สานต่อความคืบหน้าเรื่องราวต่างๆ ของ ฟอร์ด ในประเทศไทยกับการเปิดใจ “สาโรช เกียรติเฟื่องฟู” รองประธานอาวุโส ฟอร์ด ประเทศไทย ทั้งเรื่องของรถเก๋งเล็กน้องใหม่ “เฟียสต้า” ที่เป็นโมเดลความหวัง , ปิกอัพตัวใหม่ และสถานการณ์ปัจจุบันของฟอร์ด รวมถึงทิศทางตลาดรถยนต์ของไทย ภายหลังวิกฤตเศรษฐกิจที่เริ่มคลายตัว
-ภาพรวมฟอร์ดปัจจุบัน
จากตัวเลขยอดขายเมื่อปิดไตรมาส 3 ดีขึ้นกว่าไตรมาส 2 ถึง 21% เนื่องจากภาพรวมของอุตสาหกรรมรถยนต์ดีขึ้น ประกอบกับรถยนต์ของฟอร์ดหลายๆ รุ่นขายดีกว่าเดิมทั้งรุ่น เอสเคป เอฟเวอร์เรส โดยเฉพาะ เรนเจอร์ รุ่นไวล์ดแทร็ค ซึ่งเป็นรถรุ่นตกแต่งพิเศษ และถือเป็นปิกอัพเพียงรุ่นเดียวของไทยที่ตกแต่งเสร็จจากโรงงานประกอบ
ส่วนตัวเลขยอดขายของเราผ่าน 10 เดือน ทำได้ประมาณ 6,000 คัน น้อยกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 9,300 คัน ทั้งนี้สืบเนื่องจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่ลุกลามไปทั่วโลกเมื่อช่วงต้นปี แต่เรายังคงมั่นใจว่าสถาการณ์ต่างๆ เริ่มดีขึ้นแล้วดังจะเห็นได้จากตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายตัวมีทิศทางเป็นบวก
-คาดการณ์ตลาดรถยนต์ไทยปีนี้
ฟอร์ดประเมินไว้ว่า ยอดขายรถยนต์รวมทั้งตลาดของไทยปีนี้น่าจะอยู่ราว 520,000 คัน จากเดิมที่เคยคาดไว้ 500,000 คันเมื่อช่วงก่อนหน้า คือเมื่อช่วงต้นปีที่มีวิกฤตทางค่ายรถยนต์แบกภาระสต็อกของรถเอาไว้ค่อนข้างเยอะเนื่องจากคาดการณ์ผิด คิดว่าตลาดรถจะโต ดังนั้นในช่วงไตรมาส2 จึงถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของบรรดาค่ายรถ แต่เราก็ผ่านพ้นปัญหาดังกล่าวมาแล้ว
ในส่วนยอดขายของฟอร์ดปีนี้ คาดว่าจะรักษาระดับแชร์ 1.5% เอาไว้ได้เช่นเดิม หรือน่าจะปิดยอดขายสิ้นปีที่ราว 7,800 คัน ซึ่งในไตรมาส 4 ฟอร์ดน่าจะขายดีกว่าทุกไตรมาส เพราะเมื่อกลางปีที่ผ่านมาเราประสบปัญหาด้านซัพพลายของรุ่น โฟกัส ดีเซล ไม่เพียงพอขาย มีรถค้างส่ง(Back Order)อยู่เป็นจำนวนนับร้อยคัน
ซึ่งเดือนธันวาคมนี้ คาดว่ารถล็อตใหม่ของฟอร์ด โฟกัส จะมาถึงเมืองไทยและสามารถส่งมอบให้ลูกค้าได้ทั้งหมด จากที่ผ่านมาค้างส่งอยู่ราว 30 คันต่อเดือนตั้งแต่ช่วงพฤษภาคม โดยคาดว่า เมื่อไม่มีปัญหาด้านซัพพลายโฟกัสน่าจะทำยอดขายได้ถึง 150 คันต่อเดือน
-โมเดลใหม่?
ฟอร์ด เตรียมเปิดตัว เฟียสต้า ในราวปลายเดือน มิ.ย. 2553 และในปี 2554 จะเป็นฟอร์ด เรนเจอร์ โฉมใหม่(เป็นโมเดลใหม่หมด หลังจากรุ่นปัจจุบันทำตลาดมาถึง 13 ปี)
-เฟียสต้าจะมาเจาะกลุ่มไหน?
ฟอร์ด เฟียสต้า จัดเป็นรถกลุ่มตลาดรถ บี-เซกเมนท์ ซึ่งตลาดกลุ่มดังกล่าวของเมืองไทยมีขนาดใหญ่ที่สุดในตลาดรถยนต์นั่งและยังมีทิศทางที่ขยายตัวเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี เนื่องจากผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมการเลือกซื้อรถจาก ซี-เซกเมนท์(รถประเภทคอมแพกต์) หันมาใช้รถในกลุ่ม บี-เซกเมนท์มากขึ้น ด้วยเหตุด้านความประหยัดทั้งราคาซื้อและการใช้นำมันเชื้อเพลิง
ทั้งนี้บี-เซกเมนท์ของไทยปัจจุบันครอบครองโดยรถ โตโยต้า วิออส-ยาริส และฮอนด้า ซิตี-แจ๊ส ที่มีไลน์ของราคากว้างมากตั้งแต่ 5-7 แสนบาท แต่อาจจะแบ่งส่วนตลาดแบบง่ายๆ ได้เป็น 2 ประเภทคือ ราคาเกิน 6 แสนบาท มีฮอนด้าเป็นผู้นำตลาดอยู่ และราคาต่ำกว่า 6 แสนบาทลงมา มีโตโยต้าครองส่วนแบ่งใหญ่อยู่ และถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด
ขณะที่สัดส่วนการขายของรถแบบ 4 ประตู(ซีดาน)จะมีอยู่ประมาณ 70% และอีก 30% เป็นของรุ่น 5 ประตูหรือแฮทต์แบ็ก
สำหรับเฟียสต้า จะมีทั้งรุ่น 4 ประตูและ 5 ประตูทำตลาด เครื่องยนต์หลากหลายเช่นกัน ส่วนจะเลือกเจาะตลาดกลุ่มไหนระหว่างสูงกว่าหรือต่ำกว่า 6 แสน ขณะนี้อยู่ในระหว่างการวางแผนและพิจารณา แน่นอนว่าหลังการเปิดตัวเราคาดหวังว่าเฟียสต้าจะสามารถสร้างยอดขายให้ฟอร์ดเติบโตแบบก้าวกระโดด และมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมที่ครองอยู่แค่ 1.5%
-มีแผนส่งออกหรือไม่
เฟียสต้า ในรุ่น 4 ประตู ปัจจุบันจะมีจำหน่ายอยู่ในประเทศจีนเพียงแห่งเดียว ซึ่งก็จะเป็นรุ่นพวงมาลัยซ้าย ดังนั้นคาดว่า หลังการขึ้นไลน์ผลิตเฟียสต้าในไทยแล้วน่าจะส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศที่เป็นพวงมาลัยขวา เช่น ออสเตรเลีย และในอาเซียนทั้งหมด
-ทิศทางฟอร์ดในอนาคต
ถ้าเป็นในเมืองไทย การนำรถไฮบริดเข้ามาทำตลาดคงยังไม่เกิดขึ้นในช่วงเวลาใกล้ๆ เพราะปัจจุบันรุ่นที่มีจำหน่ายเป็นพวงมาลัยซ้ายทั้งหมด และทิศทางด้านการประหยัดพลังงาน ฟอร์ดกำลังคิดค้นเทคโนโลยีด้านเครื่องยนต์ใหม่ ในชื่อ อีโค บูส (Eco Boost) คือ เป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวแต่มีหลายขนาด เพื่อความหลากหลายในตอบสนองการใช้งานทั่วโลก ขณะนี้กำลังพัฒนาอยู่ในยุโรป มีอัตราการประหยัดน้ำมันกว่าเครื่องยนต์ไฮบริดและมีต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่าอีกด้วย
ทั้งหมดนี้คือทิศทางและความคืบหน้าของ ฟอร์ด ภายหลังจากการผ่านผ้นช่วงเวลาวิกฤตมาได้พร้อมกับการเตรียมเปิดตัวโปรดักซ์ใหม่ที่แบกความหวังของฟอร์ดในการปักธงรบบนตลาดรถยนต์ของไทย
-ภาพรวมฟอร์ดปัจจุบัน
จากตัวเลขยอดขายเมื่อปิดไตรมาส 3 ดีขึ้นกว่าไตรมาส 2 ถึง 21% เนื่องจากภาพรวมของอุตสาหกรรมรถยนต์ดีขึ้น ประกอบกับรถยนต์ของฟอร์ดหลายๆ รุ่นขายดีกว่าเดิมทั้งรุ่น เอสเคป เอฟเวอร์เรส โดยเฉพาะ เรนเจอร์ รุ่นไวล์ดแทร็ค ซึ่งเป็นรถรุ่นตกแต่งพิเศษ และถือเป็นปิกอัพเพียงรุ่นเดียวของไทยที่ตกแต่งเสร็จจากโรงงานประกอบ
ส่วนตัวเลขยอดขายของเราผ่าน 10 เดือน ทำได้ประมาณ 6,000 คัน น้อยกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 9,300 คัน ทั้งนี้สืบเนื่องจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่ลุกลามไปทั่วโลกเมื่อช่วงต้นปี แต่เรายังคงมั่นใจว่าสถาการณ์ต่างๆ เริ่มดีขึ้นแล้วดังจะเห็นได้จากตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายตัวมีทิศทางเป็นบวก
-คาดการณ์ตลาดรถยนต์ไทยปีนี้
ฟอร์ดประเมินไว้ว่า ยอดขายรถยนต์รวมทั้งตลาดของไทยปีนี้น่าจะอยู่ราว 520,000 คัน จากเดิมที่เคยคาดไว้ 500,000 คันเมื่อช่วงก่อนหน้า คือเมื่อช่วงต้นปีที่มีวิกฤตทางค่ายรถยนต์แบกภาระสต็อกของรถเอาไว้ค่อนข้างเยอะเนื่องจากคาดการณ์ผิด คิดว่าตลาดรถจะโต ดังนั้นในช่วงไตรมาส2 จึงถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของบรรดาค่ายรถ แต่เราก็ผ่านพ้นปัญหาดังกล่าวมาแล้ว
ในส่วนยอดขายของฟอร์ดปีนี้ คาดว่าจะรักษาระดับแชร์ 1.5% เอาไว้ได้เช่นเดิม หรือน่าจะปิดยอดขายสิ้นปีที่ราว 7,800 คัน ซึ่งในไตรมาส 4 ฟอร์ดน่าจะขายดีกว่าทุกไตรมาส เพราะเมื่อกลางปีที่ผ่านมาเราประสบปัญหาด้านซัพพลายของรุ่น โฟกัส ดีเซล ไม่เพียงพอขาย มีรถค้างส่ง(Back Order)อยู่เป็นจำนวนนับร้อยคัน
ซึ่งเดือนธันวาคมนี้ คาดว่ารถล็อตใหม่ของฟอร์ด โฟกัส จะมาถึงเมืองไทยและสามารถส่งมอบให้ลูกค้าได้ทั้งหมด จากที่ผ่านมาค้างส่งอยู่ราว 30 คันต่อเดือนตั้งแต่ช่วงพฤษภาคม โดยคาดว่า เมื่อไม่มีปัญหาด้านซัพพลายโฟกัสน่าจะทำยอดขายได้ถึง 150 คันต่อเดือน
-โมเดลใหม่?
ฟอร์ด เตรียมเปิดตัว เฟียสต้า ในราวปลายเดือน มิ.ย. 2553 และในปี 2554 จะเป็นฟอร์ด เรนเจอร์ โฉมใหม่(เป็นโมเดลใหม่หมด หลังจากรุ่นปัจจุบันทำตลาดมาถึง 13 ปี)
-เฟียสต้าจะมาเจาะกลุ่มไหน?
ฟอร์ด เฟียสต้า จัดเป็นรถกลุ่มตลาดรถ บี-เซกเมนท์ ซึ่งตลาดกลุ่มดังกล่าวของเมืองไทยมีขนาดใหญ่ที่สุดในตลาดรถยนต์นั่งและยังมีทิศทางที่ขยายตัวเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี เนื่องจากผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมการเลือกซื้อรถจาก ซี-เซกเมนท์(รถประเภทคอมแพกต์) หันมาใช้รถในกลุ่ม บี-เซกเมนท์มากขึ้น ด้วยเหตุด้านความประหยัดทั้งราคาซื้อและการใช้นำมันเชื้อเพลิง
ทั้งนี้บี-เซกเมนท์ของไทยปัจจุบันครอบครองโดยรถ โตโยต้า วิออส-ยาริส และฮอนด้า ซิตี-แจ๊ส ที่มีไลน์ของราคากว้างมากตั้งแต่ 5-7 แสนบาท แต่อาจจะแบ่งส่วนตลาดแบบง่ายๆ ได้เป็น 2 ประเภทคือ ราคาเกิน 6 แสนบาท มีฮอนด้าเป็นผู้นำตลาดอยู่ และราคาต่ำกว่า 6 แสนบาทลงมา มีโตโยต้าครองส่วนแบ่งใหญ่อยู่ และถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด
ขณะที่สัดส่วนการขายของรถแบบ 4 ประตู(ซีดาน)จะมีอยู่ประมาณ 70% และอีก 30% เป็นของรุ่น 5 ประตูหรือแฮทต์แบ็ก
สำหรับเฟียสต้า จะมีทั้งรุ่น 4 ประตูและ 5 ประตูทำตลาด เครื่องยนต์หลากหลายเช่นกัน ส่วนจะเลือกเจาะตลาดกลุ่มไหนระหว่างสูงกว่าหรือต่ำกว่า 6 แสน ขณะนี้อยู่ในระหว่างการวางแผนและพิจารณา แน่นอนว่าหลังการเปิดตัวเราคาดหวังว่าเฟียสต้าจะสามารถสร้างยอดขายให้ฟอร์ดเติบโตแบบก้าวกระโดด และมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมที่ครองอยู่แค่ 1.5%
-มีแผนส่งออกหรือไม่
เฟียสต้า ในรุ่น 4 ประตู ปัจจุบันจะมีจำหน่ายอยู่ในประเทศจีนเพียงแห่งเดียว ซึ่งก็จะเป็นรุ่นพวงมาลัยซ้าย ดังนั้นคาดว่า หลังการขึ้นไลน์ผลิตเฟียสต้าในไทยแล้วน่าจะส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศที่เป็นพวงมาลัยขวา เช่น ออสเตรเลีย และในอาเซียนทั้งหมด
-ทิศทางฟอร์ดในอนาคต
ถ้าเป็นในเมืองไทย การนำรถไฮบริดเข้ามาทำตลาดคงยังไม่เกิดขึ้นในช่วงเวลาใกล้ๆ เพราะปัจจุบันรุ่นที่มีจำหน่ายเป็นพวงมาลัยซ้ายทั้งหมด และทิศทางด้านการประหยัดพลังงาน ฟอร์ดกำลังคิดค้นเทคโนโลยีด้านเครื่องยนต์ใหม่ ในชื่อ อีโค บูส (Eco Boost) คือ เป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวแต่มีหลายขนาด เพื่อความหลากหลายในตอบสนองการใช้งานทั่วโลก ขณะนี้กำลังพัฒนาอยู่ในยุโรป มีอัตราการประหยัดน้ำมันกว่าเครื่องยนต์ไฮบริดและมีต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่าอีกด้วย
ทั้งหมดนี้คือทิศทางและความคืบหน้าของ ฟอร์ด ภายหลังจากการผ่านผ้นช่วงเวลาวิกฤตมาได้พร้อมกับการเตรียมเปิดตัวโปรดักซ์ใหม่ที่แบกความหวังของฟอร์ดในการปักธงรบบนตลาดรถยนต์ของไทย