหนัง ด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ขณะที่แผงคอนโซลหน้าออกแบบเน้นความทันสมัย หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้วพร้อมระบบนำทางเนวิเกเตอร์ ดูหนังฟังเพลง ตลอดจนบอกข้อมูลการขับขี่ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น LTZ ด้านล่างของจอได้รับติดตั้งสวิทช์ต่างๆ และนาฬิกาบอกเวลาทรงกลม
ด้านพวงมาลัย 4 ก้านแบบมัลติฟังก์ชั่นซึ่งผู้ขับขี่สามารถควบคุมระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติ ระบบเครื่องเสียง และระบบปรับอากาศ
ขณะเดียวกัน แคปติวา ใหม่ ยังล้ำสมัยด้วยการติดตั้งเบรกมือไฟฟ้าเป็นครั้งแรกในรถอเนกประสงค์ระดับเดียวกัน นอกจากใช้งานง่ายกว่าเบรกมือแบบเดิมแล้ว ยังเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระบริเวณคอนโซลกลางอีกด้วย ในยามค่ำคืนแผงคอนโซลให้แสงสีฟ้าอ่อน (Ice Blue) เช่นเดียวกับมาตรวัดรอบและความเร็วดีไซน์ใหม่แบบเรืองแสง
แคปติวา ใหม่ สามารถปรับรูปแบบการใช้งานตามความต้องการ ด้วยความกว้างขวางสะดวกสบายจากเบาะโดยสาร 5 หรือ 7 ที่นั่ง พร้อมระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถวที่ 3 เมื่อพับเบาะแถวที่ 3 ราบลงจะมีปริมาตรในการขนสัมภาระอยู่ที่ 465 ลิตร เมื่อปรับเบาะแถวที่ 2 ลงทั้งหมดจะเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระได้อย่างอเนกประสงค์ถึง 930 ลิตร
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบ Infotainment เพียบพร้อมด้วยการแสดงข้อมูลของตัวรถ และความบันเทิงซึ่งได้รับการติดตั้งระบบเครื่องเสียงสามมิติ (3 Dimensional Sound Staging) ที่ผ่านการคำนวณอย่างละเอียด เพื่อเลี่ยงข้อจำกัดของขนาดห้องโดยสารรถ โดยเน้นให้เสียงโอบล้อมผู้ขับขี่และผู้โดยสารอย่างมีมิติ คมชัด และสมจริง ผ่านลำโพง 8 ตัวในรุ่น LTZ และ LT โดยสามารถเชื่อมต่อด้วยระบบบลูทูธ พอร์ทยูเอสบี และ เอยูเอ็กซ์
ด้านเครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียง ความจุกระบอกสูบ 2.4 ลิตร DOHC พร้อมระบบ Double CVC หรือแคมชาฟท์แปรผันคู่ต่อเนื่อง ที่สามารถปรับเปลี่ยนท่อไอดีและไอเสียได้ตามรอบเครื่องยนต์ ให้กำลังสูงสุด 168 แรงม้า (PS) ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 229 นิวตัน-เมตรที่ 4,600 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Driver Shift Control (DSC) ให้ผู้ขับเปลี่ยนเกียร์ได้เองแบบเกียร์ธรรมดา
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบในแคปติวา ใหม่ มาพร้อมกับระบบเชื้อเพลิงแบบเฟล็กซ์ฟิว E85 โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้น้ำมันได้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเบนซินทั่วไป หรือน้ำมันเบนซินผสมเอทานอล ที่เรียกกันเป็นตัวเลข อาทิ E10 เป็น ไปจนถึง E20 และ E85
ระบบกันสะเทือนเป็นแบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท ที่ด้านหน้า และใช้ระบบช่วงล่างอิสระมัลติลิงค์ยึด 4 จุดที่ด้านหลัง พร้อมเหล็กกันโคลงที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ปรับตั้งช็อกอัพและสปริงใหม่ รวมถึงการติดตั้งลิงค์ไฮโดรลิกที่ช่วงล่างด้านหลังเพื่อลดแรงสั่นสะเทือน ให้การยึดเกาะถนนอย่างปลอดภัย
แคปติวา ใหม่ มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยครบครัน ถุงลมนิรภัยคู่หน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมเพิ่มม่านถุงลมนิรภัยบริเวณด้านข้างรถเพื่อป้องกันศีรษะของผู้ขับขี่ และผู้โดยสารในกรณีเกิดการชนด้านข้าง ระบบดิสก์เบรก 4 ล้อแบบมีครีบระบายความร้อนที่เบรกคู่หน้า พร้อมระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบเสริมแรงเบรกแบบไฮโดรลิก (HBA) และระบบกระจายแรงเบรกอัตโนมัติ (EBD) นอกจากนี้ ยังมีระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESP) รวมถึงระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (ARP)
รวมถึงระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางลาดชัน (Hill Start Assist) ระบบช่วงล่างยกตัวอัตโนมัติ (Self-Levelizer) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงที่ลาดชัน (Hill Descent Control)
แคปติวา ใหม่ มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า และขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา (All-Wheel Drive) พร้อมระบบเสริมแรงบิดอัจฉริยะ (Active Torque On Demand) ช่วยเสริมพละกำลังให้แก่ระบบขับเคลื่อนแบบ AWD จากการทำงานของคลัตช์แม่เหล็กไฟฟ้ากับคลัตช์แบบเปียกซึ่งจะทำหน้าที่ส่งกำลังสู่ระบบเฟืองท้ายแบบไฟฟ้าเพื่อกระจายแรงบิดที่เหมาะสมมากที่สุดสำหรับเพลาล้อคู่หน้าและคู่หลัง ทั้งนี้เพื่อสร้างสมดุลและเสริมกำลังให้แก่สภาพการขับที่ที่แตกต่างกันออกไป
ขณะเดียวกัน เชฟโรเลต ยังเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คู่รัก ครอบครัวคนรุ่นใหม่ “มอส-ปฏิภาณ ปฐวีกานต์ และ เกม-ดวงพร ลือกิตินันท์” เพื่อเป็นตัวแทนในการนำเสนอ บอกเล่าเรื่องราวของสมรรถนะ อุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยี และความสะดวกสบาย ของ เชฟโรเลต แคปติวา ใหม่
สำหรับเชฟโรเลต แคปติวา ใหม่ ราคา 1,198,000 ถึง 1,580,000 บาท
“แคปติวา ใหม่” โดดเด่นด้วยกระจังหน้าสองชั้น “ดูอัลพอร์ท” ขนาดใหญ่ พร้อมกรอบโครเมียมหรู สะท้อนเอกลักษณ์ใหม่ของเชฟโรเลต คาดกลางด้วยโลโก้โบว์ไทสีทองซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้น และใช้วัสดุพิเศษที่เพิ่มมิติบนพื้นผิวโลโก้เพื่อดึงดูดทุกสายตา กรอบไฟหน้าดีไซน์ใหม่เน้นความดุดันอยู่คู่กับไฟโปรเจคเตอร์
ฝากระโปรงและกันชนหน้าได้รับการออกแบบใหม่ให้มีเส้นสายลื่นไหล พร้อมช่องรับอากาศและไฟตัดหมอกรูปทรงใหม่ ที่ฝังตัวอยู่บริเวณด้านข้างของกันชนหน้า เติมความบึกบึนด้วยแผ่นกันกระแทกสีบรอนซ์ใต้กันชนหน้าซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในแคปติวา ใหม่ทุกรุ่น ขณะที่ด้านท้ายรถ ติดตั้ง สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่สาม ส่วนบริเวณกันชนได้รับการติดตั้งแผ่นกันกระแทก รับกับปลายท่อไอเสียคู่โครเมียมแบบสปอร์ต
แคปติวา ใหม่ ปรับแต่งให้ดูสมบุกสมบันมากขึ้น รองรับกับล้ออัลลอยขนาดใหญ่ถึง 19 นิ้วในรุ่น LTZ พร้อมยาง 235/50 R19 ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วในรุ่น LT พร้อมยาง 235/55 R18 และขนาด 17 นิ้วในรุ่น LSX และ LS พร้อมยาง 235/60R17
สำหรับสีสันตัวถังของแคปติวา ใหม่ มี 5 สีให้เลือกใช้ตามบุคลิกของผู้ขับขี่ ได้แก่ สีขาว Alpine White สีดำ Black Sapphire สีเทา Royal Gray และสีเงิน Sterling Silver พร้อมกับมีสีสุดพิเศษสำหรับแคปติวาใหม่โดยเฉพาะ คือสีน้ำตาล Auburn Brown
ส่วนภายในห้องโดยสารของแคปติวา ใหม่ ผสมผสานความอเนกประสงค์ และความสะดวกสบาย พร้อมกับใช้วัสดุสีโทนสว่างอย่างเมทัลลิก เบาะที่นั่งหุ้มหนัง ด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ขณะที่แผงคอนโซลหน้าออกแบบเน้นความทันสมัย หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้วพร้อมระบบนำทางเนวิเกเตอร์ ดูหนังฟังเพลง ตลอดจนบอกข้อมูลการขับขี่ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น LTZ ด้านล่างของจอได้รับติดตั้งสวิทช์ต่างๆ และนาฬิกาบอกเวลาทรงกลม
ด้านพวงมาลัย 4 ก้านแบบมัลติฟังก์ชั่นซึ่งผู้ขับขี่สามารถควบคุมระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติ ระบบเครื่องเสียง และระบบปรับอากาศ
ขณะเดียวกัน แคปติวา ใหม่ ยังล้ำสมัยด้วยการติดตั้งเบรกมือไฟฟ้าเป็นครั้งแรกในรถอเนกประสงค์ระดับเดียวกัน นอกจากใช้งานง่ายกว่าเบรกมือแบบเดิมแล้ว ยังเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระบริเวณคอนโซลกลางอีกด้วย ในยามค่ำคืนแผงคอนโซลให้แสงสีฟ้าอ่อน (Ice Blue) เช่นเดียวกับมาตรวัดรอบและความเร็วดีไซน์ใหม่แบบเรืองแสง
แคปติวา ใหม่ สามารถปรับรูปแบบการใช้งานตามความต้องการ ด้วยความกว้างขวางสะดวกสบายจากเบาะโดยสาร 5 หรือ 7 ที่นั่ง พร้อมระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถวที่ 3 เมื่อพับเบาะแถวที่ 3 ราบลงจะมีปริมาตรในการขนสัมภาระอยู่ที่ 465 ลิตร เมื่อปรับเบาะแถวที่ 2 ลงทั้งหมดจะเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระได้อย่างอเนกประสงค์ถึง 930 ลิตร
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบ Infotainment เพียบพร้อมด้วยการแสดงข้อมูลของตัวรถ และความบันเทิงซึ่งได้รับการติดตั้งระบบเครื่องเสียงสามมิติ (3 Dimensional Sound Staging) ที่ผ่านการคำนวณอย่างละเอียด เพื่อเลี่ยงข้อจำกัดของขนาดห้องโดยสารรถ โดยเน้นให้เสียงโอบล้อมผู้ขับขี่และผู้โดยสารอย่างมีมิติ คมชัด และสมจริง ผ่านลำโพง 8 ตัวในรุ่น LTZ และ LT โดยสามารถเชื่อมต่อด้วยระบบบลูทูธ พอร์ทยูเอสบี และ เอยูเอ็กซ์
ด้านเครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียง ความจุกระบอกสูบ 2.4 ลิตร DOHC พร้อมระบบ Double CVC หรือแคมชาฟท์แปรผันคู่ต่อเนื่อง ที่สามารถปรับเปลี่ยนท่อไอดีและไอเสียได้ตามรอบเครื่องยนต์ ให้กำลังสูงสุด 168 แรงม้า (PS) ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 229 นิวตัน-เมตรที่ 4,600 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Driver Shift Control (DSC) ให้ผู้ขับเปลี่ยนเกียร์ได้เองแบบเกียร์ธรรมดา
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบในแคปติวา ใหม่ มาพร้อมกับระบบเชื้อเพลิงแบบเฟล็กซ์ฟิว E85 โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้น้ำมันได้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเบนซินทั่วไป หรือน้ำมันเบนซินผสมเอทานอล ที่เรียกกันเป็นตัวเลข อาทิ E10 เป็น ไปจนถึง E20 และ E85
ระบบกันสะเทือนเป็นแบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท ที่ด้านหน้า และใช้ระบบช่วงล่างอิสระมัลติลิงค์ยึด 4 จุดที่ด้านหลัง พร้อมเหล็กกันโคลงที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ปรับตั้งช็อกอัพและสปริงใหม่ รวมถึงการติดตั้งลิงค์ไฮโดรลิกที่ช่วงล่างด้านหลังเพื่อลดแรงสั่นสะเทือน ให้การยึดเกาะถนนอย่างปลอดภัย
แคปติวา ใหม่ มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยครบครัน ถุงลมนิรภัยคู่หน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมเพิ่มม่านถุงลมนิรภัยบริเวณด้านข้างรถเพื่อป้องกันศีรษะของผู้ขับขี่ และผู้โดยสารในกรณีเกิดการชนด้านข้าง ระบบดิสก์เบรก 4 ล้อแบบมีครีบระบายความร้อนที่เบรกคู่หน้า พร้อมระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบเสริมแรงเบรกแบบไฮโดรลิก (HBA) และระบบกระจายแรงเบรกอัตโนมัติ (EBD) นอกจากนี้ ยังมีระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESP) รวมถึงระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (ARP)
รวมถึงระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางลาดชัน (Hill Start Assist) ระบบช่วงล่างยกตัวอัตโนมัติ (Self-Levelizer) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงที่ลาดชัน (Hill Descent Control)
แคปติวา ใหม่ มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า และขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา (All-Wheel Drive) พร้อมระบบเสริมแรงบิดอัจฉริยะ (Active Torque On Demand) ช่วยเสริมพละกำลังให้แก่ระบบขับเคลื่อนแบบ AWD จากการทำงานของคลัตช์แม่เหล็กไฟฟ้ากับคลัตช์แบบเปียกซึ่งจะทำหน้าที่ส่งกำลังสู่ระบบเฟืองท้ายแบบไฟฟ้าเพื่อกระจายแรงบิดที่เหมาะสมมากที่สุดสำหรับเพลาล้อคู่หน้าและคู่หลัง ทั้งนี้เพื่อสร้างสมดุลและเสริมกำลังให้แก่สภาพการขับที่ที่แตกต่างกันออกไป
ขณะเดียวกัน เชฟโรเลต ยังเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คู่รัก ครอบครัวคนรุ่นใหม่ “มอส-ปฏิภาณ ปฐวีกานต์ และ เกม-ดวงพร ลือกิตินันท์” เพื่อเป็นตัวแทนในการนำเสนอ บอกเล่าเรื่องราวของสมรรถนะ อุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยี และความสะดวกสบาย ของ เชฟโรเลต แคปติวา ใหม่
สำหรับเชฟโรเลต แคปติวา ใหม่ ราคา 1,198,000 ถึง 1,580,000 บาท