xs
xsm
sm
md
lg

วิเชียรตั้งแด๊ดฯคุม4แบรนด์รถ หลังแยกยนตรกิจ-รุกอสังหาฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายวิเชียร ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการกลุ่มแด๊ด ยนตรกิจ (DAD Yontrakit) เปิดเผยว่า แม้จะมีการปรับโครงสร้างธุรกิจของยนตรกิจ คอร์ปอเรชั่น ไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา แต่หากดูโครงสร้างโดยรวมแล้ว ถือว่าเป็นองค์กรที่มีขนาดใหญ่ เพราะมีรถยนต์ในกลุ่มมากถึง 9 ยี่ห้อ คือ ออดี้ ซีตรอง เกีย สโกด้า เซียท มิตซูโอกะ โพลาร์ซัน นาซ่า และจีลี่ ทำให้การบริหารงานไม่คล่องตัว จึงจำเป็นต้องปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่อีกครั้ง

“เพื่อให้เกิดความคล่องตัว เราเลยนำรถยนต์ 4 ยี่ห้อ ได้แก่ ซีตรอง, สโกด้า, เซียท และโพลาร์ซัน ออกมาบริหารจัดการเอง ซึ่งไม่ได้มีปัญหาภายในแต่อย่างใด พร้อมกันนี้ได้ดึงรถยนต์ที่เป็นธุรกิจของตนเอง เอ็มทีเอ็ม(MTM) และสปายเกอร์ มารวมไว้ในองค์กรใหม่ ซึ่งเรียกทั่วไปว่า กลุ่มแด๊ด ยนตรกิจ(DAD Yontrakit) โดยแบ่งธุรกิจออกเป็น 2 กลุ่ม คือ รถยนต์ และกลุ่มธุรกิจใหม่อสังหาริมทรัพย์”

โดยขณะนี้ได้มีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ไดเรคชันแนล ออโตโมบิลส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เพื่อดูแลบริษัทต่างๆ ในกลุ่มรถยนต์ ซึ่งมีนาวสาววิชชุดา ลีนุตพงษ์ รองประธานกรรม พร้อมกับทีมงานคนรุ่นใหม่ช่วยกันบริหารงาน และกำลังจะตั้งอีกบริษัทเรียกว่า แด๊ด ไดเรคชันแนล แอสเสท (DAD Directional Asset) เพื่อบริหารกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ แต่ธุรกิจนี้ยังใหม่สำหรับแด๊ดยนตรกิจ จึงต้องเข้าไปดูแลเองโดยตรง

นายวิเชียรกล่าวว่า ในส่วนของกลุ่มรถยนต์ไม่ค่อยหนักใจเท่าไหร่ เพราะทางกลุ่มมีประสบการณ์ตรงนี้อยู่แล้ว และเชื่อมั่นว่าจะสร้างแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคชาวไทยได้ แม้จะเป็นรถยนต์เฉพาะกลุ่ม แต่หากเทียบกับรถตลาดแล้ว ถือว่าทำตลาดง่ายกว่ามาก

“เชื่อมั่นว่าภายใต้โครงสร้างการบริหารใหม่ จะสามารถสร้างยอดขายรถยนต์ในกลุ่ม ปีแรกไม่ต่ำกว่า 1,000 คัน ซึ่งแบ่งเป็นรถตู้โพลาร์ซัน 500-600 คัน ซีตรองประมาณ 400 คัน สโกด้า 150 คัน และเอ็มทีเอ็ม 50-60 คัน ส่วนการลงทุนจะเป็นการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการ เพื่อรองรับการทำตลาดแยกแต่ละแบรนด์ให้ชัดเจน ซึ่งขณะนี้กำลังสรุปรายละเอียดอยู่”

สำหรับแด๊ด ไดเรคชันแนล แอสเสท เป็นกลุ่มบริหารจัดการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่เนื่องจากเป็นธุรกิจใหม่ของกลุ่ม จึงต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการพอสมควร โดยขณะนี้กำลังวางแผนโครงการต่างๆ อยู่ คาดว่าจะสามารถเปิดตัวโครงการแรกได้ ในช่วงปลายปี 2553 เป็นต้นไป โดยจะใช้เงินลงทุนโครงการหลายพันล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น