งานบางกอกฯมอเตอร์โชว์ ที่จัดระหว่าง 26 มีนาคม - 6 เมษายนนี้ ณ ศูนย์นิทรรศการ ไบเทค บางนา รถอีกหนึ่งรุ่นที่ไม่ควรพลาดเดินไปเยี่ยมชมนั่นคือ ซูเปอร์คาร์จากค่ายเล็กซัสนามว่า แอลเอฟเอ (LFA)
ด้วยโครงสร้างตัวถังเปลี่ยนจากอะลูมิเนียมเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ และด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำสมัย ส่งผลให้คาร์บอนไฟเบอร์ที่ใช้ใน LFA มีความแข็งแรงมากกว่าอะลูมิเนียมถึง 4 เท่า และที่สำคัญ สามารถลดน้ำหนักตัวถังลงได้ประมาณ 100 กิโลกรัม เมื่อเปรียบเทียบกับการผลิตด้วยอะลูมิเนียม โดย LFA ใช้คาร์บอรไฟเบอร์มากถึง 65 เปอร์เซ็นต์ เชื่อมต่อกันด้วยเรซินเทคโนโลยีเดียวกับอากาศยาน ส่วนที่เหลืออีก 35 เปอร์เซ็นต์เป็นอะลูมิเนียม
มิติตัวถังมีความยาว 4,505 มิลลิเมตร กว้าง 1,895 มิลลิเมตร สูง 1,220 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,605 มิลลิเมตร ความกว้างล้อหน้า 1,580 มิลลิเมตร ล้อหลัง 1,570 มิลลิเมตร ผ่านการทดสอบในอุโมงค์ลมเพื่อผลทางแอโรไดนามิก ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน 0.31
LFA ใช้เครื่องยนต์เบนซิน V10-72 องศา หายใจธรรมดา ไร้ระบบอัดอากาศ ฝาสูบแบบ DOHC 40 วาล์ว DUAL VVT-i จากกระบอกสูบ 88.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 79 มิลลิเมตร อัตราส่วนการอัด 12.0:1 ให้กำลังสูงสุด 552 แรงม้า ที่ 8,700 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 49 กก.-ม. ที่ 6,800 รอบต่อนาที รอบสูงสุด 9,000 รอบต่อนาที ผ่านมาตรฐานไอเสีย ยูโร 5 อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 3.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 325 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ Automated Sequential Gearbox (ASG) ใช้เวลาเปลี่ยนเกียร์ 0.2 วินาที ขับเคลื่อนล้อหลังพร้อมลิมิเต็ดสลิป มาพร้อมระบบช่วยการทรงตัว Vehicle Dynamic Integrated Management (VDIM) ควบคุมระบบต่างๆ ให้ทำงานสัมพันธ์กันทั้งเอบีเอส วีเอสซี และแทร็คชั่นคอนโทรล
ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ ผลิตจากคาร์บอนเซรามิก Carbon Ceramic Material (CCM) คาลิเปอร์อะลูมิเนียมหน้า 6 พอต จานเบรก 390x34 มิลลิเมตร คาลิเปอร์หลัง 4 พอต จานเบรก 306x28 มิลลิเมตร ระบบกันสะเทือนเซ็ตเพื่อการขับแบบสปอร์ตโดยเฉพาะ ด้านหน้าดับเบิลวิชโบนหรือปีกนก 2 ชั้น ด้านหลังมัลติลิงก์ ชิ้นส่วนช่วงล่างผลิตจากอะลูมิเนียม พวงมาลัยแร็กแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า ประกบด้วยล้อแม็กอะลูมิเนียมฟอร์จของ BBS และยางบริดสโตน ด้านหน้า 265/35ZR20 และด้านหลัง 305/20ZR20
ภายในห้องโดยสาร เน้นโครงสร้างแบบโปร่ง เน้นหลักสรีระศาสตร์ เบาะทรงสปอร์ตหุ้มหนัง ตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ปัดด้านป้องกันแสงสะท้อน แป้นคันเร่งและเบรกผลิตจากอะลูมิเนียม อุปกรณ์ครบครันตามสไตล์รถหรู ชุดมาตรวัด เน้นที่มาตรวัดรอบแบบเข็ม LCD สามารถตั้งให้เปลี่ยนสีในรอบที่ต้องการเปลี่ยนเกียร์ คล้ายชิฟต์ไลต์ โดยจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อถึง 9,000 รอบต่อนาที และสามารถโปรแกรมให้เป็นสีเหลืองและเขียวได้ในรอบที่ผู้ขับต้องการ
Lexus LFA ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 500 คัน ส่วนประเทศไทย โตโยต้า มอเตอร์ ได้โควต้ามาแค่ 2 คัน สนนราคาประมาณ 40 ล้านบาท