ข่าวต่างประเทศ-ฟอร์ดเผยส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ในกลุ่มประเทศยุโรป 19 ประเทศเพิ่มเป็น 10.1 เปอร์เซ็นต์ในเดือนกันยายน 2552 นับเป็นตัวเลขสูงที่สุดเมื่อเทียบกับทุกๆ เดือนนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2544 และคิดเป็นส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้น 0.8 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว
ยอดขายรถฟอร์ด เฟียสต้า ในยุโรปเมื่อเดือนที่แล้วมีจำนวนสูงถึง 51,400 คัน นับเป็นยอดขายเฟียสต้าประจำเดือนกันยายนที่สูงสุดที่สุดนับตั้งแต่พ.ศ. 2537 และยังเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันที่ฟอร์ด ยุโรป มียอดขายรายเดือนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า จึงนับว่าบริษัทมียอดขายอยู่ในระดับที่ดีกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมโดยรวม
ทั้งนี้ เมื่อเดือนที่แล้ว ฟอร์ด ยุโรป มียอดขายรถใหม่ในตลาดหลัก 19 ประเทศยุโรป รวม 152,600 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 12.3 เปอร์เซ็นต์ และดีกว่าอุตสาหกรรมโดยรวมซึ่งมีการขยายตัวที่ 2.9 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดของฟอร์ดในเดือนกันยายนปีนี้เพิ่มขึ้นใน 14 ประเทศจาก 19 ประเทศยุโรป เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันเมื่อพ.ศ. 2551
"โดยปกติแล้ว เราคาดหวังว่าฟอร์ดจะมียอดขายที่ดีในเดือนกันยายน เนื่องจากยอดขายรถใหม่ในสหราชอาณาจักรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากช่วงของการเปลี่ยนป้ายทะเบียนรถ และยอดขายเดือนกันยายน 2552 อยู่ในระดับที่ดีกว่าความคาดหมาย" อิงก์วาร์ สวิกกรัม รองประธานฝ่ายการตลาด ฝ่ายขาย และบริการ ประจำฟอร์ด ยุโรป กล่าว "นับว่าเรามีผลงานที่โดดเด่นมาก ผมขอขอบคุณพนักงงานฟอร์ดทุกคน ผู้จำหน่ายของเรา และที่สำคัญที่สุดคือลูกค้าทุกท่านที่ช่วยให้เรามียอดขายที่ดีเยี่ยมในเดือนกันยายน"
"ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของเราในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ยากลำบากแสดงให้เห็นว่าลูกค้าของเรามีความยินดีที่จะมอบความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์ฟอร์ด เพราะเรามีรถยนต์ที่น่าสนใจและทันสมัย ตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถฟอร์ด เฟียสต้าใหม่ ที่มียอดขายประจำเดือนกันยายนสูงที่สุดนับตั้งแต่พ.ศ. 2537"
ปัจจุบัน ฟอร์ดมีส่วนแบ่งตลาดต่อเดือนเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้วเพิ่มขึ้นถึง 9 เดือนติดต่อกัน ขณะที่ยอดขายต่อเดือนเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้นตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา ทว่า ความสำเร็จทั้งด้านส่วนแบ่งตลาดและยอดขายจะมีคุณค่าก็ต่อเมื่อการขายนั้นมีคุณภาพและสร้างรายได้ที่ดีให้กับบริษัท และแน่นอนว่านี่คือสิ่งที่เราเห็นได้ในเดือนกันยายนที่ยอดขายปลีกคิดเป็นสัดส่วนถึง 60 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั้งหมด
“ เรายังมีความกังวลต่อความเปราะบางของตลาด ไม่ว่าจะเป็นการยุติโครงการสนับสนุนการนำรถเก่ามาแลกซื้อรถใหม่อย่างกระทันหัน และการสนับสนุนอื่นๆ ที่กำลังจะสิ้นสุดลง อุตสาหกรรมรถยนต์จึงต้องประสบความไม่แน่นอนในอนาคตด้านความต้องการของตลาด ในขณะที่ปีพ.ศ. 2553 กำลังจะมาถึง และเป็นที่ชัดเจนว่า ในทวีปยุโรป ความช่วยเหลือจากภาครัฐยังเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการกระตุ้นตลาดจนกว่าความต้องการของผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับที่มีความยั่งยืน" วิกกรัม กกล่าว
นับจากต้นปีจนถึงเดือนกันยายน ฟอร์ดประสบความสำเร็จในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดขึ้นอีก 0.5 เปอร์เซ็นต์มาอยู่ที่ 9.2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับว่าเป็นส่วนแบ่งตลาดที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนกันยายนสำหรับตลาดหลักของยุโรปทั้ง 19 ประเทศ ตั้งแต่พ.ศ. 2542 เป็นต้นมา โดยส่วนแบ่งตลาดของฟอร์ดเพิ่มขึ้นใน 17 จาก 19 ประเทศ
ตลอดช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ในตลาดยุโรป 19 ประเทศมียอดขายรถใหม่ทั้งสิ้น 1,097,100 คัน ลดลง 51,000 คันหรือ 4.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปี พ.ศ. 2551 ขณะที่อุตสาหกรรมโดยรวมหดตัวลง 9.7 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเวลาเดียวกัน และนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันฟอร์ด ยุโรป มียอดขายรถยนต์ในตลาดทั้ง 51 ประเทศจำนวน 1,243,700 คัน ลดลง 172,000 หน่วย หรือ 12.2 เปอร์เซ็นต์ น้อยกว่าช่วงเวลาเดียวกันในพ.ศ.2551
ขณะที่ในตลาดไทยยอดขายรถใหม่ประจำไตรมาส 3 ของปีนี้เติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 21 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ยอดขายในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นเกือบ 8 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม นับเป็นเดือนที่ฟอร์ดมียอดขายสูงสุดในปีนี้ รวมทั้งยังมียอดขายเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 แล้ว
ทั้งนี้ ยอดขายรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ ที่เพิ่มขึ้น คือปัจจัยสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ยอดขายรวมในไตรมาส 3 ของฟอร์ด โดยเดือนกันยายนที่ผ่านมา เป็นเดือนที่ฟอร์ด เรนเจอร์ มียอดขายสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2551 ด้วยจำนวน 541 คัน เพิ่มขึ้น 8.6 เปอร์เซ็นต์จากเดือนก่อนหน้า และยังเป็นการเติบโตที่สวนทางกับตลาดรถกระบะขนาด 1 ตันที่หดตัวลง 6.5 เปอร์เซ็นต์ในเดือนกันยายนนี้ นอกจากนี้ ยอดขายรถฟอร์ด เรนเจอร์ โดยรวมในไตรมาส 3 ยังเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าเกือบ 29 เปอร์เซ็นต์
รถฟอร์ด เอสเคป นับเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ของฟอร์ดที่มียอดขายในเดือนกันยายนอยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2551 และมียอดขายเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้ากว่า 44 เปอร์เซ็นต์ ด้านยอดขายรวมตลอดไตรมาส 3 ของฟอร์ด เอสเคป เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าถึงเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์
ด้านฟอร์ด เอเวอเรสต์ใหม่ ที่มียอดขายอยู่ในระดับแข็งแกร่งทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและแอฟริกา ทำยอดขายในประเทศไทยได้สูงกว่าเป้าหมาย ทั้งในเดือนสิงหาคมและกันยายน โดยไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ รถฟอร์ด เอเวอเรสต์ มียอดขายเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2550
"การที่เราเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ๆ ควบคู่กับการทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง และความทุ่มเทของเครือข่ายผู้จำหน่ายฟอร์ด ทำให้เรามียอดขายที่แข็งแกร่ง เรามั่นใจว่าลูกค้าในประเทศไทยจะได้รับความพึงพอใจจากความพยายามของฟอร์ดในการผลิตรถยนต์ชั้นนำที่ให้ความคุ้มค่าอย่างที่ลูกค้าต้องการ “ สาโรช เกียรติเฟื่องฟู รองประธานอาวุโส ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวตบท้าย