ข่าวต่างประเทศ - หลังผ่านสภาพอันเลวร้ายเพราะการล้มละลายจนต้องมีการเข้าสู่กระบวนการเพื่อฟื้นฟูกิจการและกลายมาเป็นบริษัทใหม่ที่มีเฟียตรับหน้าที่ในการบริหารนั้น ตอนนี้ ไครสเลอร์ มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น และเชื่อว่าการเป็นพันธมิตรกับเฟียต กรุ๊ปจะช่วยทำให้ยอดขายของรถยนต์อเมริกันแบรนด์นี้กระเตื้องขึ้น ถึงขนาดที่แซร์โจ้ มาร์คิออนเน่ ซีอีโอของเฟียต และไครสเลอร์มั่นใจว่า ยอดขายทั่วโลกในปีนี้ของเฟียตและไครสเลอร์จะรวมกันเกิน 4 ล้านคันอย่างแน่นอน
จากการเปิดเผยของมาร์คิออนเน่ในครั้งนี้ ยอดขายทั่วโลกปีนี้ของเฟียตจะอยู่ราวๆ 2.2-2.3 ล้านคัน ซึ่งจะเพิ่มขึ้นจากปี 2010 ที่มีตัวเลขอยู่ที่ 2.08 ล้านคัน ขณะที่ทางไครสเลอร์ ทางมาร์คิออนเน่เชื่อว่ายอดขายน่าจะขยับจาก 1.59 ล้านคันปี 2010 มาอยู่ในตำแหน่งบวกลบ 2 ล้านคันอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าหากเป็นไปตามที่คาดหมาย ตัวเลขยอดขายของเฟียต-ไครสเลอร์จะเพิ่มขึ้นจาก 3.66 ล้านคันในปี 2010 ถึง 12% เลยทีเดียว
ตอนนี้ทางเฟียตได้เพิ่มสัดส่วนในการถือหุ้นอยู่ในไครสเลอร์อีกครั้งโดยขยับจาก 20% มาเป็น 25% หลังจากที่ไครสเลอร์สามารถขอความเห็นชอบในการผลิตเครื่องยนต์ที่มีความประหยัดน้ำมันที่โรงงานในเมืองดันดี มลรัฐมิชิแกน
จากนั้นหากเป็นไปได้ ทางเฟียตจะเพิ่มสัดส่วนในการถือหุ้นอีกครั้ง โดยขยับขึ้นมาเป็น 35% หรืออาจจะเพิ่มสูงสุดเป็น 51% ตามที่ออพชั่นในสัญญาระบุเอาไว้ เพื่อแลกกับข้อเสนอในการที่ 90% ของดีลเลอร์เฟียตในภูมิภาคอเมริกาใต้จะรับหน้าที่ในการขายรถยนต์ของไครสเลอร์ รวมถึงการร่วมพัฒนารถยนต์ระดับคอมแพ็กต์ให้กับไครสเลอร์โดยใช้แพล็ตฟอร์มรถยนต์ของเฟียต ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้มีเป้าหมายในด้านความประหยัดน้ำมันอยู่ที่ 5.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือ 16.9 กิโลเมตร/ลิตร
ไม่ได้แค่คาดหวังเฉพาะปีนี้เท่านั้น ทางมาร์คิออนเน่เชื่อว่าภาพรวมของเฟียต-ไครสเลอร์จะต้องมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในแง่ของการใช้ผลผลิตร่วมกัน เพราะงาน เจนีวา มอเตอร์โชว์ 2011 เดือนมีนาคมนี้ ทางเฟียตจะเปิดตัวรถยนต์อเนกประสงค์ชื่อฟรีมอนต์ ที่เป็นการนำรถยนต์ดอดจ์ เจอร์นีย์มาปรับหน้าตา และเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่
จากสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้มาร์คิออนเน่มั่นใจว่าภายในปี 2014 ทั้ง 2 กลุ่มบริษัทจะมียอดขายรวมกันมากกว่า 6 ล้านคันอย่างแน่นอน
จากการเปิดเผยของมาร์คิออนเน่ในครั้งนี้ ยอดขายทั่วโลกปีนี้ของเฟียตจะอยู่ราวๆ 2.2-2.3 ล้านคัน ซึ่งจะเพิ่มขึ้นจากปี 2010 ที่มีตัวเลขอยู่ที่ 2.08 ล้านคัน ขณะที่ทางไครสเลอร์ ทางมาร์คิออนเน่เชื่อว่ายอดขายน่าจะขยับจาก 1.59 ล้านคันปี 2010 มาอยู่ในตำแหน่งบวกลบ 2 ล้านคันอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าหากเป็นไปตามที่คาดหมาย ตัวเลขยอดขายของเฟียต-ไครสเลอร์จะเพิ่มขึ้นจาก 3.66 ล้านคันในปี 2010 ถึง 12% เลยทีเดียว
ตอนนี้ทางเฟียตได้เพิ่มสัดส่วนในการถือหุ้นอยู่ในไครสเลอร์อีกครั้งโดยขยับจาก 20% มาเป็น 25% หลังจากที่ไครสเลอร์สามารถขอความเห็นชอบในการผลิตเครื่องยนต์ที่มีความประหยัดน้ำมันที่โรงงานในเมืองดันดี มลรัฐมิชิแกน
จากนั้นหากเป็นไปได้ ทางเฟียตจะเพิ่มสัดส่วนในการถือหุ้นอีกครั้ง โดยขยับขึ้นมาเป็น 35% หรืออาจจะเพิ่มสูงสุดเป็น 51% ตามที่ออพชั่นในสัญญาระบุเอาไว้ เพื่อแลกกับข้อเสนอในการที่ 90% ของดีลเลอร์เฟียตในภูมิภาคอเมริกาใต้จะรับหน้าที่ในการขายรถยนต์ของไครสเลอร์ รวมถึงการร่วมพัฒนารถยนต์ระดับคอมแพ็กต์ให้กับไครสเลอร์โดยใช้แพล็ตฟอร์มรถยนต์ของเฟียต ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้มีเป้าหมายในด้านความประหยัดน้ำมันอยู่ที่ 5.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือ 16.9 กิโลเมตร/ลิตร
ไม่ได้แค่คาดหวังเฉพาะปีนี้เท่านั้น ทางมาร์คิออนเน่เชื่อว่าภาพรวมของเฟียต-ไครสเลอร์จะต้องมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในแง่ของการใช้ผลผลิตร่วมกัน เพราะงาน เจนีวา มอเตอร์โชว์ 2011 เดือนมีนาคมนี้ ทางเฟียตจะเปิดตัวรถยนต์อเนกประสงค์ชื่อฟรีมอนต์ ที่เป็นการนำรถยนต์ดอดจ์ เจอร์นีย์มาปรับหน้าตา และเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่
จากสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้มาร์คิออนเน่มั่นใจว่าภายในปี 2014 ทั้ง 2 กลุ่มบริษัทจะมียอดขายรวมกันมากกว่า 6 ล้านคันอย่างแน่นอน