ขณะที่มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มองเห็นโอกาสเร่งรุกตลาดชิงยอดขายในช่วงเวลาทอง เมื่อหันกลับมาดูความพร้อมและมุมมองตัวแทนจำหน่าย ผ่าน “ประวิตร พันธ์สายเชื้อ” ในฐานะดีลเลอร์รายใหญ่ของมิตซูบิชิ ที่มีโชว์รูมและศูนย์บริการครอบคลุมเกือบทั่วประเทศร่วม 10 สาขา ไม่ว่าจะเป็นที่กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี อุบลราชธานี เชียงใหม่ และล่าสุดบุกภาคตะวันออก “มิตซูบิชิระยอง” จึงน่าสนใจว่าดีลเลอร์เบอร์หนึ่งของมิตซูบิชิรายนี้ ได้เตรียมพร้อมและมีข้อแนะนำอะไรบ้าง?...
“ตอนนี้หลายค่ายมีปัญหาในการผลิต ทำให้ลูกค้าบางส่วนรอไม่ไหวหันมาซื้อรถยนต์มิตซูบิชิเพิ่มขึ้นจากปกติ 1-2 เท่าตัว ช่วง 3 เดือนนี้ จึงเป็นโอกาสทองของมิตซูบิชิ และอยากให้บริษัทแม่ช่วยเร่งกระตุ้นการขาย โดยเฉพาะกิจกรรมการตลาด ที่จะช่วยได้อย่างมาก”
ประวิตรกล่าวถึงสถานการณ์ตลาด และยืนยันแบรนด์มิตซูบิชิมีโอกาสเติบโตแน่นอน เพราะนอกจากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในปัจจุบันแล้ว ในเร็วๆ นี้ยังจะมีรถยนต์ขนาดเล็ก หรืออีโคคาร์มาเป็นอีกทางเลือกให้กับลูกค้า จึงทำให้ตัดสินใจมาเป็นตัวแทนจำหน่ายมิตซูบิชิ ทั้งที่เดิมก็เป็นตัวแทนรถยนต์เกือบจะทุกยี่ห้ออยู่แล้ว
“มั่นใจเรายังจะเป็นอันดับหนึ่งของดีลเลอร์มิตซูบิชิ โดยตั้งเป้าปีนี้มียอดขายรวมทุกสาขาทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 5,000 คัน หรือมีมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาท โดยนโยบายของเราจะมุ่งเน้นเรื่องการบริการหลังการขาย จะไม่ไปสู้เรื่องของราคา เพราะหากทำตรงนี้ให้ดีและครบวงจร เชื่อว่าลูกค้าจะไม่ไปไหน”
ขณะที่แผนการลงทุนของกลุ่มบริษัทฯ ประวิตรบอกว่าทุกปีจะมีการลงทุนต่อเนื่อง อย่างน้อยก็เรื่องการขยายศูนย์บริการ อย่างสาขาระยองปัจจุบันที่กำลังขยายเพิ่ม ซึ่งจะทำให้เพิ่มเป็น 29-30 ช่องซ่อม ขณะเดียวกันกำลังพิจารณาลงทุนขยายโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่ม ในภาคอีสานหรือตะวันออก คาดว่าภายในปีนี้จะเปิดอีก 1-2 แห่ง ส่วนโชว์รูมรถมือสอง ไดมอนด์ ยูสคาร์ ปัจจุบันเปิดครบทุกแห่งยกเว้นอุบลราชธานี เพราะจะช่วยยกระดับแบรนด์ และราคารถมือสองของมิตซูบิชิได้
“สิ่งสำคัญไม่อยากจะให้บริษัทแม่มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารบ่อยนัก เพราะจะทำให้แผนการทำงานไม่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงนี้ที่เป็นโอกาสทองของมิตซูบิชิ จากที่คู่แข่งไม่มีรถส่งมอบให้กับลูกค้า และขณะนี้อยู่ในช่วงเลือกตั้งใหญ่ส.ส. ที่จะมียอดขายเพิ่มขึ้นจากปกติ 20% จึงอยากให้มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เร่งจัดกิจกรรมการตลาด และเตรียมรถไว้ให้พอส่งมอบลูกค้ามากที่สุด”
นั่นเป็นคำกล่าวฝากส่งท้ายของตัวแทนจำหน่ายอันดับ 1 ที่เห็นว่าช่วง 3 เดือนนี้เป็นโอกาสทอง ซึ่งมิตซูบิชิไม่ควรจะพลาดโอกาส!
“ตอนนี้หลายค่ายมีปัญหาในการผลิต ทำให้ลูกค้าบางส่วนรอไม่ไหวหันมาซื้อรถยนต์มิตซูบิชิเพิ่มขึ้นจากปกติ 1-2 เท่าตัว ช่วง 3 เดือนนี้ จึงเป็นโอกาสทองของมิตซูบิชิ และอยากให้บริษัทแม่ช่วยเร่งกระตุ้นการขาย โดยเฉพาะกิจกรรมการตลาด ที่จะช่วยได้อย่างมาก”
ประวิตรกล่าวถึงสถานการณ์ตลาด และยืนยันแบรนด์มิตซูบิชิมีโอกาสเติบโตแน่นอน เพราะนอกจากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในปัจจุบันแล้ว ในเร็วๆ นี้ยังจะมีรถยนต์ขนาดเล็ก หรืออีโคคาร์มาเป็นอีกทางเลือกให้กับลูกค้า จึงทำให้ตัดสินใจมาเป็นตัวแทนจำหน่ายมิตซูบิชิ ทั้งที่เดิมก็เป็นตัวแทนรถยนต์เกือบจะทุกยี่ห้ออยู่แล้ว
“มั่นใจเรายังจะเป็นอันดับหนึ่งของดีลเลอร์มิตซูบิชิ โดยตั้งเป้าปีนี้มียอดขายรวมทุกสาขาทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 5,000 คัน หรือมีมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาท โดยนโยบายของเราจะมุ่งเน้นเรื่องการบริการหลังการขาย จะไม่ไปสู้เรื่องของราคา เพราะหากทำตรงนี้ให้ดีและครบวงจร เชื่อว่าลูกค้าจะไม่ไปไหน”
ขณะที่แผนการลงทุนของกลุ่มบริษัทฯ ประวิตรบอกว่าทุกปีจะมีการลงทุนต่อเนื่อง อย่างน้อยก็เรื่องการขยายศูนย์บริการ อย่างสาขาระยองปัจจุบันที่กำลังขยายเพิ่ม ซึ่งจะทำให้เพิ่มเป็น 29-30 ช่องซ่อม ขณะเดียวกันกำลังพิจารณาลงทุนขยายโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่ม ในภาคอีสานหรือตะวันออก คาดว่าภายในปีนี้จะเปิดอีก 1-2 แห่ง ส่วนโชว์รูมรถมือสอง ไดมอนด์ ยูสคาร์ ปัจจุบันเปิดครบทุกแห่งยกเว้นอุบลราชธานี เพราะจะช่วยยกระดับแบรนด์ และราคารถมือสองของมิตซูบิชิได้
“สิ่งสำคัญไม่อยากจะให้บริษัทแม่มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารบ่อยนัก เพราะจะทำให้แผนการทำงานไม่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงนี้ที่เป็นโอกาสทองของมิตซูบิชิ จากที่คู่แข่งไม่มีรถส่งมอบให้กับลูกค้า และขณะนี้อยู่ในช่วงเลือกตั้งใหญ่ส.ส. ที่จะมียอดขายเพิ่มขึ้นจากปกติ 20% จึงอยากให้มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เร่งจัดกิจกรรมการตลาด และเตรียมรถไว้ให้พอส่งมอบลูกค้ามากที่สุด”
นั่นเป็นคำกล่าวฝากส่งท้ายของตัวแทนจำหน่ายอันดับ 1 ที่เห็นว่าช่วง 3 เดือนนี้เป็นโอกาสทอง ซึ่งมิตซูบิชิไม่ควรจะพลาดโอกาส!
