ข่าวในประเทศ - “เสี่ยเชียร” วิเชียร ลีนุตพงษ์ นำรถยนต์ 4 ยี่ห้อ ซีตรอง, สโกด้า, เซียท และโพลาร์ซัน แยกทางจาก “ยนตรกิจ คอร์ปอเรชั่น” มาบริหารจัดการเอง เพื่อคล่องตัวและสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง ภายใต้โครงสร้างใหม่ “แด๊ด ยนตรกิจ”(DAD Yontrakit) มั่นใจปีแรกมียอดขายทะลุ 1,000 คัน พร้อมสยายปีกรุกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตั้ง“แด๊ด ไดเรคชันแนล แอสเสท”ดูแล คาดเปิดตัวโครงการแรกปลายปี 2553 มูลค่าลงทุนหลายพันล้านบาท
นายวิเชียร ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการกลุ่มแด๊ด ยนตรกิจ (DAD Yontrakit) เปิดเผยว่า แม้จะมีการปรับโครงสร้างธุรกิจของยนตรกิจ คอร์ปอเรชั่น ไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา แต่หากดูโครงสร้างโดยรวมแล้ว ถือว่าเป็นองค์กรที่มีขนาดใหญ่ เพราะมีรถยนต์ในกลุ่มมากถึง 9 ยี่ห้อ คือ ออดี้ ซีตรอง เกีย สโกด้า เซียท มิตซูโอกะ โพลาร์ซัน นาซ่า และจีลี่ ทำให้การบริหารงานไม่คล่องตัว จึงจำเป็นต้องปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่อีกครั้ง
“เพื่อให้เกิดความคล่องตัว เราเลยนำรถยนต์ 4 ยี่ห้อ ได้แก่ ซีตรอง, สโกด้า, เซียท และโพลาร์ซัน ออกมาบริหารจัดการเอง ไม่ว่าจะเป็นการขายและการตลาด ซึ่งไม่ได้มีปัญหาภายในแต่อย่างใด พร้อมกันนี้ได้ดึงรถยนต์ที่เป็นธุรกิจของตนเอง เอ็มทีเอ็ม(MTM) และสปายเกอร์ มารวมไว้ในองค์กรใหม่ ซึ่งเรียกทั่วไปว่า กลุ่มแด๊ด ยนตรกิจ(DAD Yontrakit) โดยแบ่งธุรกิจออกเป็น 2 กลุ่ม คือ รถยนต์ และกลุ่มธุรกิจใหม่อสังหาริมทรัพย์”
โดยขณะนี้ได้มีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ไดเรคชันแนล ออโตโมบิลส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เพื่อดูแลบริษัทต่างๆ ในกลุ่มรถยนต์ ซึ่งมีนาวสาววิชชุดา ลีนุตพงษ์ รองประธานกรรม พร้อมกับทีมงานคนรุ่นใหม่ช่วยกันบริหารงาน และกำลังจะตั้งอีกบริษัทเรียกว่า แด๊ด ไดเรคชันแนล แอสเสท (DAD Directional Asset) เพื่อบริหารกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ แต่ธุรกิจนี้ยังใหม่สำหรับแด๊ดยนตรกิจ จึงต้องเข้าไปดูแลเองโดยตรง
นายวิเชียรกล่าวว่า ในส่วนของกลุ่มรถยนต์ไม่ค่อยหนักใจเท่าไหร่ เพราะทางกลุ่มมีประสบการณ์ตรงนี้อยู่แล้ว และเชื่อมั่นว่าจะสร้างแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคชาวไทยได้ แม้จะเป็นรถยนต์เฉพาะกลุ่ม แต่หากเทียบกับรถตลาดแล้ว ถือว่าทำตลาดง่ายกว่ามาก
“เชื่อมั่นว่าภายใต้โครงสร้างการบริหารใหม่ จะสามารถสร้างยอดขายรถยนต์ในกลุ่ม ปีแรกไม่ต่ำกว่า 1,000 คัน ซึ่งแบ่งเป็นรถตู้โพลาร์ซัน 500-600 คัน ซีตรองประมาณ 400 คัน สโกด้า 150 คัน และเอ็มทีเอ็ม 50-60 คัน ส่วนการลงทุนจะเป็นการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการ เพื่อรองรับการทำตลาดแยกแต่ละแบรนด์ให้ชัดเจน ซึ่งขณะนี้กำลังสรุปรายละเอียดอยู่”
สาเหตุที่มั่นใจตัวเลขยอดขาย เพราะในปีหน้าจะเริ่มเห็นการทำตลาดรถยนต์ในกลุ่มแด๊ดยนตรกิจอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นซีตรอง หรือสโกด้า ที่ล่าสุดได้มีการเปิดตัวรถใหม่ 4 รุ่น รวมถึงรถตู้โพลาร์ซันและรถยนต์จากประเทศสเปนยี่ห้อเซียท ที่จะเห็นความเคลื่อนไหวในปีหน้า ขณะที่รถยนต์ตกแต่งเอ็มทีเอ็ม และรถสปอร์ตหรูสปายเกอร์ เป็นตลาดเฉพาะกลุ่มมากๆ การทำตลาดคงเจาะเข้าหาลูกค้าโดยตรงมากกว่า
นายวิเชียรกล่าวว่า สำหรับแด๊ด ไดเรคชันแนล แอสเสท ซึ่งเป็นกลุ่มบริหารจัดการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่เนื่องจากเป็นธุรกิจใหม่ของกลุ่ม จึงต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการพอสมควร โดยขณะนี้กำลังวางแผนโครงการต่างๆ อยู่ ซึ่งในระยะเวลาอันใกล้หรือต้นปีหน้านี้ คงจะยังไม่เห็นความชัดเจนมากนัก
“จากการดูตามแผนงานคร่าวๆ คงจะต้องใช้เวลาถึง 9 เดือน ทุกอย่างจึงจะลงตัว และคาดว่าจะสามารถเปิดตัวโครงการแรกได้ ในช่วงปลายปี 2553 เป็นต้นไป โดยจะใช้เงินลงทุนโครงการหลายพันล้านบาท” นายวิเชียรกล่าว
นางสาววิชชุดา ลีนุตพงษ์ รองประธานกรรมการ บริษัท ไดเรคชันแนล ออโตโมบิลส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด และกรรมการบริหารบริษัท ยูโรเปียน เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากกลุ่มยนตรกิจได้ชะลอการทำตลาดแบรนด์สโกด้า รถยนต์จากประเทศสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งอยู่ภายในกลุ่มโฟล์คาสวาเกน แต่เมื่อได้มีการแยกออกมาบริหารเอง ทำให้สามารถเดินหน้าทำตลาดได้อย่างเต็มที่
“เพื่อแสดงความมุ่งมั่นที่จะสร้างแบรนด์สโกด้าให้แข็งแกร่งในไทย เราจึงได้มีการนำเข้ารถยนต์ใหม่ 4 รุ่น มาเปิดตัวและจำหน่ายภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2009 ต้นเดือนธันวาคมเป็นต้นไป และยังเตรียมความพร้อมด้านโชว์รูมและศูนย์บริการหลังการขาย ซึ่งเบื้องต้นปัจจุบันมีอยู่ 5 แห่ง ในเขตกรุงเทพมหานคร ได้แก่ หัวหมาก, สาธร, หัวลำโพง, บางกะปิ และสุขมวิท 101 อีกทั้งยังจัดแสดงและให้บริการหลังการขาย ณ โชว์รูมและศูนย์บริการของยนตรกิจทั่วประเทศด้วย”
โดยรถยนต์ที่นำเข้ามาทำตลาด 4 รุ่นใหม่ ได้แก่ สโกด้า ออคตาเวีย แบบซีดาน 4 ประตู เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ระบบ TSI 160 แรงม้า ราคา 1.99 ล้านบาท และสโกด้า ฟาเบีย รถแฮ็ทช์แบ็ก 5 ประตู เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร 16 วาล์ว 105 แรงม้า ราคา 1.49 ล้านบาท และได้นำรถทั้งสองรุ่นมาตกแต่งใหม่โดยอ็มทีเอ็ม ได้แก่ เอ็มทีเอ็ม ออคตาเวีย ที่ปรับจูนเครื่องยนต์ใหม่ให้กำลังเพิ่มเป็น 200 แรงม้า ราคา 2.3 ล้านบาท และเอ็มทีเอ็ม สโกด้า ฟาเบีย ที่นำมาแต่งชุดสปอร์ตรอบคัน ราคา 1.69 ล้านบาท
นายวิเชียร ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการกลุ่มแด๊ด ยนตรกิจ (DAD Yontrakit) เปิดเผยว่า แม้จะมีการปรับโครงสร้างธุรกิจของยนตรกิจ คอร์ปอเรชั่น ไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา แต่หากดูโครงสร้างโดยรวมแล้ว ถือว่าเป็นองค์กรที่มีขนาดใหญ่ เพราะมีรถยนต์ในกลุ่มมากถึง 9 ยี่ห้อ คือ ออดี้ ซีตรอง เกีย สโกด้า เซียท มิตซูโอกะ โพลาร์ซัน นาซ่า และจีลี่ ทำให้การบริหารงานไม่คล่องตัว จึงจำเป็นต้องปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่อีกครั้ง
“เพื่อให้เกิดความคล่องตัว เราเลยนำรถยนต์ 4 ยี่ห้อ ได้แก่ ซีตรอง, สโกด้า, เซียท และโพลาร์ซัน ออกมาบริหารจัดการเอง ไม่ว่าจะเป็นการขายและการตลาด ซึ่งไม่ได้มีปัญหาภายในแต่อย่างใด พร้อมกันนี้ได้ดึงรถยนต์ที่เป็นธุรกิจของตนเอง เอ็มทีเอ็ม(MTM) และสปายเกอร์ มารวมไว้ในองค์กรใหม่ ซึ่งเรียกทั่วไปว่า กลุ่มแด๊ด ยนตรกิจ(DAD Yontrakit) โดยแบ่งธุรกิจออกเป็น 2 กลุ่ม คือ รถยนต์ และกลุ่มธุรกิจใหม่อสังหาริมทรัพย์”
โดยขณะนี้ได้มีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ไดเรคชันแนล ออโตโมบิลส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เพื่อดูแลบริษัทต่างๆ ในกลุ่มรถยนต์ ซึ่งมีนาวสาววิชชุดา ลีนุตพงษ์ รองประธานกรรม พร้อมกับทีมงานคนรุ่นใหม่ช่วยกันบริหารงาน และกำลังจะตั้งอีกบริษัทเรียกว่า แด๊ด ไดเรคชันแนล แอสเสท (DAD Directional Asset) เพื่อบริหารกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ แต่ธุรกิจนี้ยังใหม่สำหรับแด๊ดยนตรกิจ จึงต้องเข้าไปดูแลเองโดยตรง
นายวิเชียรกล่าวว่า ในส่วนของกลุ่มรถยนต์ไม่ค่อยหนักใจเท่าไหร่ เพราะทางกลุ่มมีประสบการณ์ตรงนี้อยู่แล้ว และเชื่อมั่นว่าจะสร้างแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคชาวไทยได้ แม้จะเป็นรถยนต์เฉพาะกลุ่ม แต่หากเทียบกับรถตลาดแล้ว ถือว่าทำตลาดง่ายกว่ามาก
“เชื่อมั่นว่าภายใต้โครงสร้างการบริหารใหม่ จะสามารถสร้างยอดขายรถยนต์ในกลุ่ม ปีแรกไม่ต่ำกว่า 1,000 คัน ซึ่งแบ่งเป็นรถตู้โพลาร์ซัน 500-600 คัน ซีตรองประมาณ 400 คัน สโกด้า 150 คัน และเอ็มทีเอ็ม 50-60 คัน ส่วนการลงทุนจะเป็นการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการ เพื่อรองรับการทำตลาดแยกแต่ละแบรนด์ให้ชัดเจน ซึ่งขณะนี้กำลังสรุปรายละเอียดอยู่”
สาเหตุที่มั่นใจตัวเลขยอดขาย เพราะในปีหน้าจะเริ่มเห็นการทำตลาดรถยนต์ในกลุ่มแด๊ดยนตรกิจอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นซีตรอง หรือสโกด้า ที่ล่าสุดได้มีการเปิดตัวรถใหม่ 4 รุ่น รวมถึงรถตู้โพลาร์ซันและรถยนต์จากประเทศสเปนยี่ห้อเซียท ที่จะเห็นความเคลื่อนไหวในปีหน้า ขณะที่รถยนต์ตกแต่งเอ็มทีเอ็ม และรถสปอร์ตหรูสปายเกอร์ เป็นตลาดเฉพาะกลุ่มมากๆ การทำตลาดคงเจาะเข้าหาลูกค้าโดยตรงมากกว่า
นายวิเชียรกล่าวว่า สำหรับแด๊ด ไดเรคชันแนล แอสเสท ซึ่งเป็นกลุ่มบริหารจัดการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่เนื่องจากเป็นธุรกิจใหม่ของกลุ่ม จึงต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการพอสมควร โดยขณะนี้กำลังวางแผนโครงการต่างๆ อยู่ ซึ่งในระยะเวลาอันใกล้หรือต้นปีหน้านี้ คงจะยังไม่เห็นความชัดเจนมากนัก
“จากการดูตามแผนงานคร่าวๆ คงจะต้องใช้เวลาถึง 9 เดือน ทุกอย่างจึงจะลงตัว และคาดว่าจะสามารถเปิดตัวโครงการแรกได้ ในช่วงปลายปี 2553 เป็นต้นไป โดยจะใช้เงินลงทุนโครงการหลายพันล้านบาท” นายวิเชียรกล่าว
นางสาววิชชุดา ลีนุตพงษ์ รองประธานกรรมการ บริษัท ไดเรคชันแนล ออโตโมบิลส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด และกรรมการบริหารบริษัท ยูโรเปียน เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากกลุ่มยนตรกิจได้ชะลอการทำตลาดแบรนด์สโกด้า รถยนต์จากประเทศสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งอยู่ภายในกลุ่มโฟล์คาสวาเกน แต่เมื่อได้มีการแยกออกมาบริหารเอง ทำให้สามารถเดินหน้าทำตลาดได้อย่างเต็มที่
“เพื่อแสดงความมุ่งมั่นที่จะสร้างแบรนด์สโกด้าให้แข็งแกร่งในไทย เราจึงได้มีการนำเข้ารถยนต์ใหม่ 4 รุ่น มาเปิดตัวและจำหน่ายภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2009 ต้นเดือนธันวาคมเป็นต้นไป และยังเตรียมความพร้อมด้านโชว์รูมและศูนย์บริการหลังการขาย ซึ่งเบื้องต้นปัจจุบันมีอยู่ 5 แห่ง ในเขตกรุงเทพมหานคร ได้แก่ หัวหมาก, สาธร, หัวลำโพง, บางกะปิ และสุขมวิท 101 อีกทั้งยังจัดแสดงและให้บริการหลังการขาย ณ โชว์รูมและศูนย์บริการของยนตรกิจทั่วประเทศด้วย”
โดยรถยนต์ที่นำเข้ามาทำตลาด 4 รุ่นใหม่ ได้แก่ สโกด้า ออคตาเวีย แบบซีดาน 4 ประตู เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ระบบ TSI 160 แรงม้า ราคา 1.99 ล้านบาท และสโกด้า ฟาเบีย รถแฮ็ทช์แบ็ก 5 ประตู เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร 16 วาล์ว 105 แรงม้า ราคา 1.49 ล้านบาท และได้นำรถทั้งสองรุ่นมาตกแต่งใหม่โดยอ็มทีเอ็ม ได้แก่ เอ็มทีเอ็ม ออคตาเวีย ที่ปรับจูนเครื่องยนต์ใหม่ให้กำลังเพิ่มเป็น 200 แรงม้า ราคา 2.3 ล้านบาท และเอ็มทีเอ็ม สโกด้า ฟาเบีย ที่นำมาแต่งชุดสปอร์ตรอบคัน ราคา 1.69 ล้านบาท