xs
xsm
sm
md
lg

เวทีมอเตอร์โชว์เดือด!เก๋งเล็ก-รถแรงยกทัพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สำรวจรถใหม่เวทีบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2010 ที่จะเริ่มวันแรก 26 มีนาคมนี้ เก๋งเล็กยังร้อนแรงแบบสุดๆ เมื่อค่ายรถขนรุ่นใหม่มาเปิดตัวและรับจองกันหลากรุ่น โดยเฉพาะอีโคคาร์คันแรกในไทย “นิสสัน มาร์ช” ซึ่งจะจุดกระแสติดหรือไม่? งานนี้ได้รู้กัน เพราะบรรดาเก๋งเล็กซับคอมแพ็กต์ที่มีขนาดใกล้เคียง ต่างก็เรียงแถวออกมาชิงยอดแบบไม่มีถอย ไม่ว่าจะเป็น “มาสด้า2 ซีดาน” และ “ฟอร์ด เฟียสต้า” ทั้งแบบแฮ็ทช์แบ็ก และ 4 ประตู ขณะที่เจ้าตลาด “โตโยต้า วีออส” ได้ทำการปรับโฉมรักษาบัลลังก์เต็มที่ หรือหากท่านมีเงินระดับ 30 ล้านบาทขึ้นไป ที่ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรดี และชื่นชอบสุดยอดแห่งความแรง ค่ายเบอร์หนึ่งจากยุโรปและญี่ปุ่นรอท่านอยู่แล้ว ด้วยการนำเข้าซูเปอร์คาร์อันโด่งดัง “เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอสแอลเอส เอเอ็มจี” และแบรนด์ในเครือของโตโยต้า “เล็กซัส แอลเอฟเอ” มาให้ได้ซี๊ดปากกัน แต่หากไม่หน่ำใจยังมีรถนำเข้าอีกหลากยี่ห้อ โดยเฉพาะรถอเนกประสงค์แบบเอสยูวี ที่มีมาให้ชมและเลือกถอยกันตามใจชอบอีกเพียบ

อีกหนึ่งงานแสดงรถยนต์ของไทย “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์” ที่จัดประจำในช่วงรอยต่อเดือนมีนาคม-เมษายนทุกๆ ปี ได้เวียนกลับมาอีกครั้ง และปีนี้วันแรกเปิดให้สาธารณชนทั่วไปได้เข้าชม ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม ไปจนถึง 6 เมษายน 2553 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติไบเทค บางนา ส่วนในงานจะมีรถใหม่ที่เป็นไฮไลต์อะไรบ้าง?... “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” จะพาไปสำรวจก่อน เพื่อที่จะได้ตรงดิ่งไปยลโฉม หรือเลือกถอยรถที่หมายตาไว้ได้เลย...

เวลานี้คงยกให้กับกระแสของกลุ่มเก๋งขนาดเล็กเขาแรงจริง โดยเฉพาะเวทีมอเตอร์โชว์ 2010 นี้ มีไฮไลต์สำคัญที่หลายฝ่ายต่างเฝ้ารอมานาน นั่นคือรถยนต์คันแรกในโครงการ “อีโคคาร์” ซึ่งในที่สุดก็กลายเป็นรถจริงเปิดให้เลือกซื้อเลือกถอยได้แล้ว
นิสสัน มาร์ช
เปิด‘มาร์ช’อีโคคาร์แรกคันในไทย

“มาร์ช” คืออีโคคาร์คันแรกในไทย จากผลงานของค่าย “นิสสัน” ที่ก่อนหน้านี้หลายคนอาจจะคิดว่าตัวถังคงจะเล็กๆ แต่เมื่อเปิดตัวออกมาแล้ว เรียกว่าไม่แตกต่างจากเก๋งเล็กกลุ่มซับคอมแพ็กต์เลย เพราะจะว่าไปในต่างประเทศ นิสสัน มาร์ช หรือเรียกอีกชื่อ “ไมครา” ที่ล้วนทำตลาดมานาน นับเป็นคู่แข่งของ ฮอนด้า แจ๊ซ, โตโยต้า ยาริส และมาสด้า2 โดยตรง ไม่ได้แยกมาเป็นรถอีกประเภทแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ด้วยเงื่อนไขขอรับการส่งเสริมการลงทุนพิเศษ ในโครงการอีโคคาร์จากรัฐบาลไทย มาร์ชจึงถูกจัดให้เป็นรถประเภทใหม่ในไทย พร้อมกับได้รับสิทธิ์เสียอัตราภาษีสรรพสามิตต่ำกว่ารถทั่วไป ส่งผลให้ราคาของนิสสัน มาร์ช เริ่มต้นที่ 3.75-5.37 แสนบาท โดยมีให้เลือกทั้งหมด 6 รุ่นย่อย ทั้งแบบขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ XTRONIC CVT ส่วนอุปกรณ์ต่างๆ และระบบความปลอดภัยในรุ่นท็อปมีมาให้ครบครันไม่แพ้รถประเภทอื่นๆ

นิสสัน มาร์ช มากับโครงสร้างตัวถังใหม่ V-Platform ในแบบแฮ็ทช์แบ็ก 5 ประตู ซึ่งเป็นการพัฒนาตัวถังให้มีน้ำหนักลดลง แต่ยังคงไว้ซึ่งความแข็งแกร่งและทนทาน เพื่อให้ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยตามกำหนดของอีโคคาร์ เช่นเดียวกับข้อกำหนดต้องประหยัดน้ำมันและลดมลพิษทางอากาศด้วย

ดังนั้นเครื่องยนต์ใหม่ที่วางในนิสสัน มาร์ช รหัส HR12DE 3 สูบแถวเรียง DOHC 12 วาล์ว ขนาด 1198 ซีซี กำลังสูงสุด 79 แรงม้า ที่6,000 รอบ/นาที ให้แรงบิดสูงสุด 106 นิวตัน/เมตรที่ 4,400 รอบ/นาที และล้ำสมัยกับระบบ Idling Stop จึงทำให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 20 กิโลเมตรต่อลิตร และปล่อยปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) ไม่เกิน 120 กรัม/กิโลเมตร เทียบเท่าระดับมาตรฐาน EURO4 ตามกำหนด
มาสด้า2 ซีดาน
ซับคอมแพ็กต์ใหม่ยกพลบุกตลาด

การเปิดตัวนิสสัน มาร์ช แม้จะถูกจัดเป็นรถอีกประเภท แต่ในแง่ของกลุ่มเป้าหมาย นับว่ามีฐานลูกค้าใกล้เคียงกับเก๋งขนาดเล็กในกลุ่มซับคอมแพ็กต์มาก ไม่ว่าจะเป็นขนาดตัวถังและเครื่องยนต์ เหตุนี้คงปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องพิจารณาเปรียบเทียบเก๋งขนาดเล็กเหล่านี้ไปด้วย และในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2010 ก็มีเก๋งซับคอมแพ็กต์ใหม่เปิดตัวสู่ตลาดหลายรุ่นทีเดียว

ที่ร้อนแรงในช่วงเวลานี้ เห็นจะเป็น “มาสด้า2” ซึ่งได้ส่งรุ่นแฮ็ทช์แบ็ก 5 ประตูสู่ตลาด ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา ล่าสุดมาสด้าเขย่าตลาดอีกระลอก กับการเปิดตัวของเวอร์ชั่น 4 ประตู หรือ “มาสด้า2 ซีดาน” ที่ยังคงเอกลักษณ์แห่งความโฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตในแบบ “ซูม ซูม” เช่นเดิม และใครที่เคยบ่นว่าที่เก็บของด้านหลังรุ่นแฮ็ทช์แบ็กเล็กไป มาในรุ่นซีดานต้องบอกว่าจุใจจริงๆ กับความจุถึง 450 ลิตร (VDA) มากกว่ารุ่น 5 ประตู 200 ลิตร และหากไม่เพียงพอ ยังสามารถเลือกปรับพับเบาะได้ 60:40 เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บสิ่งของขนาดใหญ่ได้ด้วย

ส่วนอุปกรณ์ความสะดวกสบายต่างๆ มาสด้ามีให้เลือกได้แบบเต็มที่อยู่แล้ว พร้อมกับความสนุกในการขับขี่จากขุมกำลังเครื่องยนต์ MZR ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOCH) 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 1500 ซีซี 103 แรงม้า มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติ ราคาเริ่มต้นที่ 5.35 – 6.75 แสนบาท
ฟอร์ด เฟียสต้า
แต่ทางเลือกซับคอมแพ็กต์โมเดลใหม่ ใช่ว่าจะมีเพียงแค่นี้ เพราะในบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2010 ยังเป็นการเปิดตัว “ฟอร์ด เฟียสต้า” และรับจองรถอย่างเป็นทางการ หลังจากเผยโฉมรุ่นแฮ็ทช์แบ็กไปในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2009 ปลายปีที่ผ่านมา แต่การส่งมอบรถจะเริ่มประมาณกลางปีเป็นต้นไป

สำหรับครั้งนี้ฟอร์ดประเทศไทย จะทำการเปิดตัวครบหมดทั้งรุ่นแฮ็ทช์แบ็ก และซีดาน 4 ประตู โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร และยังเด่นกว่ากับระบบเกียร์อัตโนมัติ พาวเวอร์ชิฟท์ 6 สปีด คลัชต์คู่ ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนเกียร์ได้นุ่มนวลต่อเนื่อง และประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นถึง 9% เมื่อเทียบกับเกียร์อัตโนมัติทั่วไป และนอกจากนี้เฟียสต้ายังมีเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.4 ลิตร ให้เลือกอีกด้วย ทั้งนี้ฟอร์ด เฟียสต้าใหม่ พร้อมส่งมอบรถในช่วงประมาณกลางปี

อีกรุ่นที่แม้จะไม่ใช่โมเดลใหม่ แต่ก็ได้มีการไมเนอร์เชนจ์สร้างความสดใหม่สะกัดคู่แข่ง สำหรับเจ้าตลาดซับคอมแพ็กต์ “โตโยต้า วีออส” ใหม่ โดยปรับเปลี่ยนภายนอกอย่างกระจังหน้า พร้อมแถบโครเมี่ยม ไฟท้ายแบบมัลติรีเฟลกเตอร์ดีไซน์ใหม่ คิ้วกระโปรงท้าย ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้วลายใหม่ พร้อมยางขนาด 185/60R15 ส่วนภายในแผงคอนโซลกลางและประตูตกแต่งแบบเมทัลลิกใหม่ หัวเกียร์หุ้มหนังและฐานเกียร์โครเมี่ยม และช่องเสียบ AUX สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ และยังได้ปรับรุ่นทำตลาดใหม่ตัดรุ่นเอส(S)ออก มีให้เลือกเพียง 7 รุ่นย่อย ขยับราคาต่อรุ่นเพิ่ม 1.0-1.5 หมื่นบาท โดยเริ่มต้นที่ 5.14-7.14 แสนบาท
วีออส ไมเนอร์เชนจ์
สุดๆจากเบอร์หนึ่งค่ายยุโรป-ญี่ปุ่น

สำหรับในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2010 ยังมีอีกไฮไลต์ที่พลาดไปชมไม่ได้ เพราะเป็นยนตรกรรมระดับสูงของเบอร์หนึ่งจากค่ายรถฝากยุโรปและญี่ปุ่น หรือหากไม่รู้จะเก็บเงินระดับ 30 ล้านบาทขึ้นไปไว้ที่ไหน? จะควักออกมาถอยรถเหล่านี้ไปขับโฉบเฉี่ยวให้คนส่วนใหญ่อิจฉาก็ได้
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอสแอลเอส เอเอ็มจี
เริ่มกันเลยที่ค่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้นำเข้าซุปเปอร์สปอร์ตคาร์อันโด่งดัง “เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอสแอลเอส เอเอ็มจี” (Mercedes-Benz SLS AMG) ซึ่งเป็นรถที่ผลิตร่วมกันระหว่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ และสำนักแต่งเอเอ็มจี (AMG) โดยมีต้นแบบการดีไซน์มาจากรุ่น 300 SL Gullwingในยุค1950 อันมีจุดเด่นอยู่ที่บานประตูแบบปีกนก ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้เอสแอลเอส เอเอ็มจี นั้นมีเสน่ห์เหนือคู่แข่งอื่นๆ

ทั้งนี้ตัวถังและแชสซีส์เอสแอลเอส เอเอ็มจี ทำจากอลูมิเนียม ทำให้สามารถลดน้ำหนักรถได้อย่างมาก โดยมีน้ำหนักเพียง 1,620 กก. ทำให้ขุมพลังวี 8 ขนาด 6.3 ลิตร ที่รีดกำลังได้ถึง 571แรงม้าที่ 6,800 รอบต่อนาทีและแรงบิด 650 นิวตัน-เมตรที่ 4,750 รอบต่อนาที จึงสามารถเร่งจาก 0-100 กม/ชม. ในเวลาเพียง 3.8 วินาที่ ในขณะที่ความร็วสูงสุดจะถูกควบคุมด้วยอีเล็คโทรนิคส์ใว้ที่ 317 กม/ชม. ราคาเริ่มต้นประมาณ 25 ล้านบาทเป็นต้นไป (ขึ้นกับออพชั่นที่สั่ง)

อีกรุ่นเป็นรถในเครือของเบอร์หนึ่งจากค่ายญี่ปุ่น “โตโยต้า” ภายใต้แบรนด์หรู “เล็กซัส” ที่งานนี้โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทยมาแปลก นำเอาซูเปอร์คาร์ “แอลเอฟเอ” (LFA) ที่ผลิตเพียง 500 คันทั่วโลก มาให้ลูกค้าชาวไทยเป็นเจ้าของ โดยโครงสร้างตัวถังเปลี่ยนจากอะลูมิเนียมเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ และด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำสมัย ส่งผลให้คาร์บอนไฟเบอร์ที่ใช้ในแอลเอฟเอ มีความแข็งแรงมากกว่าอะลูมิเนียมถึง 4 เท่า และที่สำคัญ สามารถลดน้ำหนักตัวถังลงได้ประมาณ 100 กิโลกรัม เมื่อเปรียบเทียบกับการผลิตด้วยอะลูมิเนียม
เลกซัส แอลเอฟเอ
เล็กซัส แอลเอฟเอ ขับเคลื่อนล้อหลัง ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V10-72 องศา หายใจธรรมดาไร้ระบบอัดอากาศ ฝาสูบแบบ DOHC 40 วาล์ว DUAL VVT-i ความจุ 4.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 552 แรงม้า ที่ 8,700 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 49 กก.-ม. ที่ 6,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติซีเควนเชียล 6 จังหวะ อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลา 3.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 325 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

หลากทางเลือกรถนำเข้าสำเร็จรูป

นั่นเป็นสุดยอดของความเร็ว แต่หากอยากได้รถนำเข้าสำเร็จรูป หรือซีบียู(CBU) สำหรับใช้งานทั่วไป บรรดาค่ายรถต่างนำเข้ามาเปิดตัวในงานนี้ เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าชาวไทยอยู่ไม่น้อย ที่โดดเด่นเห็นจะเป็นรถอเนกประสงค์ประเภทเอสยูวี ซึ่งนำมาเปิดตัวให้เลือกถอยกันนหลายรุ่นทีเดียว
บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์1
ไล่ตั้งแต่“บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์1” (BMW X1) ซึ่งเพิ่งได้รับรางวัล ‘Off-Road of the Year’ ในคลาสครอสโอเวอร์(Crossover) จุดเด่นของ BMW X1 คือเป็นรถแบบครอสโอเวอร์ที่ผสมผนานความสปอร์ตและความอเนกประสงค์ได้ลงตัว ตำแหน่งการนั่งขับสูงตามแบบรถอเนกประสงค์ ซึ่งนอกจากทำให้ผู้ขับมีทัศนวิสัยที่ดีแล้ว ยังเป็นระดับความสูงที่สะดวกในการขึ้น-ลงรถด้วย ตำแหน่งของอุปกรณ์แสดงผลและปุ่มบังคับควบคุมต่างๆ ถูกวางไว้อย่างเหมาะสม ใช้งานง่ายสะดวกมือ ส่วนคอนโซลกลางและแดชบอร์ดที่เอียงทำมุมเข้าผู้ขับ ให้ความรู้สึกเฉกเช่นรถสปอร์ต อีกทั้งยังเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูด้วย

เอ็กซ์1 วางเครื่องยนต์ดีเซลแบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร และด้วยเทคโนโลยี Efficient Dynamics จึงให้ความแรงเต็มที่ แต่ประหยัดน้ำมันและลดมลพิษ โดยมีกำลังสูงสุด 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-3,000 รอบ อัตราค่าเฉลี่ยอัตราการประหยัดน้ำมันสูงถึง 16.9 กิโลเมตรต่อลิตร และค่าเฉลี่ยการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ต่ำเพียง 155 กรัมต่อกิโลเมตร ราคาค่าตัวประมาณ 3.4-3.6 ล้านบาท
ฮุนได ทูซอน
แต่หากไม่สนแบรนด์ยุโรป ยังมีเอสยูวีจากเกาหลีมาให้เลือก “ฮุนได ทูซอน” (HYUNDAI TUCSON) ซึ่งความโดดเด่นอยู่ที่การออกแบบที่เฉียบคม เน้นเส้นสายชัดเจนและลื่นไหล และกระจังหน้า 6 เหลี่ยม เอกลักษณ์ใหม่ในการออกแบบของฮุนได โดดเด่นด้วยหลังคาแก้ว และ Sunroof แบบ panorama เปิด/ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมกับติดตั้งอุปกรณ์ล้ำสมัยมาให้แบบเต็มที่

ฮุนได ทูซอน วางเครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่ ขนาด 2.0 ลิตร DOHC พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่ (D-CVVT) และระบบปรับระยะทางเดินไอดี (VIS) ให้กำลังสูงสุด 166 แรงม้า ที่มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดแมนนวล เพื่อการเร่งแซง และ engine brake โดยในไทยมี 2 ทางเลือก ในรุ่น 2.0 2WD ราคาแนะนำที่ 1.791 ล้านบาท และรุ่น 2.0 4WD ราคา 1.895 ล้านบาท โดยรุ่น 4 WD จะมาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ on-demand ที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็คโทรนิกส์ กระจายแรงขับ 50:50 ระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง

สำหรับผู้ชื่นชอบรถอเนกประสงค์ขนาดเล็ก ค่ายรถจากเกาหลีอีกราย “เกีย” ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง โดยนำเข้า “เกีย โซล” (KIA SOUL) มาทำตลาดเสียที โซลโฉมใหม่นี้เป็นการพลิกรูปลักษณ์ให้โดนใจคนรุ่นใหม่ แทนความดุดันและแข็งแกร่งแบบเก่า เส้นสายและตัวถังจึงออกแบบให้มีชีวิตชีวาและสนุก
เกีย โซล
โดยรุ่นที่นำเข้ามาทำตลาดในไทย เป็นรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน Gramma ขนาด 1.6 ลิตร ระบบควบคุมปรับวาล์วแปรผัน (CVVT) เพลาราวลิ้นคู่เหนือฝาสูบ (DOHC) 16 วาล์ว กำลังสูงสุด 125 แรงม้า ที่ 6,300 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 156 นิวตันเมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที ระบบถ่ายทอดกำลังเป็นแบบเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ
แต่หากชื่นชอบรถแบบเอ็มพีวี ต้องนี้เลย “เปอโยต์ บิปเปอร์ เมโทร” (PEUGEOT BIPPER METRO) ในแบบมินิเอ็มพีวี (Mini MPV) ประตูด้านหลังเปิดออกแบบสไลด์ทั้งสองด้าน จำนวนที่นั่งโดยสาร 5 ที่นั่ง วางเครื่องยนต์ดีเซล 1.4 ลิตร HDi เทอร์โบ 70 แรงม้า ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบทิป-โทรนิค 5 จังหวะ อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 22.2 ก.ม./ ลิตร ราคาเริ่มที่ 9.90 แสนบาท – 1.19 ล้านบาท
 เปอโยต์ บิปเปอร์ เมโทร
หรือหากชอบความแตกต่าง นี่เลย “วอลโว่ ซี30” (Volvo C30) ซึ่งเป็นการไมเนอร์เชนจ์ หลังจากรุ่นเดิมได้รับการตอบรับจากลูกค้าในไทยดีพอสมควร ในรุ่นใหม่ได้มีการออกแบบกันชนหน้าทรงใหม่ ช่องดักลมด้านหน้าถูกออกแบบให้ใหญ่ขึ้น คล้ายครอสโอเวอร์รุ่นเอ็กซ์ซี60(XC60) ด้านท้ายรถก็ปรับใหม่เช่นกัน ภายในออกแบบโทนสีให้เป็นคู่สีพิเศษ เอสเพรสโซ่กับบลอนด์ ราคา 1.999-1.539 ล้านบาท
วอลโว่ ซี30 ไมเนอร์เชนจ์
นี่คือรถใหม่ที่เปิดตัวในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2010 ใครที่ชื่นชอบรถแบบใดประเภทไหน? เชิญไปเลือกถอยได้เลย หรือหากไม่มีเป้าหมาย จะหลบบรรยากาศการเมืองร้อนๆ ไปรับอากาศเย็นๆ และสบายตากับพริตตี้สวยๆ เจ้าพ่อมอเตอร์โชว์ “ปราจิน เอี่ยมลำเนา” ในฐานะผู้จัดงานก็ไม่ว่าหรอก...
กำลังโหลดความคิดเห็น