พร้อมๆกับการเปิดตัวอันหรูหราของ อี500 โฉมใหม่(24 ส.ค.) ทีมงาน“ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง”ยังได้รับความเอื้อเฟื้อ จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ให้นำรถรุ่น “อี 350 คูเป้”มาทดสอบอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งเราก็ยินดีรับน้ำใจและเต็มใจถ่ายทอดประสบการณ์การขับขี่ให้คุณๆได้รู้
...จะว่าไปก็ถือเป็นการขยับเชิงรุกของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ หลังจากโดนบรรดาเกรย์มาร์เกตชิงนำ อี-คลาส ใหม่ มาขายก่อนหน้าหลายเดือน ไม่ว่าจะเป็น อี 500 ราคากว่า 10 ล้านบาท ที่หวังภาพลักษณ์และการสื่อสารทางการตลาดมากกว่ายอดขาย ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงจะนำไปสู่เป้าหมายคือรุ่นประกอบในประเทศที่เตรียมเปิดตัวต้นปีหน้า ขณะที่การปล่อย“อี 350 คูเป้” มาให้ผู้สื่อข่าวได้ลองขับก็เป็นอีกวิธีในการประชาสัมพันธ์
อี 350 อเวนการ์ด สปอร์ต คูเป้ เอเอ็มจี พัฒนาบนพื้นฐานแพลตฟอร์ม ซี-คลาส W204 โดยรุ่นพวงมาลัยขวาถูกนำมาเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่งานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2009 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สนนราคา 7.999 ล้านบาท
หน้าตาอาจดูแปลกๆ กับไฟแฝดคู่หน้าลายใหม่ ไฟตัดหมอก LED เรียงเป็นรูปตัว L คว่ำ กระจังหน้าแปะสัญลักษณ์ดาวสามแฉกดวงโตอยู่ตรงกลาง โดดเด่นสไตล์ AMG ด้วยกันชนสปอร์ต สเกิร์ตรอบคัน ล้ออัลลอยลาย 6 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว ขณะที่เส้นสายด้านข้างไล่ไปถึงไฟท้ายงามหยด (กว่าด้านหน้า) พร้อมปลายท่อไอเสียคู่
ภายในเข้มขรึมเน้นโทนดำตัดเมทาลิก พวงมาลัย 3 ก้านทรงรถแข่งติดตั้งปุ่มควบคุมการสั่งงานต่างๆ ของรถ เบาะหนังคู่หน้าเย็บลายตะเข็บคู่ดูสปอร์ต ที่สำคัญยังปรับได้หลากหลายตามสรีระ ขณะที่กระจก 4 บานหน้า-หลัง เลื่อนลงได้หมด (พร้อมระบบกระจกหล่น) ส่วนเบาะคู่หลังอาจนั่งไม่สบายสำหรับคนตัวใหญ่ แต่การันตีเรื่องการเข้าออกสะดวก เพราะเพียงงัดพนักพิงที่อยู่ตรงเบาะหน้า จากนั้นตัวเบาะจะเลื่อนไฟฟ้าเปิดพื้นที่กว้างพอให้ผู้โดยสารมุดเข้าไป
ขณะที่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกอันโดดเด่นอย่าง ระบบมัลติมีเดีย COMAND APS พร้อมหน้าจอแสดงผลการทำงานต่างๆ ทั้ง เนวิเกเตอร์ ดีวีดี (6 แผ่น) วิทยุ โทรศัพท์ มีปุ่มควบคุมการทำงานอยู่บริเวณคอนโซลกลางใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน ทั้งนี้ อี-คลาส คูเป้ คันที่เราได้มาขับ จะมีออปชันเพิ่มเติมคือ พาโนรามิคซันรูฟ บานโต รวมถึงช่องรับสัญญาณโทรทัศน์มาให้ด้วย ซึ่งทั้งสองอย่างที่ว่าต้องเพิ่มราคาเข้าไปอีก 3.5 แสนบาท
เมื่อเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัยเพียงแค่บิดกุญแจให้ไฟโชว์ “อี350 คูเป้” จะมีแขนกลอัญเชิญเข็มขัดนิรภัยส่งมาให้จากด้านหลัง ทั้งฝั่งคนขับและคนนั่ง ซึ่งเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกอันเป็นเอกลักษณ์ของรถคูเป้จากค่ายดาวสามแฉกมาตั้งแต่ยุค 90
สำหรับการขับรถยนต์ที่มีตรา AMG ต่อท้าย คงการันตีความสปอร์ตได้ระดับหนึ่ง กับเครื่องยนต์เบนซิน วี6 ขนาด 3.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 272 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิ้วตันเมตร ที่ 2,400-5,000 รอบ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด (7G-TRONIC) ไม่ต้องสงสัยในความแรง ขณะที่การออกตัวทันอกทันใจ แต่ไม่ก็ถึงกับกระโชกกระชากรุนแรง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ 6.4 วินาที
นอกจากนี้การเล่นเปลี่ยนเกียร์เอง โดยแพดเดิลชิฟต์ที่หลังพวงมาลัยเป็นความบันเทิง อีกอย่างที่ไม่ควรพลาด ซึ่งถ้าอยากปรู๊ดปร๊าดก็ตบลงมาสัก 2 เกียร์ (เกียร์เดียวยังไม่รู้สึก) รอบกวาดไปแถวๆ 4,000- 5,000 พร้อมส่งรถให้ทะยานออกอย่างกระฉับกระเฉง
ช่วงล่างแบบฉบับ AMG ยังปรับเซตโช้ก สปริงและเหล็กกันโคลงให้แข็งเป็นพิเศษ ขณะที่ระบบ Agility Control จะปรับช่วงล่างให้สอดคล้องกับสภาพการขับขี่อันหลากหลายโดยอัตโนมัติ เพื่อรักษาเสถียรภาพการทรงตัวให้ดีที่สุด หรือถ้าทั้งหมดมันยังไม่เร้าใจพอ เจ้า อี 350 คูเป้ ก็มีปุ่มให้เลือกในโหมดสปอร์ตซึ่งระบบจะปรับช่วงล่าง และการตอบสนองของคันเร่ง และจังหวะการเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติให้ดุดันมากขึ้น
ด้านแฮนด์ลิงก์พวงมาลัยความรู้สึกรวมๆ อาจเบาไปสักนิด ถ้าเทียบกับความสปอร์ตของพลังเครื่องยนต์ ช่วงล่างและระบบส่งกำลัง แต่อย่างไรแล้วก็ถือว่าสั่งงานแม่นยำ ขณะเดียวกันน้ำหนักและความเฉียบคม จะแปรผันตามความเร็วที่เพิ่มขึ้น เพื่อการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบอีกด้วย
การลองขับ “อี 350 คูเป้” ของเราตลอด 4 วัน ถือว่าโชคไม่ดีนัก เพราะมีหลายช่วงต้องลุยฟ้าฝ่าฝน หรือไม่ก็เจอพื้นถนนเปียกตลอดเวลา แต่นั่นก็ถือเป็นโอกาสที่ทำให้เราได้รับรู้ถึงสมรรถนะของเจ้าคูเป้ คันงามนี้มากขึ้น โดยเฉพาะด้านความปลอดภัย
...พวกถุงลมนิรภัย 8 จุดรอบคันเป็นสิ่งที่เราไม่อยากลองอยู่แล้ว แต่กับพวกระบบ PRE-SAFE ระบบ Adaptive Brake หรือระบบควบคุมการทรงตัว ESP ที่รวมๆแล้วช่วยได้เยอะครับในกรณีฉุกเฉินหรือในกรณีรถขาดเสถียรภาพ
อย่างที่บอกว่าหลายช่วงเราเจอสภาพถนน เปียกลื่น เมื่อบวกยางแบบ ซอฟต์คอมปาว ของนิตโตะ (หน้า 235/40 R18,หลัง 255/35 R18) ที่โดนย่ำยีไปพอสมควรก่อนจะมาถึงมือเรา ซึ่งเวลาเข้าโค้งไม่ว่าจะความเร็วกลางๆไปถึงความเร็วสูง ตัวรถจะมีอาการปลิ้นอยู่นิดๆ อันนี้ถือว่าผิดวิสัยของ เมอร์เซเดส-เบนซ์
อย่างไรก็ตาม อาการที่ว่า มันไม่ได้มาจน น่าเกลียด เพราะจริงๆ แล้วเรายังรับรู้ถึงช่วงล่างอันแน่นปึ้กเหมือนเดิม (เพียงแต่สภาพยางมันไม่ 100%) ขณะเดียวกันถ้ารถมันจะออกอาการ “เหวอ” ระบบความปลอดภัยต่างๆ ที่อัดมาเพียบมันตรวจจับวัดเจอหมดละครับ พร้อมในเสี้ยววินาทีมันจะแก้อาการด้วยการผ่อนกำลังเครื่องยนต์บ้าง เสริมแรงเบรก ตามแต่ละล้อที่จำเป็นบ้าง เพื่อส่งให้รถกลับมามีเสถียรภาพดังเดิม
“อี 350 คูเป้” ยังติดตั้งระบบ Attention Assist มาเป็นมาตรฐาน โดยระบบนี้จะประเมินตัวแปรต่างๆกว่า 70 ตัวอย่าง เพื่อประมวลผลว่าผู้ขับอยู่ในสภาวะง่วงหรือไม่ เช่น การบังคับพวงมาลัยผิดพลาด หรือรถกำลังวิ่งเบี้ยวออกจากเส้นทาง ซึ่งจะมีเซ็นเซอร์ความไวสูงวัดมุมการบังคับของพวงมาลัย แล้วจะส่งสัญญาณเตือนก่อนที่คนขับจะเผลอหลับใน
รวบรัดตัดความ...แม้จะมีคำว่า AMG ต่อท้าย แต่“อี 350 คูเป้”ก็ไม่ถึงขั้นสปอร์ตสุดขั้ว และยังมีช่องว่างไว้ให้แก่ความหรูหราขับสบายไว้พอสมควร กับเงิน 8 ล้านแลกความเท่ไม่เหมือนใคร พร้อมออปชันเพียบ... ใครใจถึงก็เชิญครับ
...จะว่าไปก็ถือเป็นการขยับเชิงรุกของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ หลังจากโดนบรรดาเกรย์มาร์เกตชิงนำ อี-คลาส ใหม่ มาขายก่อนหน้าหลายเดือน ไม่ว่าจะเป็น อี 500 ราคากว่า 10 ล้านบาท ที่หวังภาพลักษณ์และการสื่อสารทางการตลาดมากกว่ายอดขาย ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงจะนำไปสู่เป้าหมายคือรุ่นประกอบในประเทศที่เตรียมเปิดตัวต้นปีหน้า ขณะที่การปล่อย“อี 350 คูเป้” มาให้ผู้สื่อข่าวได้ลองขับก็เป็นอีกวิธีในการประชาสัมพันธ์
อี 350 อเวนการ์ด สปอร์ต คูเป้ เอเอ็มจี พัฒนาบนพื้นฐานแพลตฟอร์ม ซี-คลาส W204 โดยรุ่นพวงมาลัยขวาถูกนำมาเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่งานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2009 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สนนราคา 7.999 ล้านบาท
หน้าตาอาจดูแปลกๆ กับไฟแฝดคู่หน้าลายใหม่ ไฟตัดหมอก LED เรียงเป็นรูปตัว L คว่ำ กระจังหน้าแปะสัญลักษณ์ดาวสามแฉกดวงโตอยู่ตรงกลาง โดดเด่นสไตล์ AMG ด้วยกันชนสปอร์ต สเกิร์ตรอบคัน ล้ออัลลอยลาย 6 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว ขณะที่เส้นสายด้านข้างไล่ไปถึงไฟท้ายงามหยด (กว่าด้านหน้า) พร้อมปลายท่อไอเสียคู่
ภายในเข้มขรึมเน้นโทนดำตัดเมทาลิก พวงมาลัย 3 ก้านทรงรถแข่งติดตั้งปุ่มควบคุมการสั่งงานต่างๆ ของรถ เบาะหนังคู่หน้าเย็บลายตะเข็บคู่ดูสปอร์ต ที่สำคัญยังปรับได้หลากหลายตามสรีระ ขณะที่กระจก 4 บานหน้า-หลัง เลื่อนลงได้หมด (พร้อมระบบกระจกหล่น) ส่วนเบาะคู่หลังอาจนั่งไม่สบายสำหรับคนตัวใหญ่ แต่การันตีเรื่องการเข้าออกสะดวก เพราะเพียงงัดพนักพิงที่อยู่ตรงเบาะหน้า จากนั้นตัวเบาะจะเลื่อนไฟฟ้าเปิดพื้นที่กว้างพอให้ผู้โดยสารมุดเข้าไป
ขณะที่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกอันโดดเด่นอย่าง ระบบมัลติมีเดีย COMAND APS พร้อมหน้าจอแสดงผลการทำงานต่างๆ ทั้ง เนวิเกเตอร์ ดีวีดี (6 แผ่น) วิทยุ โทรศัพท์ มีปุ่มควบคุมการทำงานอยู่บริเวณคอนโซลกลางใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน ทั้งนี้ อี-คลาส คูเป้ คันที่เราได้มาขับ จะมีออปชันเพิ่มเติมคือ พาโนรามิคซันรูฟ บานโต รวมถึงช่องรับสัญญาณโทรทัศน์มาให้ด้วย ซึ่งทั้งสองอย่างที่ว่าต้องเพิ่มราคาเข้าไปอีก 3.5 แสนบาท
เมื่อเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัยเพียงแค่บิดกุญแจให้ไฟโชว์ “อี350 คูเป้” จะมีแขนกลอัญเชิญเข็มขัดนิรภัยส่งมาให้จากด้านหลัง ทั้งฝั่งคนขับและคนนั่ง ซึ่งเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกอันเป็นเอกลักษณ์ของรถคูเป้จากค่ายดาวสามแฉกมาตั้งแต่ยุค 90
สำหรับการขับรถยนต์ที่มีตรา AMG ต่อท้าย คงการันตีความสปอร์ตได้ระดับหนึ่ง กับเครื่องยนต์เบนซิน วี6 ขนาด 3.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 272 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิ้วตันเมตร ที่ 2,400-5,000 รอบ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด (7G-TRONIC) ไม่ต้องสงสัยในความแรง ขณะที่การออกตัวทันอกทันใจ แต่ไม่ก็ถึงกับกระโชกกระชากรุนแรง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ 6.4 วินาที
นอกจากนี้การเล่นเปลี่ยนเกียร์เอง โดยแพดเดิลชิฟต์ที่หลังพวงมาลัยเป็นความบันเทิง อีกอย่างที่ไม่ควรพลาด ซึ่งถ้าอยากปรู๊ดปร๊าดก็ตบลงมาสัก 2 เกียร์ (เกียร์เดียวยังไม่รู้สึก) รอบกวาดไปแถวๆ 4,000- 5,000 พร้อมส่งรถให้ทะยานออกอย่างกระฉับกระเฉง
ช่วงล่างแบบฉบับ AMG ยังปรับเซตโช้ก สปริงและเหล็กกันโคลงให้แข็งเป็นพิเศษ ขณะที่ระบบ Agility Control จะปรับช่วงล่างให้สอดคล้องกับสภาพการขับขี่อันหลากหลายโดยอัตโนมัติ เพื่อรักษาเสถียรภาพการทรงตัวให้ดีที่สุด หรือถ้าทั้งหมดมันยังไม่เร้าใจพอ เจ้า อี 350 คูเป้ ก็มีปุ่มให้เลือกในโหมดสปอร์ตซึ่งระบบจะปรับช่วงล่าง และการตอบสนองของคันเร่ง และจังหวะการเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติให้ดุดันมากขึ้น
ด้านแฮนด์ลิงก์พวงมาลัยความรู้สึกรวมๆ อาจเบาไปสักนิด ถ้าเทียบกับความสปอร์ตของพลังเครื่องยนต์ ช่วงล่างและระบบส่งกำลัง แต่อย่างไรแล้วก็ถือว่าสั่งงานแม่นยำ ขณะเดียวกันน้ำหนักและความเฉียบคม จะแปรผันตามความเร็วที่เพิ่มขึ้น เพื่อการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบอีกด้วย
การลองขับ “อี 350 คูเป้” ของเราตลอด 4 วัน ถือว่าโชคไม่ดีนัก เพราะมีหลายช่วงต้องลุยฟ้าฝ่าฝน หรือไม่ก็เจอพื้นถนนเปียกตลอดเวลา แต่นั่นก็ถือเป็นโอกาสที่ทำให้เราได้รับรู้ถึงสมรรถนะของเจ้าคูเป้ คันงามนี้มากขึ้น โดยเฉพาะด้านความปลอดภัย
...พวกถุงลมนิรภัย 8 จุดรอบคันเป็นสิ่งที่เราไม่อยากลองอยู่แล้ว แต่กับพวกระบบ PRE-SAFE ระบบ Adaptive Brake หรือระบบควบคุมการทรงตัว ESP ที่รวมๆแล้วช่วยได้เยอะครับในกรณีฉุกเฉินหรือในกรณีรถขาดเสถียรภาพ
อย่างที่บอกว่าหลายช่วงเราเจอสภาพถนน เปียกลื่น เมื่อบวกยางแบบ ซอฟต์คอมปาว ของนิตโตะ (หน้า 235/40 R18,หลัง 255/35 R18) ที่โดนย่ำยีไปพอสมควรก่อนจะมาถึงมือเรา ซึ่งเวลาเข้าโค้งไม่ว่าจะความเร็วกลางๆไปถึงความเร็วสูง ตัวรถจะมีอาการปลิ้นอยู่นิดๆ อันนี้ถือว่าผิดวิสัยของ เมอร์เซเดส-เบนซ์
อย่างไรก็ตาม อาการที่ว่า มันไม่ได้มาจน น่าเกลียด เพราะจริงๆ แล้วเรายังรับรู้ถึงช่วงล่างอันแน่นปึ้กเหมือนเดิม (เพียงแต่สภาพยางมันไม่ 100%) ขณะเดียวกันถ้ารถมันจะออกอาการ “เหวอ” ระบบความปลอดภัยต่างๆ ที่อัดมาเพียบมันตรวจจับวัดเจอหมดละครับ พร้อมในเสี้ยววินาทีมันจะแก้อาการด้วยการผ่อนกำลังเครื่องยนต์บ้าง เสริมแรงเบรก ตามแต่ละล้อที่จำเป็นบ้าง เพื่อส่งให้รถกลับมามีเสถียรภาพดังเดิม
“อี 350 คูเป้” ยังติดตั้งระบบ Attention Assist มาเป็นมาตรฐาน โดยระบบนี้จะประเมินตัวแปรต่างๆกว่า 70 ตัวอย่าง เพื่อประมวลผลว่าผู้ขับอยู่ในสภาวะง่วงหรือไม่ เช่น การบังคับพวงมาลัยผิดพลาด หรือรถกำลังวิ่งเบี้ยวออกจากเส้นทาง ซึ่งจะมีเซ็นเซอร์ความไวสูงวัดมุมการบังคับของพวงมาลัย แล้วจะส่งสัญญาณเตือนก่อนที่คนขับจะเผลอหลับใน
รวบรัดตัดความ...แม้จะมีคำว่า AMG ต่อท้าย แต่“อี 350 คูเป้”ก็ไม่ถึงขั้นสปอร์ตสุดขั้ว และยังมีช่องว่างไว้ให้แก่ความหรูหราขับสบายไว้พอสมควร กับเงิน 8 ล้านแลกความเท่ไม่เหมือนใคร พร้อมออปชันเพียบ... ใครใจถึงก็เชิญครับ