1.อุตฯยานยนต์ไทยหัวทิ่ม
หลังเกิดข่าวใหญ่ด้านวิกฤตการเงินของ “บิ๊กทรี” ยักษ์ใหญ่วงการยานยนต์ในสหรัฐอเมริกา กลายเป็นเรื่องฮือฮาและสร้างความปั่นป่วนให้กับอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลก นั่นหมายรวมถึง ประเทศไทย ด้วย จึงไม่แปลกที่ช่วงต้นปี 2552จะมีการปลดพนักงาน ลดกำลังการผลิต ออกมาเป็นระยะ และดูเหมือนค่ายที่อาการหนักเห็นจะหนีไม่พ้น “จีเอ็ม” ในไทย ที่ประกาศชะลอแผนลงทุนในโรงงานผลิตเครื่องยนต์ดีเซล พร้อมลดจำนวนพนักงานลง เช่นเดียวกับ โตโยต้า มิตซูบิชิ แต่ยังโชคดีตรงที่ว่าพนักงานส่วนใหญ่จะเป็นประเภทซับคอนแทรก หรือไม่ก็เข้าโครงการสมัครใจลาออก ซึ่งจะว่าไปก็มีจำนวนไม่มากเท่ากับ ญี่ปุ่น ที่ค่ายรถระดับบิ๊กประกาศปลดคนงานกันตั้งแต่หลักพันยันหลักหมื่นคน ถือว่าเป็นวิกฤตครั้งใหญ่สุดในรอบหลายสิบปีสำหรับอุตสาหกรรรมยานยนต์โลก
2.ค่ายรถพร้อมใจเปลี่ยนประธาน
ช่วงปีที่ผ่านมาค่ายรถยนต์ในเมืองไทย มีการเปลี่ยนประธานบริษัทกันเป็นว่าเล่น ทั้งยักษ์ใหญ่ -ยักษ์เล็ก เริ่มจากโตโยต้าเปลี่ยนเป็น...นาย เคียวอิจิ ทานาดะ , อีซูซุ ...นายฮิโรชิ นาคางาวะ , นิสสัน...นายโทรุ ฮาเซกาวา, ฮอนด้า..นายอาซึชิ ฟูจิโมโตะ, มิตซูบิชิ นายโนบุยูกิ มูราฮาชิ ขณะที่ค่ายยุโรปมีเมอร์เซเดส-เบนซ์ แต่งตั้ง ศาสตราจารย์ ดร.อเล็กซานเดอร์ เพาฟเลอร์ และเป็นที่น่ายินดีที่มีประธาน 3 ท่าน จากค่ายญี่ปุ่นที่สามารถพูดภาษาไทยได้ คือ โตโยต้า อีซูซุ และมิตซูบิชิ อย่างไรก็ตามทั้งหมดคือแม่ทัพ ซึ่งล้วนมีประสบการณ์และความสามารถโชกโชนก่อนเข้ามารับตำแหน่งในไทย ทีม MOTORING ขอเป็นกำลังใจให้ เพราะตลาดไทยไม่หมู...นะคร้าบ
3.เฟอร์รารี่ ในมือสิงห์+กระทิงแดง
ในที่สุดซูเปอร์คาร์ชื่อดัง “เฟอร์รารี่” ก็ตกอยู่ในมือนักธุรกิจระดับท็อปของไทยคือ นาย เฉลิม อยู่วิทยา และนายวุฒา ภิรมย์ภักดี ที่ร่วมหุ้นกันเปิดบริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์เฟอร์รารี่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โดยได้รับการแต่งตั้งจากบริษัทแม่ที่ประเทศอิตาลีอย่างถูกต้อง ฉะนั้นการร่วมทุนส่วนตัวของ 2 ตระกูล ที่มีฐานการเงินแน่นปึก บวกกับความชื่นชอบรถยนต์เฟอร์รารี่มานานของผู้ร่วมหุ้นทั้ง 2 ท่าน คงจะสร้างความชัดเจนให้กับลูกค้าที่คลั่งไคล้ในแบรนด์เฟอร์รารี่ ว่างานนี้ตัวจริง-เสียงจริงมาขายเองไม่มีลับ..ลวง.. พราง
4.คัมรี่ ไฮบริด รุ่นแรกเกิดในไทย
ถือเป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ที่ยักษ์ใหญ่ “โตโยต้า” ลงทุนกว่า 320 ล้านบาท ขึ้นไลน์ผลิต “คัมรี่ ไฮบริด” ที่โรงงานเกตเวย์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งไทยถือเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ผลิตรถยนต์รุ่นนี้นอกเหนือจากประเทศญี่ปุ่น โดยใช้ชิ้นส่วนในประเทศประมาณ 40 % และเป็นที่น่าดีใจแทนโตโยต้าที่ยอดขายพุ่งกระฉูด จนผลิตไม่ทัน เนื่องจากเสียงล่ำลือในเรื่อง “ความประหยัด”
5.มิตซูบิชิฟูโซ่ ทรัค ปิดโรงงาน
หลังจากดำเนินการประกอบรถบรรทุก มิตซูบิชิ ฟูโซ่ ในเมืองไทยมากว่า 25 ปี บริษัทฯก็ประกาศปิดโรงงานผลิตรถบรรทุกที่ลาดกระบังสิ้นปีนี้ ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวเกิดจากจำนวนยอดขายรถบรรทุกในไทยไม่คุ้มต้นทุนการผลิต แต่อย่างไรงานนี้ลูกค้าไม่ต้องเป็นห่วง ผู้บริหารยืนยันจะยังคงทำตลาดต่อและรับผิดชอบทุกอย่างเพียงแต่เลิกผลิตและหันมานำเข้าจากอินโดนีเซียหรืออาจจะเป็นมาเลเซีย เนื่องจากฐานการผลิตรถบรรทุกมิตซูบิชิ ฟูโซ่ ทรัค ในภูมิภาคอาเซียนนอกเหนือจากไทยยังมี 2 ประเทศดังกล่าวซึ่งมีกำลังผลิตเป็นหลักหมื่นคันต่อปี
6.แลนเซอร์ ใหม่มาแล้ว
ปล่อยให้สาวกนั่งนับวันรอ พ.ศ.ที่คิดถึง ในที่สุด“แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ใหม่”ได้ฤกษ์ทำตลาดอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กับ 2 ทางเลือกครื่องยนต์ขนาด1.8 ลิตร ที่รองรับได้ถึง อี85 และเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ที่รองรับน้ำมัน อี20 สนนราคาเริ่มต้น 8.31 แสนบาท – 1.034 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามเจเนอเรชันที่ 9 ของแลนเซอร์ใหม่ ยังมีปัญหาในการใช้ชิ้นส่วนในประเทศไม่ถึง 40% และส่วนมากต้องนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นย่อมส่งผลโดยตรงกับต้นทุนและราคาขาย ขณะเดียวกัน แลนเซอร์ รุ่นเก่า (เจเนอเรชันที่ 8) มิตซูบิชิก็ไม่ได้ถอดออกจากตลาด แต่ทำการปรับตำแหน่งสินค้าให้ลงมาชนกับเก๋ง ซับคอมแพกต์ โดยลดราคาประมาณ 5-6 หมื่นบาทแล้วแต่รุ่น ซึ่งช่วยหนุนยอดขายได้ดีทีเดียว
7.ฟรีด ราคาเป็นเหตุยอดแป๊ก
ด้วยชื่อชั้นของแบรนด์ “ฮอนด้า” ถือว่าอยู่ในระดับแถวหน้าของวงการยานยนต์ไทย เพราะเปิดตัวรถใหม่ครั้งใดตัวเลขยอดขายพุ่งกระฉูดทุกคราไป ...ล่าสุดตกม้าตายกับ “ฟรีด” รถอเนกประสงค์นำเข้าจากอินโดนีเซียที่ใช้กรอบข้อตกลงการค้าเสรีในอาเซียนหรือาฟต้าจนภาษีลดลงเหลือ 0 % แต่กลับตั้งราคาขายรุ่นท็อปถึง 1,074,500 บาท รองท็อป 1,014,500 บาท ถือว่าแพงโคตะระ ....กับเงินล้านเพื่อแลกกับรถที่ใช้ PLATFORM -เครื่องยนต์เดียวกับ “แจ๊ซ” ...แล้วอย่างนี้ยอดขายมันก็เลยแป๊กนะซิครับ
8.มาสด้า 2 แรงจริง
กลายเป็นพระเอกสำหรับรถยนต์ขนาดเล็กไปแล้วสำหรับ “มาสด้า 2” เพราะ ไม่เพียงสร้างสถิติทำยอดขายให้แบรนด์ “มาสด้า” พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จนผลักดันให้มาสด้าก้าวสู่อันดับ 3 ของตลาดรถยนต์นั่งซึ่งปกติมาสด้าทำได้แค่อันดับ 5 อันดับ 6 และยังเป็นรถที่มีคนพูดถึงมากสุดขณะนี้ ที่สำคัญก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 2 วันมียอดจองกว่า 1,100 คัน ทั้งที่ลูกค้ายังไม่ทราบราคาและรายละเอียดของตัวรถ ..แน่นอนด้วยความสด ใหม่ บวกกับความน่ารัก และราคาสมตัวจึงไม่แปลกที่ของเขาจะแรงจริง แต่จะแรงกว่า “ครูกุ๊ก” หรือไม่ก็ต้องเช็คเรตติ้งกันอีกที
9.ประธานบริษัทหญิงคนแรก
จากนโยบายของวอลโว่ คาร์ คอร์ปอเรชั่นทั่วโลกที่ต้องการผลักดันให้ผู้บริหารท้องถิ่นขึ้นมาดูแลการบริหารองค์กรประเทศ ดังนั้นกลางปีที่ผ่านมา บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด จึงแต่งตั้ง นางฉันทนา วัฒนารมย์ รองประธานฝ่ายขายและการตลาด ขึ้นมาเป็นประธานบริษัทคนใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นผู้บริหารหญิงคนแรกที่ขึ้นมารับตำแหน่งสูงสุดของบริษัทรถยนต์ข้ามชาติยี่ห้อ “วอลโว่” เมื่อตำแหน่งใหญ่ภาระหน้าที่ก็ใหญ่ตามไปด้วย โดยเฉพาะวิกฤตเศรษฐกิจเช่นนี้ ถือว่าไม่ธรรมดาสำหรับรถราคาเป็นล้าน
10.เฮ! 2.52 หมื่นคันตัวเลขมหัศจรรย์?
งานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2009 ที่เพิ่งปิดฉากลงไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาสร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างมาก เพราะมียอดจองรถใหม่ที่พุ่งสูงถล่มทลายสวนกระแสเศรษฐกิจถึง 2.52 หมื่นคัน ภายใน 12 วัน ถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์ในการจัดงานมอเตอร์โชว์ในไทย แม้กระทั้งผู้จัดเอง “ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์” ยังมึนกับตัวเลขที่มากมายขนาดนี้ และแน่นอน “เก๋งเล็ก” กลายเป็นพระเอกในงาน เนื่องจากราคา และความสดใหม่ ดึงดูดใจผู้บริโภค งานนี้ทั้งผู้จัดและค่ายรถก็แฮปปี้กันทั่วหน้า