ยะลา – คนร้ายวางแผนวางระเบิดถังแก๊สปิคนิคลวงให้รอง ผบ.ฉก.14 อ.ยะหา และลูกน้องเดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุก่อนกดคาร์บอมบ์ ทำให้เสียชีวิต พร้อมลูกน้องดับ 2 ศพ เจ็บสาหัสอีก 4 นาย ส่วนนักศึกษาสาวโดนลูกหลงอีก 1 คน
วันนี้ (17 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.50 น.พ.ต.อ.สวัสดิ์ เตียวิรัตน์ ผกก.สภ.ยะหา ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.ยะหา ว่า เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณหน้าสนามกีฬากลาง อ.ยะหา ถนนพิทักษ์ธานี เขตเทศบาลตำบลยะหา อ.ยะหา จ.ยะลา ห่างจากที่ว่าการอำเภอยะหา 100 เมตร มีเจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายนาย
หลังได้รับแจ้งจึงรีบเดินทางไปยังบริเวณที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย นายศุภนัฐ ศิรันทวิเนติ นายอำเภอยะหา พ.ท.สุวัฒน์ ทองใบ ผบ.ฉก.ยะลา 14 กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฉก.14 อ.ยะหา ชุดศรศึก-ศรชัย (EOD-ARMY) และ ฝ่ายปกครองอีกจำนวนหนึ่ง
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อฟอร์ด เรนเจอร์ แบบแค็บ สีบรอนซ์ทอง แผ่นป้ายทะเบียนปลอม ฉก 121 ยะลา จอดอยู่ริมถนน สภาพเพลิงลุกไหม้ทั้งคัน ขาดสองท่อน เศษชิ้นส่วนตกกระจายเป็นระยะทางหลายสิบเมตร เจ้าหน้าที่ได้กันชาวบ้านออกจากรัศมีระเบิด พร้อมทั้งได้ช่วยกันลำเลียงเจ้าหน้าที่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชยะหา
ภายหลังทราบว่า มีเจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิตลงแล้ว จำนวน 2 นาย คือ พ.ต.พันธ์ศักดิ์ ทองสุข อายุ 35 ปี รองผู้บังคับการชุดเฉพาะกิจ ยะลา 14 (รอง ผบ.ฉก.14.ยะหา ) และ จ.ส.ต.วิชัย สาหลี อายุประมาณ 40 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 4 นาย ประกอบด้วย 1.จ.ส.ต.ปกรณ์ วัฒนะ อายุ 51 ปี 2.ส.ท.เมฆพิทักษ์ บุญยะทัต 3.พลทหาร โกวิท ยังทะนัง อายุ 22 ปี 4.พลทหาร อันวา เจ๊ะอุบง อายุ 22 ปี และยังมีนักศึกษาโดนลูกหลงได้รับบาดเจ็บอีก 1 คน คือ น.ส.อัสรายา รามันอะ อายุประมาณ 19 ปี ทั้งหมดแพทย์ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา เพื่อช่วยชีวิตเป็นการด่วนแล้ว
จากการสอบสวนทราบว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.14 อ.ยะหา จำนวน 6 นาย นำโดย พ.ต.พันธ์ศักดิ์ ทองสุข รอง ผบ.ฉก.14.ยะหา ได้ขับรถจี๊ป ตรากงจักร หมายเลข 89128 ออกจากฐานปฏิบัติการที่บ้านอาสิน เพื่อเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบวัตถุระเบิดถังแก๊สปิคนิค ที่บริเวณหมู่ที่ 5 บ้านบาจุ ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา
เมื่อขับรถยนต์มาถึงบริเวณหน้าสนามกีฬาเขตเทศบาลตำบลยะหา คนร้ายได้กดชนวนระเบิดที่ซุกไว้ในรถยนต์กระบะ ยี่ห้อฟอร์ด น้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม ที่นำมาจอดทิ้งไว้ข้างทาง เสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนเป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่ทหารระดับรองผู้บังคับการชุดเฉพาะกิจ 14 เสียชีวิตพร้อมลูกน้องอีก 1 คน และทหาร ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บอีก 5 คน ดังกล่าว
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐาน ว่า เป็นการก่อเหตุร้ายเพื่อตอบโต้การทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐที่สามารถทำให้ประชาชนในพื้นที่กลับมาให้ความร่วมมือกับภาครัฐมากยิ่งขึ้น ทำให้กลุ่มคนร้ายเกิดความโกรธแค้น และลงมือก่อเหตุดังกล่าวขึ้น