ในปีที่แล้วมาสด้าเป็นอีกหนึ่งค่ายที่ทำยอดขาย(อัตราเติบโตเมื่อเทียบกับปี 2551)เป็นบวก สวนทางกับสภาพตลาด รวมถึงสถานการณ์ของหลายค่ายรถยนต์ที่มีตัวเลขติดลบกันถ้วนหน้า ยิ่งปลายปีได้พระเอกใหม่ “มาสด้า2” เข้ามาเสริม พร้อมสร้างกระแส ฟีเวอร์ จนทำยอดขายได้ชนิดว่าเกินคาด...มาปีนี้ทิศทางและเป้าหมายของ มาสด้า จะเป็นอย่างไร "ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง" ร่วมสัมภาษณ์ จอห์น เรย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ปะเทศไทย) จำกัด
- สรุปสถานการณ์ของตลาดรถยนต์ไทยในปี2552
ในปี 2552 ช่วงครึ่งปีแรกตลาดรถยนต์มียอดขายลดลงไปกว่า 30% เมื่อเทียบกับปี 2551 แต่หลังจากเดือนกรกฎาคมมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นพร้อมกับการผ่อนคลายสินเชื่อของสถาบันการเงิน
"ปีที่แล้วตลาดรวมปิดยอดขายที่ 548,424 คัน ลดลง 11% เมื่อเทียบกับปี 2551 โดยปิกอัพ 1 ตันหดตัว 20.5% ขณะที่เซกเมนรถยนต์นั่งเติบโตเล็กน้อยด้วยยอดขาย 226,622 คัน ซึ่งส่วนหนึ่งได้อานิสงค์จากรถในกลุ่มบี-เซกเมนท์ที่ทำยอดขาย ถึง 120,000 คัน โต 17% และมีส่วนแบ่งในตลาดรวมถึง 22%"
- แล้วยอดขายมาสด้าเป็นอย่างไร
เราได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ โดยทำยอดขายสูงสุดเป็นสถิติในรอบ 10 ปี นับตั้งแต่บริษัทแม่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ด้วยจำนวน 13,241 คัน โต18 % เมื่อเทียบกับปี 2551 (11,178 คัน) แบ่งเป็น บีที-50 จำนวน 5,574 คัน มาสด้า3 จำนวน 4,800 คัน MX-5 จำนวน 47 คัน และครอสโอเวอร์ CX-9 จำนวน26 คัน
ขณะเดียวกันมาสด้า 2 ที่เพิ่งเปิดตัวเดือนพฤศจิกายน 2552 สามารถส่งมอบให้ลูกค้าไปแล้ว 2,794 คัน พร้อมกับยอดจองที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งส่งมอบให้กับลูกค้าอีกกว่า 2,500 คัน
- เป้าหมายปีนี้
ในปีนี้ยอดขายของทั้งอุตสาหกรรมรถยนต์น่าจะอยู่ที่ประมาณ 610,000-650,000 คัน ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยในประเทศ ทั้งการเมือง รวมถึงการปรับภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT)ด้วย ขณะที่มาสด้าเองตั้งเป้าหมายการขายไว้ 35,000 คัน หรือเติบโต 164% เมื่อเทียบกับปี 2552 โดยแบ่งเป็นยอดขาย มาสด้า 2 จำนวน 24,000 คัน มาสด้า 3 จำนวน 4,500 คัน และปิกอัพบีที-50 อีก 6,500 คัน ทั้งนี้จะส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดของเราเพิ่มขึ้นจาก 2.4% เป็น 5.7% ในปีนี้
- แผนการตลาดที่จะนำมาใช้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว
เรายังคงเดินหน้าเต็มที่ พร้อมกับเตรียมจัดกิจกรรมการตลาดต่างๆ ไว้มากมายตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในงานมอเตอร์โชว์ เราเตรียมเสริมไลน์ มาสด้า 2 รุ่นตัวถัง ซีดาน ที่คาดว่าจะได้รับความนิยมจากผู้บริโภค โดยสัดส่วนการขายมาสด้า 2 ตัวถังซีดานกับแฮทซ์แบกจะอยู่ที่ 55/45
นอกจากนี้เรายังเตรียมขยายศูนย์บริการเพิ่มเป็น 130 แห่งทั่วประเทศ จากที่มีอยู่เดิม 106 แห่ง เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้ามาสด้าที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
- พูดถึงมาสด้า 2
จริงแล้วเราและดีลเลอร์เตรียมปูทาง ก่อนการเปิดตัวให้มาสด้า 2 เกินกว่า 2 ปี แต่กระนั้นกระแสตอบรับรวมถึงยอดจองที่เข้ามาก็ถือว่าดีเกินคาด อย่างไรก็ตามการเปิดตัวมาสด้า 2 ยังเป็นการกระตุ้นให้ยอดขายมาสด้า3 ดีขึ้นด้วย
“มีกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เดินเข้ามาโชว์รูม หรือ งานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2009 โดยมุ่งหวังจะซื้อมาสด้า2 เนื่องจากความสดใหม่ และกระแสที่ได้รับจากการประชาสัมพันธ์ แต่สุดท้ายแล้วกลับไปซื้อมาสด้า 3 เนื่องจากเป็นเก๋งคอมแพกต์ที่ให้ความกว้างขวาง อเนกประสงค์ และตอบโจทย์คนมีครอบครัวมากกว่า ดังนั้นเราจึงเห็นมาสด้า3 ทำยอดขายได้เรื่อยๆ”
- การแข่งขันในตลาดรถยนต์นั่ง
แม้จะมีการเปิดตัวรถในโครงการอีโคคาร์ แต่ก็คงไม่ส่งผลกระทบกับรถกลุ่มบี-เซกมนต์ มากนัก เนื่องจากลูกค้าเป็นคนละกลุ่มกัน หรืออีโคคาร์จะเป็นเพียงกลุ่มย่อยในเซกเมนต์นี้เท่านั้น ทั้งนี้เราเชื่อว่าตลาดบี-เซกเมนต์จะเติบต่อเนื่อง โดยปีนี้จะทำยอดขายรวม 1.5 แสนคัน เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับปี 2552 (1.2 แสนคัน) และมีส่วนแบ่งการตาดรวมถึง 22%
- เป้าหมายของมาสด้าในอีก 2-3 ปีข้างน้า
เรื่องโปรดักต์ที่ทำตลาดอยู่ปัจจุบัน 5 รุ่น ส่วนตัวแล้วยังไม่พอใจ และอยากได้เพิ่มอีกหนึ่งรุ่น โดยอาจจะเป็นเซกเมนท์รถยนต์นั่งขนาดกลาง (คัมรี่,แอคคอร์ด,เทียน่า) หรือ คอมแพกต์เอสยูวี (ซีอาร์วี,เอสแคป,แคปติวา) ซึ่งถ้าทำตลาดจริงคงต้องขึ้นไลน์ผลิตในประเทศเพื่อทำราคาให้แข่งขันได้ แต่กระนั้นก็ต้องเจรจากับบริษัทแม่ประเทศญี่ปุ่น และศึกษาอย่างรอบคอบก่อน
ส่วนยอดขายที่มาสด้าเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเราหวังว่าในตลาดรวมน่าจะขึ้นไปถึงอันดับ 4 ขณะที่ตลาดรถยนต์นั่งคงจะรักษาอันดับ 3 ได้ไม่อยาก
“ปีนี้การแข่งขันในตลาดคงสนุกมากขึ้น ซึ่งการแข่งขันอย่างดุเดือดบนกติกาที่เท่าเทียมนั้น ผลประโยชน์ก็จะตกอยู่กับผู้บริโภค ส่วนมาสด้าเองได้เตรียมความพร้อมไว้ทุกด้าน และย้ำว่าปีนี้เราจะตะโกนเสียงดังขึ้น หรืออาจจะไปเขย่าพวกแบรนด์ยักษ์ใหญ่ให้สะเทือน จนต้องหันมามอง(สู้)กับมาสด้ามากขึ้น ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่น่าจับตามาก”
- สรุปสถานการณ์ของตลาดรถยนต์ไทยในปี2552
ในปี 2552 ช่วงครึ่งปีแรกตลาดรถยนต์มียอดขายลดลงไปกว่า 30% เมื่อเทียบกับปี 2551 แต่หลังจากเดือนกรกฎาคมมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นพร้อมกับการผ่อนคลายสินเชื่อของสถาบันการเงิน
"ปีที่แล้วตลาดรวมปิดยอดขายที่ 548,424 คัน ลดลง 11% เมื่อเทียบกับปี 2551 โดยปิกอัพ 1 ตันหดตัว 20.5% ขณะที่เซกเมนรถยนต์นั่งเติบโตเล็กน้อยด้วยยอดขาย 226,622 คัน ซึ่งส่วนหนึ่งได้อานิสงค์จากรถในกลุ่มบี-เซกเมนท์ที่ทำยอดขาย ถึง 120,000 คัน โต 17% และมีส่วนแบ่งในตลาดรวมถึง 22%"
- แล้วยอดขายมาสด้าเป็นอย่างไร
เราได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ โดยทำยอดขายสูงสุดเป็นสถิติในรอบ 10 ปี นับตั้งแต่บริษัทแม่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ด้วยจำนวน 13,241 คัน โต18 % เมื่อเทียบกับปี 2551 (11,178 คัน) แบ่งเป็น บีที-50 จำนวน 5,574 คัน มาสด้า3 จำนวน 4,800 คัน MX-5 จำนวน 47 คัน และครอสโอเวอร์ CX-9 จำนวน26 คัน
ขณะเดียวกันมาสด้า 2 ที่เพิ่งเปิดตัวเดือนพฤศจิกายน 2552 สามารถส่งมอบให้ลูกค้าไปแล้ว 2,794 คัน พร้อมกับยอดจองที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งส่งมอบให้กับลูกค้าอีกกว่า 2,500 คัน
- เป้าหมายปีนี้
ในปีนี้ยอดขายของทั้งอุตสาหกรรมรถยนต์น่าจะอยู่ที่ประมาณ 610,000-650,000 คัน ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยในประเทศ ทั้งการเมือง รวมถึงการปรับภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT)ด้วย ขณะที่มาสด้าเองตั้งเป้าหมายการขายไว้ 35,000 คัน หรือเติบโต 164% เมื่อเทียบกับปี 2552 โดยแบ่งเป็นยอดขาย มาสด้า 2 จำนวน 24,000 คัน มาสด้า 3 จำนวน 4,500 คัน และปิกอัพบีที-50 อีก 6,500 คัน ทั้งนี้จะส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดของเราเพิ่มขึ้นจาก 2.4% เป็น 5.7% ในปีนี้
- แผนการตลาดที่จะนำมาใช้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว
เรายังคงเดินหน้าเต็มที่ พร้อมกับเตรียมจัดกิจกรรมการตลาดต่างๆ ไว้มากมายตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในงานมอเตอร์โชว์ เราเตรียมเสริมไลน์ มาสด้า 2 รุ่นตัวถัง ซีดาน ที่คาดว่าจะได้รับความนิยมจากผู้บริโภค โดยสัดส่วนการขายมาสด้า 2 ตัวถังซีดานกับแฮทซ์แบกจะอยู่ที่ 55/45
นอกจากนี้เรายังเตรียมขยายศูนย์บริการเพิ่มเป็น 130 แห่งทั่วประเทศ จากที่มีอยู่เดิม 106 แห่ง เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้ามาสด้าที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
- พูดถึงมาสด้า 2
จริงแล้วเราและดีลเลอร์เตรียมปูทาง ก่อนการเปิดตัวให้มาสด้า 2 เกินกว่า 2 ปี แต่กระนั้นกระแสตอบรับรวมถึงยอดจองที่เข้ามาก็ถือว่าดีเกินคาด อย่างไรก็ตามการเปิดตัวมาสด้า 2 ยังเป็นการกระตุ้นให้ยอดขายมาสด้า3 ดีขึ้นด้วย
“มีกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เดินเข้ามาโชว์รูม หรือ งานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2009 โดยมุ่งหวังจะซื้อมาสด้า2 เนื่องจากความสดใหม่ และกระแสที่ได้รับจากการประชาสัมพันธ์ แต่สุดท้ายแล้วกลับไปซื้อมาสด้า 3 เนื่องจากเป็นเก๋งคอมแพกต์ที่ให้ความกว้างขวาง อเนกประสงค์ และตอบโจทย์คนมีครอบครัวมากกว่า ดังนั้นเราจึงเห็นมาสด้า3 ทำยอดขายได้เรื่อยๆ”
- การแข่งขันในตลาดรถยนต์นั่ง
แม้จะมีการเปิดตัวรถในโครงการอีโคคาร์ แต่ก็คงไม่ส่งผลกระทบกับรถกลุ่มบี-เซกมนต์ มากนัก เนื่องจากลูกค้าเป็นคนละกลุ่มกัน หรืออีโคคาร์จะเป็นเพียงกลุ่มย่อยในเซกเมนต์นี้เท่านั้น ทั้งนี้เราเชื่อว่าตลาดบี-เซกเมนต์จะเติบต่อเนื่อง โดยปีนี้จะทำยอดขายรวม 1.5 แสนคัน เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับปี 2552 (1.2 แสนคัน) และมีส่วนแบ่งการตาดรวมถึง 22%
- เป้าหมายของมาสด้าในอีก 2-3 ปีข้างน้า
เรื่องโปรดักต์ที่ทำตลาดอยู่ปัจจุบัน 5 รุ่น ส่วนตัวแล้วยังไม่พอใจ และอยากได้เพิ่มอีกหนึ่งรุ่น โดยอาจจะเป็นเซกเมนท์รถยนต์นั่งขนาดกลาง (คัมรี่,แอคคอร์ด,เทียน่า) หรือ คอมแพกต์เอสยูวี (ซีอาร์วี,เอสแคป,แคปติวา) ซึ่งถ้าทำตลาดจริงคงต้องขึ้นไลน์ผลิตในประเทศเพื่อทำราคาให้แข่งขันได้ แต่กระนั้นก็ต้องเจรจากับบริษัทแม่ประเทศญี่ปุ่น และศึกษาอย่างรอบคอบก่อน
ส่วนยอดขายที่มาสด้าเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเราหวังว่าในตลาดรวมน่าจะขึ้นไปถึงอันดับ 4 ขณะที่ตลาดรถยนต์นั่งคงจะรักษาอันดับ 3 ได้ไม่อยาก
“ปีนี้การแข่งขันในตลาดคงสนุกมากขึ้น ซึ่งการแข่งขันอย่างดุเดือดบนกติกาที่เท่าเทียมนั้น ผลประโยชน์ก็จะตกอยู่กับผู้บริโภค ส่วนมาสด้าเองได้เตรียมความพร้อมไว้ทุกด้าน และย้ำว่าปีนี้เราจะตะโกนเสียงดังขึ้น หรืออาจจะไปเขย่าพวกแบรนด์ยักษ์ใหญ่ให้สะเทือน จนต้องหันมามอง(สู้)กับมาสด้ามากขึ้น ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่น่าจับตามาก”