ข่าวต่างประเทศ - เจนเนอรัล มอเตอร์ส ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกอยู่ที่ 3,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งนับเป็นการสร้างผลกำไรได้เป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกันของจีเอ็ม
นายแดน เอเคอร์สัน ประธานใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เจนเนอรัล มอเตอร์ส กล่าวว่า “เราดำเนินงานได้ตามแผนงานที่วางไว้ ทำให้จีเอ็ม มีผลกำไรเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน อันเป็นผลจากความต้องการของลูกค้าที่มีต่อยานยนต์ประหยัดพลังงานของเราที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก รวมถึงโครงสร้างต้นทุนที่มีประสิทธิภาพที่เอื้อให้เราสามารถยกระดับแบรนด์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นได้ทุกภูมิภาคทั่วโลก และมุ่งเน้นที่การสร้างผลกำไรจากการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์"
ทางด้านของกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นสามัญ ยังเพิ่มขึ้น 1,600 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการจำหน่ายหุ้นบุริมสิทธิ์ของเดลฟาย ออโตโมทีฟ แอลแอลพี และอัลลาย ไฟแนนเชียล ขณะเดียวกัน ยังรวมถึงการลดมูลค่าในบัญชีในส่วนของค่าความนิยมที่ไม่มีมูลค่าแล้ว (goodwill impairment charge) จำนวน 400 ล้านเหรียญสหรัฐของจีเอ็ม ยุโรป ซึ่งเป็นไปตามการเปลี่ยนมาตรฐานการจัดการบัญชี และค่าใช้จ่ายของเจนเนอรัล มอเตอร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล โอเปอเรชั่นส์ อันเกิดจากการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบด้านภาษีที่ส่งผลต่อการร่วมทุนการค้าของจีเอ็ม ในอินเดียจำนวน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งรายการพิเศษเหล่านี้ เพิ่มกำไรสุทธิต่อหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญเป็น 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 0.82 เหรียญสหรัฐ ต่อหุ้นปรับลด
สำหรับไตรมาสนี้ กระแสเงินสดของอุตสาหกรรมรถยนต์จากการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ มีมูลค่า 0.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่กระแสเงินสดที่เหลืออยู่หลังจากกิจกรรมต่าง ๆ ทางการค้าตามปกติ และหักกระแสเงินสดจ่ายจากการลงทุนแล้ว มีมูลค่า 1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งตัวเลขทั้งสองได้รวมผลกระทบจำนวน 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากประกาศด้านการตัดสินใจทางการเงินเมื่อเดือนตุลาคม 2553 ที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากการยกเลิกข้อตกลงทางการเงินการขายส่งล่วงหน้ากับบริษัททางการเงินอัลลี่
จีเอ็มสามารถดำเนินธุรกิจและจบไตรมาสแรกได้อย่างสวยงาม จากสภาพคล่องทางการเงินที่แข็งแกร่งด้วยมูลค่ารวมทั้งหมด 36.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ อีกทั้งเงินสดและหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาดในไตรมาสนี้มีมูลค่าถึง 30.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสถิติของไตรมาสสุดท้ายเมื่อปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่า 27.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้จีเอ็มยังคงการคาดการณ์ว่าผลกำไรสุทธิทั้งปีของบริษัทฯ จะยังคงไม่ได้รับผลกระทบร้ายแรงใดๆอันเนื่องมาจากวิกฤตการณ์ในญี่ปุ่น
นายแดน เอเคอร์สัน ประธานใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เจนเนอรัล มอเตอร์ส กล่าวว่า “เราดำเนินงานได้ตามแผนงานที่วางไว้ ทำให้จีเอ็ม มีผลกำไรเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน อันเป็นผลจากความต้องการของลูกค้าที่มีต่อยานยนต์ประหยัดพลังงานของเราที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก รวมถึงโครงสร้างต้นทุนที่มีประสิทธิภาพที่เอื้อให้เราสามารถยกระดับแบรนด์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นได้ทุกภูมิภาคทั่วโลก และมุ่งเน้นที่การสร้างผลกำไรจากการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์"
ทางด้านของกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นสามัญ ยังเพิ่มขึ้น 1,600 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการจำหน่ายหุ้นบุริมสิทธิ์ของเดลฟาย ออโตโมทีฟ แอลแอลพี และอัลลาย ไฟแนนเชียล ขณะเดียวกัน ยังรวมถึงการลดมูลค่าในบัญชีในส่วนของค่าความนิยมที่ไม่มีมูลค่าแล้ว (goodwill impairment charge) จำนวน 400 ล้านเหรียญสหรัฐของจีเอ็ม ยุโรป ซึ่งเป็นไปตามการเปลี่ยนมาตรฐานการจัดการบัญชี และค่าใช้จ่ายของเจนเนอรัล มอเตอร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล โอเปอเรชั่นส์ อันเกิดจากการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบด้านภาษีที่ส่งผลต่อการร่วมทุนการค้าของจีเอ็ม ในอินเดียจำนวน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งรายการพิเศษเหล่านี้ เพิ่มกำไรสุทธิต่อหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญเป็น 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 0.82 เหรียญสหรัฐ ต่อหุ้นปรับลด
สำหรับไตรมาสนี้ กระแสเงินสดของอุตสาหกรรมรถยนต์จากการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ มีมูลค่า 0.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่กระแสเงินสดที่เหลืออยู่หลังจากกิจกรรมต่าง ๆ ทางการค้าตามปกติ และหักกระแสเงินสดจ่ายจากการลงทุนแล้ว มีมูลค่า 1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งตัวเลขทั้งสองได้รวมผลกระทบจำนวน 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากประกาศด้านการตัดสินใจทางการเงินเมื่อเดือนตุลาคม 2553 ที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากการยกเลิกข้อตกลงทางการเงินการขายส่งล่วงหน้ากับบริษัททางการเงินอัลลี่
จีเอ็มสามารถดำเนินธุรกิจและจบไตรมาสแรกได้อย่างสวยงาม จากสภาพคล่องทางการเงินที่แข็งแกร่งด้วยมูลค่ารวมทั้งหมด 36.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ อีกทั้งเงินสดและหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาดในไตรมาสนี้มีมูลค่าถึง 30.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสถิติของไตรมาสสุดท้ายเมื่อปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่า 27.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้จีเอ็มยังคงการคาดการณ์ว่าผลกำไรสุทธิทั้งปีของบริษัทฯ จะยังคงไม่ได้รับผลกระทบร้ายแรงใดๆอันเนื่องมาจากวิกฤตการณ์ในญี่ปุ่น