ข่าวต่างประเทศ - ฟอร์ดกำลังจะกลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกของโลกที่มีการนำเทคโนโลยีความปลอดภัยใหม่มาใช้กับรถยนต์ในสายการผลิต เมื่อเปิดเผยว่า ทางวิศวกรของฟอร์ดประสบความสำเร็จในการพัฒนาเข็มขัดแบบมีถุงลมนิรภัย หรือ Inflatable Seat Belt และจะนำมาใช้กับเอสยูวียอดนิยมอย่างรุ่นเอ็กซ์โพลเรอร์รุ่นสำหรับขายในปีหน้า และฟอร์ดเตรียมผลักดันนำเทคโนโลยีความปลอดภัยใหม่นี้ออกติดตั้งในรถยนต์รุ่นอื่นๆ ที่ขายอยู่ในตลาดทั่วโลกอีกด้วย
เข็มขัดนิรภัยแบบมีถุงลมนิรภัยพองตัวได้ตรงส่วนที่เป็นสายคาดไหล่นั้นจะมีติดตั้งเฉพาะบนนั่งด้านหลังและจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้โดยสารด้านหลังซึ่งตามปกติแล้วไม่มีเทคโนโลยีความปลอดภัยใดๆ ติดตั้งมาให้เลยนอกจากเข็มขัดนิรภัยและการได้รับอานิสงส์จากม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ซึ่งต้องใช้เสาหลังคาหลังในการติดตั้งถุงลมที่จะพองตัวขึ้นมาครอบคลุมทั้งผู้โดยสารด้านหน้าและหลัง
ฟอร์ดเปิดเผยว่าระบบนี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บของผู้โดยสารด้านหลังตรงบริเวณศีรษะ, คอ และหน้าอกในเวลาที่เข็มขัดนิรภัยต้องทำงานเพื่อยึดรั้งร่างกายในจังหวะที่เกิดการชน และสามารรถลดความเสี่ยงลงมาก เมื่อผู้โดยสารเป็นเด็กหรือผู้สูงอายุ
‘เข็มขัดนิรภัยแบบมีถุงลมพองตัวได้นั้น ถือเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ทันสมัยของฟอร์ดในการช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้โดยสารด้านหลังทุกเพศทุกวัย โดยจะช่วยลดความเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บให้เหลือน้อยลงในกลุ่มของเด็กและผู้สูงอายุ และนี่คืออีกเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาโดยอยู่บนพื้นฐานของความใส่ใจในด้านความปลอดภัยของฟอร์ด’ Sue Cische รองประธานของฟอร์ดในส่วนวิศวกรรมด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน กล่าว
การทำงานจะมีความรวดเร็วมาก โดยสายคาดไหล่จะพอตัวขึ้นมาโดยใช้เวลาเพียง 0.04 วินาทีหลังเกิดการชน โดยการพองตัวขึ้นมานั้น จะทำให้ขนาดของพื้นที่ในการยึดรั้งร่างกายของคนนั่งมีเพิ่มขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยลดอาการบาดเจ็บเพราะแรงกระชากของเข็มขัดแล้ว ยังช่วยทำให้การเคลื่อนไหวของสรีระของคนขับตามแรงกระทำที่เกิดขึ้นมีน้อยลง ทำให้ผู้โดยสารอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมที่เข็มขัดนิรภัยจะทำหน้าที่ในการยึดรั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับแก๊สที่ใช้ในถุงลมของเข็มขัดจะเป็นแบบ Cold Compressed ซึ่งต่างจากที่ใช้ในถุงลมนิรภัยทั่วไป ที่เป็นแบบ Heate-Generating Chemical Reaction ส่วนหน้าตาของตัวเข็มขัดนิรภัยประเภทนี้ไม่แตกต่างจากเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดที่เห็นกันในชีวิตประจำวัน อีกทั้งฟอร์ดยังเผยว่าปลอดภัยแม้ว่าจะใช้ในการติดตั้งกับเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กทุกประเภทที่ต้องใช้เข็มขัดนิรภัยด้านหลังช่วยในการยึดรั้ง
เข็มขัดนิรภัยแบบมีถุงลมนิรภัยพองตัวได้ตรงส่วนที่เป็นสายคาดไหล่นั้นจะมีติดตั้งเฉพาะบนนั่งด้านหลังและจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้โดยสารด้านหลังซึ่งตามปกติแล้วไม่มีเทคโนโลยีความปลอดภัยใดๆ ติดตั้งมาให้เลยนอกจากเข็มขัดนิรภัยและการได้รับอานิสงส์จากม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ซึ่งต้องใช้เสาหลังคาหลังในการติดตั้งถุงลมที่จะพองตัวขึ้นมาครอบคลุมทั้งผู้โดยสารด้านหน้าและหลัง
ฟอร์ดเปิดเผยว่าระบบนี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บของผู้โดยสารด้านหลังตรงบริเวณศีรษะ, คอ และหน้าอกในเวลาที่เข็มขัดนิรภัยต้องทำงานเพื่อยึดรั้งร่างกายในจังหวะที่เกิดการชน และสามารรถลดความเสี่ยงลงมาก เมื่อผู้โดยสารเป็นเด็กหรือผู้สูงอายุ
‘เข็มขัดนิรภัยแบบมีถุงลมพองตัวได้นั้น ถือเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ทันสมัยของฟอร์ดในการช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้โดยสารด้านหลังทุกเพศทุกวัย โดยจะช่วยลดความเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บให้เหลือน้อยลงในกลุ่มของเด็กและผู้สูงอายุ และนี่คืออีกเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาโดยอยู่บนพื้นฐานของความใส่ใจในด้านความปลอดภัยของฟอร์ด’ Sue Cische รองประธานของฟอร์ดในส่วนวิศวกรรมด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน กล่าว
การทำงานจะมีความรวดเร็วมาก โดยสายคาดไหล่จะพอตัวขึ้นมาโดยใช้เวลาเพียง 0.04 วินาทีหลังเกิดการชน โดยการพองตัวขึ้นมานั้น จะทำให้ขนาดของพื้นที่ในการยึดรั้งร่างกายของคนนั่งมีเพิ่มขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยลดอาการบาดเจ็บเพราะแรงกระชากของเข็มขัดแล้ว ยังช่วยทำให้การเคลื่อนไหวของสรีระของคนขับตามแรงกระทำที่เกิดขึ้นมีน้อยลง ทำให้ผู้โดยสารอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมที่เข็มขัดนิรภัยจะทำหน้าที่ในการยึดรั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับแก๊สที่ใช้ในถุงลมของเข็มขัดจะเป็นแบบ Cold Compressed ซึ่งต่างจากที่ใช้ในถุงลมนิรภัยทั่วไป ที่เป็นแบบ Heate-Generating Chemical Reaction ส่วนหน้าตาของตัวเข็มขัดนิรภัยประเภทนี้ไม่แตกต่างจากเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดที่เห็นกันในชีวิตประจำวัน อีกทั้งฟอร์ดยังเผยว่าปลอดภัยแม้ว่าจะใช้ในการติดตั้งกับเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กทุกประเภทที่ต้องใช้เข็มขัดนิรภัยด้านหลังช่วยในการยึดรั้ง