ข่าวในประเทศ - ปิดฉากไปแล้วงานแสดงรถยนต์ส่งท้ายปี แต่มีควันหลงที่น่าสนใจ กับ “ปรากฎการณ์มอเตอร์เอ็กซ์โป 2009” ด้วยยอดจองรถใหม่ที่พุ่งสูงถล่มทลาย สวนสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และยังเป็นการสะท้อนกระแสเก๋งเล็กฟีเวอร์ ไม่ว่าจะเป็น “มาสด้า2” ที่เป็นฮีโร่ส่งให้ค่ายมาสด้าทุบสถิติสูงสุดของตัวเอง เช่นเดียวกับน้องใหม่อีกราย “ซูซูกิ สวิฟท์” ที่ยิ้มแก้มปริกับความสำเร็จในการเปิดตัวครั้งแรก หรือแม้แต่ผู้นำเก๋งซับคอมแพ็กต์ “โตโยต้า วีออส/ยาริส-ฮอนด้า ซิตี้/แจ๊ซ” ก็กวาดไปเป็นกอบเป็นกำ ขณะที่รถราคาประหยัดแรงไม่แพ้กัน “โปรตอน เอ็กซ์โซร่า” ฟันไปร่วมพันคัน ทำเอา “ฮอนด้า ฟรีด” ที่ชื่อชั้นเหนือกว่าอายไปเลย รวมถึง “มิตซูบิชิ แลนเซอร์ โฉมเก่า” ที่ดั๊มราคาลงมาชนกับเก๋งเล็ก จนลูกค้าไม่สนเรื่องความเก่า ยอมถอยออกมาขับเท่าๆ กับ “แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ใหม่”
นับเป็นการหักปากกาเซียน สำหรับงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2009 ที่เพิ่งปิดฉากไป ชนิดคงต้องเก็บตำรา หรือประสบการณ์เข้าลิ้นชักให้หมด เพราะคาดการณ์ตัวเลขยอดจองได้ห่างไกลมาก แม้แต่ตัวประธานผู้จัดงานเอง “ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์” ที่เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงจะปิดงานแล้ว ยังประเมินตัวเลขผิดพลาดไปตั้งกว่า 2 พันคัน หลังจากที่ก่อนหน้านั้นได้ปรับเปลี่ยนตัวเลขมาแล้วครั้งหนึ่ง เพราะสุดท้ายปิดยอดจองภายในงานมากถึง 2.52 หมื่นคัน หรือมีเงินสะพันมากกว่า 2.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งตัวเลขยอดจองที่สูงเป็นประวัติการณ์ก็ว่าได้นี้ ยังสะท้อนนัยสำคัญตอกย้ำทิศทางตลาดรถยนต์ไทยในอนาคตนับจากนี้ไปด้วย
“สาเหตุที่ทำให้งานในปีนี้ได้รับความสนใจจากผู้ชม และมีบรรยากาศการซื้อขายที่คึกคัก เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจและตลาดรถยนต์เริ่มฟื้นตัว ขณะที่ค่ายรถก็พยายามสร้างยอด เพื่อปิดตัวเลขการขายปลายปีนี้ ชดเชยยอดที่หายไปในช่วงต้นปี โดยอาศัยแคมเปญส่งเสริมการขายต่างๆ มากระตุ้น”
นั่นคือคำอธิบายของ “ขวัญชัญ ปภัสร์พงษ์” ประธานบริษัท สื่อสากล จำกัด และประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 26 หรือ “มอเตอร์เอ็กซ์โป 2009” พร้อมกับกล่าวว่า นอกจากนี้ในงานยังได้รับความร่วมมือจากธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ หลายค่ายมอบข้อเสนอดาวน์ต่ำ พร้อมดอกเบี้ยอัตราพิเศษสำหรับผู้ซื้อรถยนต์ เริ่มต้นตั้งแต่ 0.99% จนถึงสูงสุดเพียง 1.99% เพราะเป็นช่วงที่ธุรกิจเช่าซื้อก็ต้องการขยายฐานลูกค้าด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากเจาะเข้าไปในรายละเอียด มีปรากฎการณ์ที่น่าสนใจ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่แคมเปญกระตุ้นการขายเท่านั้น เพราะยอดจองรถยนต์ที่ถล่มทลาย หากแยกไปดูประเภทรถจะพบว่า รถยนต์นั่งขนาดเล็ก หรือเก๋งเครื่องยนต์ต่ำกว่า 1500 ซีซี นับว่ามีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่เปิดตัวในงานนี้ ซึ่งไม่มีแคมเปญมาช่วยดันยอดอยู่แล้ว
แน่นอนไฮไลต์เห็นจะเป็นค่าย “มาสด้า” ที่เพิ่งเปิดตัวเก๋งซับคอมแพ็กต์ “มาสด้า2” ทำตลาดในไทยเป็นครั้งแรก โดยมียอดจองสูงถึง 1,451 คัน แม้จะไม่ใช่เก๋งซับคอมแพ็กต์ที่ขายมากที่สุดในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป แต่การที่เป็นพระเอกช่วยส่งให้มาสด้าทำยอดจองพุ่งไปถึง 2,290 คัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของมาสด้า ที่เข้าร่วมงานมอเตอร์เอ็กซ์โปมาตลอด 10 ปี นับตั้งแต่มาสด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น เข้ามาทำตลาดเองในไทย ย่อมบ่งชี้ตัวมันเองได้เป็นอย่างดี
หรือหากจะเทียบกับคู่แข่ง “โตโยต้า” เจ้าตลาดเก๋งซับคอมแพ็กต์ ซึ่งในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2009 รุ่น “วีออส” มียอดจองกว่า 1,800 คัน การที่มาสด้า2 ทำยอดจองตามเพียงไม่กี่ร้อยคัน แสดงให้เห็นถึงความร้อนแรงได้เป็นอย่างดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคู่แข่งตรงๆ อย่าง “โตโยต้า ยาริส” ที่แพ้ให้กับมาสด้า2 แบบราบคาบ
แต่หากจะมองแค่โตโยต้า ยิ่งเห็นภาพชัดเจนถึงความต้องการเก๋งขนาดเล็กในตลาด เพราะจากยอดจองทั้งหมดของโตโยต้าในฐานะผู้ทำได้สูงสุด 7,230 คันภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป รุ่นวีออสทำยอดขายได้สูงเทียบเท่ากับปิกอัพ และมากกว่าครึ่งของเก๋งทั้งหมด โดยโตโยต้า อัลติส มียอดจองกว่า 1,500 พันคัน รุ่นคัมรี่อีกกว่า 750 คัน และที่เหลือเป็นรุ่นอื่นๆ
นอกจากมาสด้าและโตโยต้าแล้ว ย่อมต้องมี “ฮอนด้า” ซึ่งถือเป็นผู้นำในตลาดเก๋งอีกค่าย และทำยอดจองสูงสุดเป็นอันดับสองในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2009 จะเห็นว่าฮอนด้ามียอด 4,239 คัน โดยรุ่นที่ทำได้สูงสุดเป็นซับคอมแพกต์ซีดานยอดฮิต “ซิตี้” 1,475 คัน ตามด้วย “ซีวิค” 931 คัน และแจ๊ซ 714 คัน ส่วนอเนกประสงค์พันธุ์ใหม่ “ฟรีด” ทำได้เพียง 348 คัน
“ซูซูกิ” เป็นอีกค่ายที่เปิดตัวซับคอมแพ็กต์ใหม่รุ่น “สวิฟท์” และสามารถทำยอดจองรถรุ่นนี้ไปได้ถึง 169 คัน ซึ่งมากกว่าครึ่งของยอดจองรถซูซูกิทุกรุ่นภายในงานจำนวน 232 คัน ทั้งที่ซูซูกิ สวิฟท์ เพิ่งเผยโฉมในไทยเป็นครั้งแรกที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โป โดยไม่มีการทำกิจกรรม หรือทุ่มทำประชาสัมพันธ์มาก่อน แน่นอนว่าหากซูซูกิปรับโครงสร้างธุรกิจในไทยใหม่เสร็จเรียบร้อย หลังจากซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น เข้าลุยทำตลาดเองนับจากนี้ไป เชื่อว่าตลาดเก๋งซับคอมแพ็กต์จะต้องจับตาซูซูกิอีกค่ายแน่นอน
ไม่เพียงเก๋งขนาดเล็กเท่านั้น รถยนต์ที่มีราคาเหมาะสม หรือประหยัด เป็นอีกกลุ่มที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้น และผลักดันให้ตลาดเก๋งขยายตัวใกล้เคียงกับปิกอัพอย่างรวดเร็ว ดังจะเห็นได้จากการทำตลาดของรถยนต์ “โปรตอน” จากมาเลเซีย และยิ่งผ่านการทำตลาดให้ลูกค้ามั่นใจมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เมื่อโปรตรอนเปิดตัวรถโมเดลใหม่ในราคาที่ดึงดูดใจ จึงกวาดยอดขายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำทีเดียว
ดังจะเห็นได้จากในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2009 โปรตอนเปิดตัวรถอเนกประสงค์แบบเอ็มพีวีแบบ 7 ที่นั่ง กับรุ่น “เอ็กซ์โซรา” ในราคาเริ่มต้นเพียง 6.9 แสนบาท ก็สามารถทำยอดจองภายในงานถึง 824 คัน สูงสุดในจำนวนรถโปรตอนทุกรุ่นที่ทำได้ทั้งหมด 1,388 คัน ทั้งที่หากเทียบกับ “ฮอนด้า ฟรีด” รถอเนกประสงค์แบบ 7 ที่นั่ง และเพิ่งเปิดตัวสู่ตลาดไทยในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ราคาเริ่มต้นที่พุ่งไปกว่า 8.9 แสนบาท ผลที่ออกมาจึงไม่หวือหวาเท่าเอ็กซ์โซรา แม้ชื่อชั้นจะแตกต่างกันราวฟ้ากับดินก็ตาม
“มิตซูบิชิ” เป็นอีกค่ายที่น่าจะยืนยัน เรื่องราคามีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถของผู้บริโภค เพราะจากตัวเลขในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปที่ทำได้ทั้งหมด 1,518 คัน แม้สูงสุดเป็นมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต 562 คัน แต่หากเจาะลงไปที่เก๋ง “มิตซูบิชิ แลนเซอร์” ที่ทำได้ 517 คัน หลายคนอาจจะคิดว่าเกือบทั้งหมดเป็นรุ่น “แลนเซอร์ อีเอ็กซ์” โฉมใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวทำตลาดในไทย ซึ่งจริงๆ แล้วถึงจะทำได้ 270 คัน แต่กลับไม่ได้ทิ้งห่างรุ่นแลนเซอร์เดิมที่มียอดจอง 247 คันเลย
แน่นอนกลยุทธ์การปรับราคาของแลนเซอร์โฉมเดิม ลงมาที่ 5.9-6.82 แสนบาท ซึ่งเป็นราคาในระดับเก๋งซับคอมแพ็กต์ แต่ตัวถังและเครื่องยนต์อยู่ในกลุ่มคอมแพ็กต์คาร์ จึงทำให้ลูกค้าปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องถอยรถรุ่นนี้ออกมา แม้จะเป็นโฉมเดิมที่ทำตลาดมานานหลายปีแล้วก็ตาม จนตัวเลขยอดจองในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปแทบจะไม่แตกต่างจากโฉมใหม่เลย
จากปรากฎการณ์เหล่านี้ ย่อมยืนยันถึงทิศทางของตลาดรถยนต์ในไทย ซึ่งบรรดาค่ายรถยนต์ส่วนใหญ่ต่างมองไปในทิศทางเดียวว่า ตลาดรถยนต์ไทยจากที่ปิกอัพมีสัดส่วนสูงสุด ต่อไปจะเก๋งจะขยายตัวขึ้นมาใกล้เคียง หรือเทียบกับปิกอัพ และเรื่องนี้ประธานจัดงานมอเตอร์เอ็กซ์โป “ขวัญชัย” ก็เชื่อเช่นนั้น...
“เมื่อก่อนปิกอัพจะขายดี แต่ช่วงหลังเก๋งเล็กหรือรถเครื่องยนต์ต่ำกว่า 1500 ซีซี ราคาประมาณกว่า 5-6แสนบาทมาแรงมาก เห็นได้จากยอดจองภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ขณะเดียวกันยังสะท้อนถึงสัดส่วนยอดขายระหว่างปิกอัพกับเก๋งในตลาดรถยนต์เมืองไทย ที่จะปรับจาก 65 : 35 เป็น 55 : 45 ในปี 2552 นี้”
ส่วนจะเป็นจริงอย่างที่วิเคราะห์กันหรือไม่? ในระยะเวลาอันใกล้นี้คงได้พิสูจน์กัน โดยเฉพาะเมื่อเก๋งเล็กรุ่นใหม่ๆ จะทยอยเปิดตัวนับตั้งแต่ปลายปี 2552 นี้เป็นต้นไป
นับเป็นการหักปากกาเซียน สำหรับงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2009 ที่เพิ่งปิดฉากไป ชนิดคงต้องเก็บตำรา หรือประสบการณ์เข้าลิ้นชักให้หมด เพราะคาดการณ์ตัวเลขยอดจองได้ห่างไกลมาก แม้แต่ตัวประธานผู้จัดงานเอง “ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์” ที่เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงจะปิดงานแล้ว ยังประเมินตัวเลขผิดพลาดไปตั้งกว่า 2 พันคัน หลังจากที่ก่อนหน้านั้นได้ปรับเปลี่ยนตัวเลขมาแล้วครั้งหนึ่ง เพราะสุดท้ายปิดยอดจองภายในงานมากถึง 2.52 หมื่นคัน หรือมีเงินสะพันมากกว่า 2.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งตัวเลขยอดจองที่สูงเป็นประวัติการณ์ก็ว่าได้นี้ ยังสะท้อนนัยสำคัญตอกย้ำทิศทางตลาดรถยนต์ไทยในอนาคตนับจากนี้ไปด้วย
“สาเหตุที่ทำให้งานในปีนี้ได้รับความสนใจจากผู้ชม และมีบรรยากาศการซื้อขายที่คึกคัก เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจและตลาดรถยนต์เริ่มฟื้นตัว ขณะที่ค่ายรถก็พยายามสร้างยอด เพื่อปิดตัวเลขการขายปลายปีนี้ ชดเชยยอดที่หายไปในช่วงต้นปี โดยอาศัยแคมเปญส่งเสริมการขายต่างๆ มากระตุ้น”
นั่นคือคำอธิบายของ “ขวัญชัญ ปภัสร์พงษ์” ประธานบริษัท สื่อสากล จำกัด และประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 26 หรือ “มอเตอร์เอ็กซ์โป 2009” พร้อมกับกล่าวว่า นอกจากนี้ในงานยังได้รับความร่วมมือจากธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ หลายค่ายมอบข้อเสนอดาวน์ต่ำ พร้อมดอกเบี้ยอัตราพิเศษสำหรับผู้ซื้อรถยนต์ เริ่มต้นตั้งแต่ 0.99% จนถึงสูงสุดเพียง 1.99% เพราะเป็นช่วงที่ธุรกิจเช่าซื้อก็ต้องการขยายฐานลูกค้าด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากเจาะเข้าไปในรายละเอียด มีปรากฎการณ์ที่น่าสนใจ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่แคมเปญกระตุ้นการขายเท่านั้น เพราะยอดจองรถยนต์ที่ถล่มทลาย หากแยกไปดูประเภทรถจะพบว่า รถยนต์นั่งขนาดเล็ก หรือเก๋งเครื่องยนต์ต่ำกว่า 1500 ซีซี นับว่ามีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่เปิดตัวในงานนี้ ซึ่งไม่มีแคมเปญมาช่วยดันยอดอยู่แล้ว
แน่นอนไฮไลต์เห็นจะเป็นค่าย “มาสด้า” ที่เพิ่งเปิดตัวเก๋งซับคอมแพ็กต์ “มาสด้า2” ทำตลาดในไทยเป็นครั้งแรก โดยมียอดจองสูงถึง 1,451 คัน แม้จะไม่ใช่เก๋งซับคอมแพ็กต์ที่ขายมากที่สุดในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป แต่การที่เป็นพระเอกช่วยส่งให้มาสด้าทำยอดจองพุ่งไปถึง 2,290 คัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของมาสด้า ที่เข้าร่วมงานมอเตอร์เอ็กซ์โปมาตลอด 10 ปี นับตั้งแต่มาสด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น เข้ามาทำตลาดเองในไทย ย่อมบ่งชี้ตัวมันเองได้เป็นอย่างดี
หรือหากจะเทียบกับคู่แข่ง “โตโยต้า” เจ้าตลาดเก๋งซับคอมแพ็กต์ ซึ่งในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2009 รุ่น “วีออส” มียอดจองกว่า 1,800 คัน การที่มาสด้า2 ทำยอดจองตามเพียงไม่กี่ร้อยคัน แสดงให้เห็นถึงความร้อนแรงได้เป็นอย่างดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคู่แข่งตรงๆ อย่าง “โตโยต้า ยาริส” ที่แพ้ให้กับมาสด้า2 แบบราบคาบ
แต่หากจะมองแค่โตโยต้า ยิ่งเห็นภาพชัดเจนถึงความต้องการเก๋งขนาดเล็กในตลาด เพราะจากยอดจองทั้งหมดของโตโยต้าในฐานะผู้ทำได้สูงสุด 7,230 คันภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป รุ่นวีออสทำยอดขายได้สูงเทียบเท่ากับปิกอัพ และมากกว่าครึ่งของเก๋งทั้งหมด โดยโตโยต้า อัลติส มียอดจองกว่า 1,500 พันคัน รุ่นคัมรี่อีกกว่า 750 คัน และที่เหลือเป็นรุ่นอื่นๆ
นอกจากมาสด้าและโตโยต้าแล้ว ย่อมต้องมี “ฮอนด้า” ซึ่งถือเป็นผู้นำในตลาดเก๋งอีกค่าย และทำยอดจองสูงสุดเป็นอันดับสองในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2009 จะเห็นว่าฮอนด้ามียอด 4,239 คัน โดยรุ่นที่ทำได้สูงสุดเป็นซับคอมแพกต์ซีดานยอดฮิต “ซิตี้” 1,475 คัน ตามด้วย “ซีวิค” 931 คัน และแจ๊ซ 714 คัน ส่วนอเนกประสงค์พันธุ์ใหม่ “ฟรีด” ทำได้เพียง 348 คัน
“ซูซูกิ” เป็นอีกค่ายที่เปิดตัวซับคอมแพ็กต์ใหม่รุ่น “สวิฟท์” และสามารถทำยอดจองรถรุ่นนี้ไปได้ถึง 169 คัน ซึ่งมากกว่าครึ่งของยอดจองรถซูซูกิทุกรุ่นภายในงานจำนวน 232 คัน ทั้งที่ซูซูกิ สวิฟท์ เพิ่งเผยโฉมในไทยเป็นครั้งแรกที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โป โดยไม่มีการทำกิจกรรม หรือทุ่มทำประชาสัมพันธ์มาก่อน แน่นอนว่าหากซูซูกิปรับโครงสร้างธุรกิจในไทยใหม่เสร็จเรียบร้อย หลังจากซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น เข้าลุยทำตลาดเองนับจากนี้ไป เชื่อว่าตลาดเก๋งซับคอมแพ็กต์จะต้องจับตาซูซูกิอีกค่ายแน่นอน
ไม่เพียงเก๋งขนาดเล็กเท่านั้น รถยนต์ที่มีราคาเหมาะสม หรือประหยัด เป็นอีกกลุ่มที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้น และผลักดันให้ตลาดเก๋งขยายตัวใกล้เคียงกับปิกอัพอย่างรวดเร็ว ดังจะเห็นได้จากการทำตลาดของรถยนต์ “โปรตอน” จากมาเลเซีย และยิ่งผ่านการทำตลาดให้ลูกค้ามั่นใจมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เมื่อโปรตรอนเปิดตัวรถโมเดลใหม่ในราคาที่ดึงดูดใจ จึงกวาดยอดขายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำทีเดียว
ดังจะเห็นได้จากในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2009 โปรตอนเปิดตัวรถอเนกประสงค์แบบเอ็มพีวีแบบ 7 ที่นั่ง กับรุ่น “เอ็กซ์โซรา” ในราคาเริ่มต้นเพียง 6.9 แสนบาท ก็สามารถทำยอดจองภายในงานถึง 824 คัน สูงสุดในจำนวนรถโปรตอนทุกรุ่นที่ทำได้ทั้งหมด 1,388 คัน ทั้งที่หากเทียบกับ “ฮอนด้า ฟรีด” รถอเนกประสงค์แบบ 7 ที่นั่ง และเพิ่งเปิดตัวสู่ตลาดไทยในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ราคาเริ่มต้นที่พุ่งไปกว่า 8.9 แสนบาท ผลที่ออกมาจึงไม่หวือหวาเท่าเอ็กซ์โซรา แม้ชื่อชั้นจะแตกต่างกันราวฟ้ากับดินก็ตาม
“มิตซูบิชิ” เป็นอีกค่ายที่น่าจะยืนยัน เรื่องราคามีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถของผู้บริโภค เพราะจากตัวเลขในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปที่ทำได้ทั้งหมด 1,518 คัน แม้สูงสุดเป็นมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต 562 คัน แต่หากเจาะลงไปที่เก๋ง “มิตซูบิชิ แลนเซอร์” ที่ทำได้ 517 คัน หลายคนอาจจะคิดว่าเกือบทั้งหมดเป็นรุ่น “แลนเซอร์ อีเอ็กซ์” โฉมใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวทำตลาดในไทย ซึ่งจริงๆ แล้วถึงจะทำได้ 270 คัน แต่กลับไม่ได้ทิ้งห่างรุ่นแลนเซอร์เดิมที่มียอดจอง 247 คันเลย
แน่นอนกลยุทธ์การปรับราคาของแลนเซอร์โฉมเดิม ลงมาที่ 5.9-6.82 แสนบาท ซึ่งเป็นราคาในระดับเก๋งซับคอมแพ็กต์ แต่ตัวถังและเครื่องยนต์อยู่ในกลุ่มคอมแพ็กต์คาร์ จึงทำให้ลูกค้าปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องถอยรถรุ่นนี้ออกมา แม้จะเป็นโฉมเดิมที่ทำตลาดมานานหลายปีแล้วก็ตาม จนตัวเลขยอดจองในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปแทบจะไม่แตกต่างจากโฉมใหม่เลย
จากปรากฎการณ์เหล่านี้ ย่อมยืนยันถึงทิศทางของตลาดรถยนต์ในไทย ซึ่งบรรดาค่ายรถยนต์ส่วนใหญ่ต่างมองไปในทิศทางเดียวว่า ตลาดรถยนต์ไทยจากที่ปิกอัพมีสัดส่วนสูงสุด ต่อไปจะเก๋งจะขยายตัวขึ้นมาใกล้เคียง หรือเทียบกับปิกอัพ และเรื่องนี้ประธานจัดงานมอเตอร์เอ็กซ์โป “ขวัญชัย” ก็เชื่อเช่นนั้น...
“เมื่อก่อนปิกอัพจะขายดี แต่ช่วงหลังเก๋งเล็กหรือรถเครื่องยนต์ต่ำกว่า 1500 ซีซี ราคาประมาณกว่า 5-6แสนบาทมาแรงมาก เห็นได้จากยอดจองภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ขณะเดียวกันยังสะท้อนถึงสัดส่วนยอดขายระหว่างปิกอัพกับเก๋งในตลาดรถยนต์เมืองไทย ที่จะปรับจาก 65 : 35 เป็น 55 : 45 ในปี 2552 นี้”
ส่วนจะเป็นจริงอย่างที่วิเคราะห์กันหรือไม่? ในระยะเวลาอันใกล้นี้คงได้พิสูจน์กัน โดยเฉพาะเมื่อเก๋งเล็กรุ่นใหม่ๆ จะทยอยเปิดตัวนับตั้งแต่ปลายปี 2552 นี้เป็นต้นไป
