เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน นอกจากอุณภูมิของกาศที่สูงขึ้น สิ่งหนึ่งที่ร้อนแรงตามไปด้วยคือ ตลาดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ล่าสุดแบรนด์ “ฮิวเปอร์ ออฟติก” นวัตกรรมฟิล์มกรองแสงจากประเทศเยอรมนี พกพาจุดเด่นเทคโนโลยีนาโนเซรามิครายแรกของโลก เดินหน้าบุกตลาดเมืองไทย หวังชิงส่วนแบ่งใหญ่ในตลาดระดับกลาง มอบหมายหน้าที่การจัดจำหน่ายให้กับ วี-คูล คอร์ป “กนต์ธร จตุภัทรพนิต” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี-คูล คอร์ปอเรชั่น จำกัด จึงจัดแถลงข่าวเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่พร้อมเผยแผนการตลาดปี 2554
มุ่งมาร์เกตแชร์ตลาดระดับกลาง
จากการแข่งขันในตลาดฟิล์มกรองแสง ขอใช้คำว่า “ทะเลเดือด เลือดสาด” ยิ่งในตลาดล่างที่เน้นราคาเป็นหลัก ผมมองว่าจะทำให้ผู้จำหน่ายฆ่ากันเองด้วยซ้ำ หากแบ่งสัดส่วนมาร์เกตแชร์ทั้งหมด 100% ระดับบนหรือพรีเมียมแบ่งได้ประมาณ 10-15% รองลงมาระดับกลาง 50% ส่วนที่เหลือคือตลาดล่าง และสิ่งหนึ่งที่ผมมั่นใจเชื่อว่าลูกค้าพร้อมจ่ายมากขึ้น หากได้รับสิ่งที่ดีกว่า และเนื่องจากมีวี-คูล วางจำหน่ายอยู่ในระดับบนอยู่แล้ว จึงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ แบรนด์ฮิวเปอร์ ออฟติก ฟิล์มกรองแสงนำเข้าจากประเทศเยอรมนี เพื่อหวังมีส่วนแบ่งในตลาดใหญ่ด้วย
นวัตกรรมฟิล์มนาโนเซรามิค
สำหรับเทคโนโลยีจากประเทศเยอรมนี ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วในด้านของคุณภาพ รวมทั้งผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ชั้นนำของโลก โดยผมอยากให้คนไทยได้สัมผัสคุณสมบัติของฟิล์มนาโนเซรามิค ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ใช้ติดตั้งบนกระจกเครื่องบินและเรือโดยสารขนาดใหญ่ โดดเด่นในการกันความร้อน กรองแสงสว่าง และป้องกันรังสียูวี ด้วยหัวใจหลักของสโลแกน 3Xs ได้แก่ Xcite, Xcell และ Xceed เพื่อสร้างความตื่นเต้นในตลาด ตอบสนองความพึงพอใจที่เกินความคาดหมายให้กับลูกค้า โดยจะเห็นความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ฮิวเปอร์ ออฟติก กับสินค้าทั่วไปอย่างชัดเจน ด้วยเครื่องมือทดสอบที่แสดงผลเป็นตัวเลข นับเป็นการให้ข้อมูลโปรดักส์โนเลจของผลิตภัณฑ์ที่สามารถพิสูจน์ได้
เปิดบริษัทใหม่เพื่อความคล่องตัว
ด้านการจัดจำหน่าย บริษัท วี-คูล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ดูแลในส่วนของฟิล์มกรองแสงยี่ห้อ วี-คูล อยู่แล้ว ดังนั้นเพื่อการบริหารจัดการที่คล่องตัว จึงต้องจัดตั้งบริษัทลูกขึ้นมา ใช้ชื่อว่า บริษัท ฮิวเปอร์ ออปติก คอร์ปอเรชั่น จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียนจำนวน 1 ล้านบาท เพื่อดูแลผลิตภัณฑ์ตัวใหม่โดยเฉพาะ
เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค
ปัญหาการแข่งขันกันเองของแบรนด์วี-คูล กับ ฮิวเปอร์ ออฟติก คิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น เนื่องจากมองว่าความต้องการในตลาดยังมีช่องว่างอยู่ โดยสินค้าวี-คูล อยู่ในระดับพรีเมียม หรือถ้าให้เห็นภาพในสามเหลี่ยมภาพรวมของส่วนแบ่ง วี-คูล จะอยู่ตรงยอดในตำแหน่งสูงสุด ส่วน ฮิวเปอร์ ออฟติก จะอยู่ในระดับรองลงมาระหว่างกลางถึงพรีเมียมที่ยังมีความต้องการในตลาดอีกมาก จึงเป็นที่มาของการนำเข้าและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้งนี้เพื่อเพิ่มตัวเลือกให้กับลูกค้าด้วย
เป้าหมายขยายส่วนแบ่ง
นโยบายของวี-คูล คอร์ป ภายใน 3 ปี ตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็นเบอร์ 1 ในตลาดผู้จำหน่ายฟิล์มกรองแสงของเมืองไทย และอย่างที่กล่าวว่า ช่องว่างในตลาดระดับกลางถึงพรีเมียมมีประมาณ 50% การเปิดตัว ฮิวเปอร์ ออฟติก เพื่อช่วงชิงยอดจำหน่ายจึงเป็นส่วนหนึ่งเพื่อการบรรลุเป้าหมายสำคัญ ปัจจุบันบริษัทมีดีลเลอร์ประมาณ 60 ร้านค้าและมีส่วนแบ่งในตลาดอยู่ที่ 5% ของยอดขายรถใหม่ทั้งหมด โดยปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มขึ้นเป็น 10% และจะเพิ่มมากขึ้นต่อไปทุกปี
กลยุทธ์และแผนการตลาด
อันดับแรกในวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ เตรียมเชิญดีลเลอร์ที่สนใจเข้าร่วมเป็นคู่ค้า เพื่อเข้ามาพูดคุยรายละเอียดและลงนามทำสัญญาแต่งตั้งกันอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะได้ตัวแทนจำหน่ายทั้งหมดในปีนี้ 100-150 ราย อาจจะเป็นกลุ่มเดิมที่เป็นตัวแทนวี-คูล อยู่แล้วหรือเพิ่มเติมในตลาดระดับกลางก็ได้ เมื่อได้ดีเลอร์ที่ชัดเจนแล้ว แผนต่อมาจะสร้างเครือข่ายเน็กเวิร์กในการทำกิจกรรม พร้อมทั้งการให้ความรู้ผลิตภัณฑ์ควบคู่ไปด้วย โดยใช้เครื่องมือทดสอบที่พิสูจน์ได้ แต่แรกสุด ฮิวเปอร์ ออฟติก จะเปิดตัวครั้งแรกในงานมอเตอร์โชว์ที่กำลังจะมีขึ้นเดือนมีนาคม
