ข่าวในประเทศ - เปอโยต์เปิดเกมรุกตลาดปลายปีควบปีหน้า ด้วยรถใหม่หลากหลายประเภทให้แฟนพันธุ์สิงห์ผยองได้เลือกช็อปตามใจชอบ เริ่มกับ "308 ซีซี" รถสปอร์ต เปิดประทุน ในราคา 2.95 ล้านบาท ตามด้วยที่เด็ดรถอเนกประสงค์ขนาดเล็ก "บิปเปอร์"ที่จะมาโชว์ตัวในงาน มหกรรมยานยนต์ ต้นเดือนธันวาคมนี้ จากนั้นปีหน้าเตรียมขนรถใหม่ลุยตลาด3 รุ่นรวดทั้ง มินิแวน เอ็มพีวี และสปอร์ต คือ 3008,5008 และRCZ ด้านบิ๊กบอส มั่นใจสินค้าใหม่จะผลักดันยอดขายโตเท่าตัวเป็น 250 คันในปี 2553 พร้อมขยายโชว์รูมครอบคลุมทั่วประเทศ
หลังจากแยกตัวออกมาจากกลุ่ม ยนตรกิจ กรุ๊ป และหอบหิ้วแบรนด์ "เปอโยต์" ออกทำตลาดเพียงลำพัง ภายใต้การบริหาร 2 พี่น้อง พลกฤษณ์กับพสุพงษ์ ลีนุตพงษ์ แต่เพียงไม่นานระหว่างการจัดโครงสร้างบริหารภายในและกำหนดเป้าหมายขององค์กร ทาง พสุพงษ์ ได้ตัดสินใจยุติการขายรถรถเปอโยต์ โดยหันไปเป็นดีลเลอร์โฟล์คสวาเกน ดังข่าวที่ ASTVผู้จัดการมอเตอริ่งเคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ แบรนด์เปอโยต์ ปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลของ "พลกฤษณ์ ลีนุตพงษ์" เพียงผู้เดียว โดยเหตุแห่งการแยกทางของทั้งคู่ นัยว่าเพื่อให้การทำงานมีความเป็นเอกภาพ
"เราไม่ได้ทะเลาะกัน และยังคงเป็นพี่น้อง กินข้าวด้วยกันอยู่บ่อยๆ แต่การแยกออกไปเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเขา โดยผมต้องเคารพสิทธิดังกล่าว ซึ่งก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อแบรนด์เปอโยต์แต่อย่างใด เพราะบริษัทฯ ก็ยังคงเดินหน้าทำตลาดต่อเนื่อง" พลกฤษณ์ กล่าว
เมื่อการบริหารงานทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเรียบร้อย พลกฤษณ์ ที่ดูแลทั้ง บริษัท ยนตรกิจ ออโตโมบิลส์ จำกัด และบริษัท ยูโรเปียน มอเตอร์คาร์ จำกัด ในฐานะตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์เปอโยต์ในประเทศไทย พร้อมรุกตลาดเพื่อเป้าหมายใหญ่สร้างแบรนด์ เปอโยต์ให้กลับมาสู้ศึกในตลาดรถยนต์เมืองไทยชนิดเคียงคู่กับรถญี่ปุ่นเฉกเช่นเมื่อครั้งอดีต
ซึ่งแผนแรกคือที่ดำเนินการไปแล้วคือการนำเข้ารถรุ่น 206 กลับเข้ามาทำตลาดอีกครั้ง ด้วยราคาระดับ 7-9 แสนบาท เนื่องจากเป็นรถที่นำเข้าจากประเทศมาเลเซีย จึงสามารถทำราคาถูกเพื่อแข่งขันในตลาดได้ โดยเปิดตัวและเริ่มขายเมื่อต้นปีตั้งแต่งานมอเตอร์โชว์
สำหรับยอดขายของเปอโยต์ที่ผ่านมาในปี 2551 ทำได้ 126 คัน ส่วนเป้าหมายของปี 2552 คือ 140 คัน ขณะที่ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้ขายไปแล้วทั้งสิ้น 70 คัน รุ่นที่ขายดีที่สุดยังคงเป็น 207ซีซี ที่แม้จะขยับราคาขึ้นมาจาก 1.98 ล้านบาทมาเป็น 2.19 ล้านบาทเมื่อปีที่แล้วและขยับอีกครั้งเป็น 2.25 ล้านบาทในปีนี้ โดยมีสัดส่วนประมาณ 70% ของยอดทั้งหมด
"เพื่อต่อยอดจาก 207ซีซี เราได้นำ 308ซีซี เข้ามาทำตลาดอีกหนึ่งรุ่น ตอบสนองลูกค้าที่ชอบความมีสไตล์ และความแรงของเครื่องยนต์ โดยรุ่น 308ซีซี ใช้เครื่องยนต์เบนซินบล็อกเดียวกับที่อยู่ในมินิ คูเปอร์ เอส โดยเปิดตัวในราคา 2.95 ล้านบาท" พลกฤษณ์กล่าวถึง 308ซีซี ที่เพิ่งจะเปิดตัวล่าสุด
จุดเด่นของ 308ซีซี คือ เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.6 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 6000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตรที่ 1400 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกับที่ประจำการอยู่ในรถมินิ คูเปอร์ เอส นอกจากนั้นระบบเปิดประทุนยังทำงานอย่างรวดเร็วด้วยเวลาเพียง 20 วินาที
นั่นคือรถยนต์รุ่นล่าสุดที่ยนตรกิจ ออโตโมบิล เผยโฉมยั่วให้สาวกสิงห์ผยองอยากควักเงินออกจากกระเป๋า แต่ยังไม่ใช่รถใหม่รุ่นสุดท้ายของปีนี้ เพราะพลกฤษณ์ เตรียมไม้เด็ดเอาไว้อีก แต่ยังไม่ยอมบอกถึงชื่อรุ่น เปิดเผยมาเพียงเรื่องของราคาว่าจะเริ่มต้นที่ 6.9 แสนบาท เท่านั้น และเป็นรถรุ่นที่นำเข้ามาจากประเทศฝรั่งเศส
ซึ่งรถรุ่นนี้เขาหมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นรถที่พลิกฟื้นแบรนด์ของเปอโยต์ให้มีตัวเลขยอดขายเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเป็น 250 คันในปี 2553 ด้วยจุดเด่นด้านคุณภาพความเป็นรถยุโรป ในราคารถญี่ปุ่น โดยมีกำหนดเผยโฉมอย่างเป็นทางการในงานมหกรรมยานยนต์หรือมอเตอร์ เอ็กซ์โป ปลายปี ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเงื่อนไขกับทางบริษัทฯ แม่ที่ประเทศฝรั่งเศส
อย่างไรก็ตามจากการสอบถามไปยังผู้จัดงานมหกรรมยานยนต์ แจ้งว่า รถที่ทางเปอโยต์เตรียมนำมาโชว์และจำหน่ายมีหลายรุ่นและหนึ่งในนั้น คือรุ่น บิปเปอร์ (Bipper) รถมินิแวนเอนกประสงค์ขนาดเล็กของเปอโยต์ คล้ายคลึงกับรุ่น พาร์ตเนอร์ แต่มีขนาดเล็กกว่า
เปอโยต์ บิปเปอร์ มีจุดเด่นที่ประตูสไลด์ด้านหลัง รองรับผู้โดยสาร 5 ที่นั่ง และมีตัวถังให้เลือก แบบกระจกหรือตู้ทึบบานหลัง สำหรับเครื่องยนต์ของบิปเปอร์ ในต่างประเทศจะมีทำตลาด 2 แบบคือ เบนซินขนาด 1.4 ลิตร กำลังสูงสุด 75 แรงม้า และดีเซล HDI ขนาด 1.4 ลิตร กำลังสูงสุด 70 แรงม้า มากับเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ส่วนความจริงจะเป็นรถรุ่นนี้หรือไม่ เครื่องยนต์หรือตัวถังใด รอชมตัวจริงได้ งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป
อย่างไรก็ตาม ปีหน้า ยนตรกิจ ออโตโมบิล ยังเตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่อีก 3 รุ่น เอาใจทั้งคอสปอร์ตและตอบสนองผู้ที่ต้องการรถแบบครอบครัว ด้วยรุ่น 3008, 5008 และ RCZ
เริ่มจากรุ่น 5008 รถโฉมใหม่ของเปอโยต์ที่เปิดตัวในตลาดโลกไปเมื่อกลางปีนี้ โดยเป็นรถนั่งเอนกประสงค์แบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ขนาดคอมแพกต์ ที่มีคู่แข่งเช่น โอเปิล ซาฟิรา หรือโตโยต้า เวอร์โซ โดยเครื่องยนต์ให้เลือกถึง 6 แบบบนพื้นฐาน 4 สูบแถวเรียง พร้อมผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ Euro 5
ไล่เรียงตั้งแต่รุ่นพื้นฐานเบนซินขนาด 1.6 ลิตร มีกำลังให้เลือก 2 แบบคือ ธรรมดา กำลังสูงสุด 120 แรงม้า และรุ่นเทอร์โบ กำลังสูงสุด 156 แรงม้า ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบขนาด 1.6 ลิตร กำลังสูงสุด 110 แรงม้า และขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 และ 163 แรงม้า
ทั้งหมดขับเคลื่อนล้อหน้า ระบบส่งกำลังมีหลากหลายขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย มีทั้งแบบธรรมดา 5 จังหวะ กึ่งอัตโนมัติแบบคลัตช์ไฟฟ้า 6 จังหวะ หรืออัตโนมัติแบบ 6 จังหวะ ซึ่งทางเปอโยต์พร้อมส่งมอบรถพวงมาลัยขวาในปี 2553 เป็นต้นไป
ขณะที่รุ่น 3008 เป็นรถเอนกประสงค์ สไตล์มินิแวน ขนาดเล็กกว่า 5008 ด้วยมิติตัวถังยาว 4.365 เมตร ภายในเบาะนั่ง 2 แถวรองรับผู้โดยสารได้ 5 ที่นั่ง(รวมคนขับ) เน้นความกะทัดรัดเหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก
ทางเลือกของเครื่องยนต์มีหลายขนาดทั้งแบบ เทอร์โบดีเซล 4 สูบเรียงที่ติดตั้งระบบกรองอนุภาคไอเสียหรือ FAP ขนาด 1.6 ลิตร กำลังสูงสุด 110 แรงม้า และ 2.0 ลิตรซึ่งมีให้เลือก 2 ระดับกำลัง คือ 150 และ 163 แรงม้า ส่วนเบนซินมี 2 รุ่น คือ 1.6 ลิตร ที่มาพร้อมระบบวาล์วแปรผันให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้า และจะขยับเป็น 150 ในรุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบ (เป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกับ 308ซีซีและมินิ คูเปอร์ เอส)
ส่วนรุ่น RCZ จะเป็นรถสปอร์ตคูเป้พันธุ์แท้โฉมล่าสุดที่เปอโยต์เผยออกมาสู่ตลาดโลกเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นรถยนต์นั่งรุ่นแรกของค่ายสิงห์ผยองที่ใช้ตัวอักษรแทนตัวเลขในการเรียกขานชื่อรุ่น โดยพัฒนาต่อเนื่องมาจากรถต้นแบบรุ่น 308 RCZ ที่เคยอวดโฉมตั้งแต่ปี 2007
เครื่องยนต์ทำตลาดช่วงแรก มี 3 แบบให้เลือกคบหา โดยจะเป็นเครื่อง 4 สูบแถวเรียง ในรุ่น เบนซิน ขนาด 1.6 ลิตร เทอร์โบ ธรรมดา กำลังสูงสุด 156 แรงม้า (ตัวเดียวกับ 308ซีซี) กับตัวแรงจัด Di เทอร์โบแบบ Twin-Scroll กำลังสูงสุด 200 แรงม้า และรุ่นเครื่องยนต์ ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบแปรผัน ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า
RCZ มาพร้อมกับระบบใหม่ (ECCS-Extreme Conventional Combustion System) เพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ เพื่อลดมลพิษในไอเสีย และเพิ่มสมรรถนะให้กับเครื่องยนต์ มีระดับการคายไอเสีย 139 กรัมต่อกิโลเมตร สำหรับแผนการจำหน่ายของ RCZ ในยุโรปจะเริ่มหลังจากเดือนมีนาคมปี 2553
ทั้งนี้การทำตลาดในเมืองไทยของทั้ง 3 รุ่นยังไม่สามารถบอกราคาเบื้องต้นได้ รวมถึงจะเป็นเครื่องยนต์ขนาดใดขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของราคาและความต้องการของลูกค้า โดยคาดว่าเปิดตัวหลังจากมีรุ่นพวงมาลัยขวาทำตลาดในประเทศอังกฤษแล้ว
อย่างไรก็ตามนอกจากการลุยเปิดตัวรถรุ่นใหม่แล้ว แผนอื่นของทางยนตรกิจ ออโตโมบิล ในการรุกตลาด พลกฤษณ์ เปิดเผยว่า จะมีการขยายโชว์รูมกระจายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยปัจจุบันมีอยู่ 7 แห่ง ได้แก่ สุขาภิบาล 3 , ทองหล่อ, สุราษฎร์ธานี, หาดใหญ่, อุดรธานี, ระยอง และภูเก็ต ซึ่งในปีนี้จะเปิดเพิ่มอีก 2 แห่งในภาคเหนือ
ทั้งหมดคือแผนการรุกตลาดครั้งสำคัญของเปอโยต์และยนตรกิจ ออโตโมบิล หลังทุกอย่างลงตัว ใครที่ชอบรถยุโรป ราคาญี่ปุ่น ปูเสื่อรอชมได้เลย
หลังจากแยกตัวออกมาจากกลุ่ม ยนตรกิจ กรุ๊ป และหอบหิ้วแบรนด์ "เปอโยต์" ออกทำตลาดเพียงลำพัง ภายใต้การบริหาร 2 พี่น้อง พลกฤษณ์กับพสุพงษ์ ลีนุตพงษ์ แต่เพียงไม่นานระหว่างการจัดโครงสร้างบริหารภายในและกำหนดเป้าหมายขององค์กร ทาง พสุพงษ์ ได้ตัดสินใจยุติการขายรถรถเปอโยต์ โดยหันไปเป็นดีลเลอร์โฟล์คสวาเกน ดังข่าวที่ ASTVผู้จัดการมอเตอริ่งเคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ แบรนด์เปอโยต์ ปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลของ "พลกฤษณ์ ลีนุตพงษ์" เพียงผู้เดียว โดยเหตุแห่งการแยกทางของทั้งคู่ นัยว่าเพื่อให้การทำงานมีความเป็นเอกภาพ
"เราไม่ได้ทะเลาะกัน และยังคงเป็นพี่น้อง กินข้าวด้วยกันอยู่บ่อยๆ แต่การแยกออกไปเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเขา โดยผมต้องเคารพสิทธิดังกล่าว ซึ่งก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อแบรนด์เปอโยต์แต่อย่างใด เพราะบริษัทฯ ก็ยังคงเดินหน้าทำตลาดต่อเนื่อง" พลกฤษณ์ กล่าว
เมื่อการบริหารงานทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเรียบร้อย พลกฤษณ์ ที่ดูแลทั้ง บริษัท ยนตรกิจ ออโตโมบิลส์ จำกัด และบริษัท ยูโรเปียน มอเตอร์คาร์ จำกัด ในฐานะตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์เปอโยต์ในประเทศไทย พร้อมรุกตลาดเพื่อเป้าหมายใหญ่สร้างแบรนด์ เปอโยต์ให้กลับมาสู้ศึกในตลาดรถยนต์เมืองไทยชนิดเคียงคู่กับรถญี่ปุ่นเฉกเช่นเมื่อครั้งอดีต
ซึ่งแผนแรกคือที่ดำเนินการไปแล้วคือการนำเข้ารถรุ่น 206 กลับเข้ามาทำตลาดอีกครั้ง ด้วยราคาระดับ 7-9 แสนบาท เนื่องจากเป็นรถที่นำเข้าจากประเทศมาเลเซีย จึงสามารถทำราคาถูกเพื่อแข่งขันในตลาดได้ โดยเปิดตัวและเริ่มขายเมื่อต้นปีตั้งแต่งานมอเตอร์โชว์
สำหรับยอดขายของเปอโยต์ที่ผ่านมาในปี 2551 ทำได้ 126 คัน ส่วนเป้าหมายของปี 2552 คือ 140 คัน ขณะที่ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้ขายไปแล้วทั้งสิ้น 70 คัน รุ่นที่ขายดีที่สุดยังคงเป็น 207ซีซี ที่แม้จะขยับราคาขึ้นมาจาก 1.98 ล้านบาทมาเป็น 2.19 ล้านบาทเมื่อปีที่แล้วและขยับอีกครั้งเป็น 2.25 ล้านบาทในปีนี้ โดยมีสัดส่วนประมาณ 70% ของยอดทั้งหมด
"เพื่อต่อยอดจาก 207ซีซี เราได้นำ 308ซีซี เข้ามาทำตลาดอีกหนึ่งรุ่น ตอบสนองลูกค้าที่ชอบความมีสไตล์ และความแรงของเครื่องยนต์ โดยรุ่น 308ซีซี ใช้เครื่องยนต์เบนซินบล็อกเดียวกับที่อยู่ในมินิ คูเปอร์ เอส โดยเปิดตัวในราคา 2.95 ล้านบาท" พลกฤษณ์กล่าวถึง 308ซีซี ที่เพิ่งจะเปิดตัวล่าสุด
จุดเด่นของ 308ซีซี คือ เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.6 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 6000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตรที่ 1400 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกับที่ประจำการอยู่ในรถมินิ คูเปอร์ เอส นอกจากนั้นระบบเปิดประทุนยังทำงานอย่างรวดเร็วด้วยเวลาเพียง 20 วินาที
นั่นคือรถยนต์รุ่นล่าสุดที่ยนตรกิจ ออโตโมบิล เผยโฉมยั่วให้สาวกสิงห์ผยองอยากควักเงินออกจากกระเป๋า แต่ยังไม่ใช่รถใหม่รุ่นสุดท้ายของปีนี้ เพราะพลกฤษณ์ เตรียมไม้เด็ดเอาไว้อีก แต่ยังไม่ยอมบอกถึงชื่อรุ่น เปิดเผยมาเพียงเรื่องของราคาว่าจะเริ่มต้นที่ 6.9 แสนบาท เท่านั้น และเป็นรถรุ่นที่นำเข้ามาจากประเทศฝรั่งเศส
ซึ่งรถรุ่นนี้เขาหมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นรถที่พลิกฟื้นแบรนด์ของเปอโยต์ให้มีตัวเลขยอดขายเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเป็น 250 คันในปี 2553 ด้วยจุดเด่นด้านคุณภาพความเป็นรถยุโรป ในราคารถญี่ปุ่น โดยมีกำหนดเผยโฉมอย่างเป็นทางการในงานมหกรรมยานยนต์หรือมอเตอร์ เอ็กซ์โป ปลายปี ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเงื่อนไขกับทางบริษัทฯ แม่ที่ประเทศฝรั่งเศส
อย่างไรก็ตามจากการสอบถามไปยังผู้จัดงานมหกรรมยานยนต์ แจ้งว่า รถที่ทางเปอโยต์เตรียมนำมาโชว์และจำหน่ายมีหลายรุ่นและหนึ่งในนั้น คือรุ่น บิปเปอร์ (Bipper) รถมินิแวนเอนกประสงค์ขนาดเล็กของเปอโยต์ คล้ายคลึงกับรุ่น พาร์ตเนอร์ แต่มีขนาดเล็กกว่า
เปอโยต์ บิปเปอร์ มีจุดเด่นที่ประตูสไลด์ด้านหลัง รองรับผู้โดยสาร 5 ที่นั่ง และมีตัวถังให้เลือก แบบกระจกหรือตู้ทึบบานหลัง สำหรับเครื่องยนต์ของบิปเปอร์ ในต่างประเทศจะมีทำตลาด 2 แบบคือ เบนซินขนาด 1.4 ลิตร กำลังสูงสุด 75 แรงม้า และดีเซล HDI ขนาด 1.4 ลิตร กำลังสูงสุด 70 แรงม้า มากับเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ส่วนความจริงจะเป็นรถรุ่นนี้หรือไม่ เครื่องยนต์หรือตัวถังใด รอชมตัวจริงได้ งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป
อย่างไรก็ตาม ปีหน้า ยนตรกิจ ออโตโมบิล ยังเตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่อีก 3 รุ่น เอาใจทั้งคอสปอร์ตและตอบสนองผู้ที่ต้องการรถแบบครอบครัว ด้วยรุ่น 3008, 5008 และ RCZ
เริ่มจากรุ่น 5008 รถโฉมใหม่ของเปอโยต์ที่เปิดตัวในตลาดโลกไปเมื่อกลางปีนี้ โดยเป็นรถนั่งเอนกประสงค์แบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ขนาดคอมแพกต์ ที่มีคู่แข่งเช่น โอเปิล ซาฟิรา หรือโตโยต้า เวอร์โซ โดยเครื่องยนต์ให้เลือกถึง 6 แบบบนพื้นฐาน 4 สูบแถวเรียง พร้อมผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ Euro 5
ไล่เรียงตั้งแต่รุ่นพื้นฐานเบนซินขนาด 1.6 ลิตร มีกำลังให้เลือก 2 แบบคือ ธรรมดา กำลังสูงสุด 120 แรงม้า และรุ่นเทอร์โบ กำลังสูงสุด 156 แรงม้า ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบขนาด 1.6 ลิตร กำลังสูงสุด 110 แรงม้า และขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 และ 163 แรงม้า
ทั้งหมดขับเคลื่อนล้อหน้า ระบบส่งกำลังมีหลากหลายขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย มีทั้งแบบธรรมดา 5 จังหวะ กึ่งอัตโนมัติแบบคลัตช์ไฟฟ้า 6 จังหวะ หรืออัตโนมัติแบบ 6 จังหวะ ซึ่งทางเปอโยต์พร้อมส่งมอบรถพวงมาลัยขวาในปี 2553 เป็นต้นไป
ขณะที่รุ่น 3008 เป็นรถเอนกประสงค์ สไตล์มินิแวน ขนาดเล็กกว่า 5008 ด้วยมิติตัวถังยาว 4.365 เมตร ภายในเบาะนั่ง 2 แถวรองรับผู้โดยสารได้ 5 ที่นั่ง(รวมคนขับ) เน้นความกะทัดรัดเหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก
ทางเลือกของเครื่องยนต์มีหลายขนาดทั้งแบบ เทอร์โบดีเซล 4 สูบเรียงที่ติดตั้งระบบกรองอนุภาคไอเสียหรือ FAP ขนาด 1.6 ลิตร กำลังสูงสุด 110 แรงม้า และ 2.0 ลิตรซึ่งมีให้เลือก 2 ระดับกำลัง คือ 150 และ 163 แรงม้า ส่วนเบนซินมี 2 รุ่น คือ 1.6 ลิตร ที่มาพร้อมระบบวาล์วแปรผันให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้า และจะขยับเป็น 150 ในรุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบ (เป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกับ 308ซีซีและมินิ คูเปอร์ เอส)
ส่วนรุ่น RCZ จะเป็นรถสปอร์ตคูเป้พันธุ์แท้โฉมล่าสุดที่เปอโยต์เผยออกมาสู่ตลาดโลกเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นรถยนต์นั่งรุ่นแรกของค่ายสิงห์ผยองที่ใช้ตัวอักษรแทนตัวเลขในการเรียกขานชื่อรุ่น โดยพัฒนาต่อเนื่องมาจากรถต้นแบบรุ่น 308 RCZ ที่เคยอวดโฉมตั้งแต่ปี 2007
เครื่องยนต์ทำตลาดช่วงแรก มี 3 แบบให้เลือกคบหา โดยจะเป็นเครื่อง 4 สูบแถวเรียง ในรุ่น เบนซิน ขนาด 1.6 ลิตร เทอร์โบ ธรรมดา กำลังสูงสุด 156 แรงม้า (ตัวเดียวกับ 308ซีซี) กับตัวแรงจัด Di เทอร์โบแบบ Twin-Scroll กำลังสูงสุด 200 แรงม้า และรุ่นเครื่องยนต์ ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบแปรผัน ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า
RCZ มาพร้อมกับระบบใหม่ (ECCS-Extreme Conventional Combustion System) เพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ เพื่อลดมลพิษในไอเสีย และเพิ่มสมรรถนะให้กับเครื่องยนต์ มีระดับการคายไอเสีย 139 กรัมต่อกิโลเมตร สำหรับแผนการจำหน่ายของ RCZ ในยุโรปจะเริ่มหลังจากเดือนมีนาคมปี 2553
ทั้งนี้การทำตลาดในเมืองไทยของทั้ง 3 รุ่นยังไม่สามารถบอกราคาเบื้องต้นได้ รวมถึงจะเป็นเครื่องยนต์ขนาดใดขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของราคาและความต้องการของลูกค้า โดยคาดว่าเปิดตัวหลังจากมีรุ่นพวงมาลัยขวาทำตลาดในประเทศอังกฤษแล้ว
อย่างไรก็ตามนอกจากการลุยเปิดตัวรถรุ่นใหม่แล้ว แผนอื่นของทางยนตรกิจ ออโตโมบิล ในการรุกตลาด พลกฤษณ์ เปิดเผยว่า จะมีการขยายโชว์รูมกระจายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยปัจจุบันมีอยู่ 7 แห่ง ได้แก่ สุขาภิบาล 3 , ทองหล่อ, สุราษฎร์ธานี, หาดใหญ่, อุดรธานี, ระยอง และภูเก็ต ซึ่งในปีนี้จะเปิดเพิ่มอีก 2 แห่งในภาคเหนือ
ทั้งหมดคือแผนการรุกตลาดครั้งสำคัญของเปอโยต์และยนตรกิจ ออโตโมบิล หลังทุกอย่างลงตัว ใครที่ชอบรถยุโรป ราคาญี่ปุ่น ปูเสื่อรอชมได้เลย