ข่าวในประเทศ - โนบุยูกิ มูราฮาชินายใหม่ มิตซูบิชิ ประเทศไทย วางหมากจัดทัพ รอรับหมัดเด็ด แลนเซอร์ โฉมใหม่ ที่กำหนดจะเปิดตัวในไทย ช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ โดยจะส่งทำตลาดทั้งรุ่น 1.8 และ 2.0 ลิตร พร้อมศึกษาเรื่องพลังงาน E85 เช่นกัน คาดน่าจะได้ข้อสรุปทำหรือไม่? ประมาณตุลาคมที่จะถึงนี้ ส่วนรุ่นปัจจุบันยังคงส่งลุยตลาดต่อไป ไม่ถอดจากไลน์ผลิต เพียงแต่ดันลงมาชนกับเก๋งซับคอมแพ็กต์ ปิดช่องว่างที่ไม่มีสินค้ากลุ่มนี้ในตลาด เผยเล็งปรับราคาให้เหมาะสมสามารถแข่งขันได้ ขณะเดียวกันมองจุดอ่อนจุดแข็งปิกอัพ ไทรทันจนนำมาสู่การแนะนำรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ตอบสนองทั้งรูปลักษณ์ และการใช้งานต่างๆ เคาะราคา 4.04-9.29 แสนบาท มั่นใจปีนี้เสกยอดขายเติบโตสวนวิกฤตเศรษฐกิจและตลาดรถ หวังเบิงฤกษ์ตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามารับตำแหน่ง ตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาจากญี่ปุ่น
นับเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงจริงๆ เพราะค่ายรถไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ทั้งค่ายรถญี่ปุ่น และยุโรป ส่วนใหญ่ต่างพร้อมใจกันเปลี่ยนแปลงนายใหญ่กันหมด มิตซูบิชิเป็นอีกค่ายที่มีการปรับเปลี่ยนดังกล่าว และนายใหม่ได้เข้ามาประจำการในไทย ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2552 ที่ผ่านมา เพื่อนำพามิตซูบิชิฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจไปให้ได้ ส่วนจะมีกลยุทธอย่างไร?...
โนบุยูกิ มูราฮาชิ ในฐานะกรรมการผู้จัดการใหญ่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ ประเทศไทย จะเป็นผู้ให้คำตอบ และยังเป็นการเปิดตัวให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนครั้งแรกด้วย ภารกิจของผม คือ ทำให้มิตซูบิชิในไทยดีขึ้น ปีที่ผ่านมามีส่วนแบ่งทางการตลาด หรือแชร์ 3.6% ปีนี้จึงตั้งเป้าไว้ไม่ต่ำกว่า 4% โดยเราได้พูดคุยกับดีลเลอร์และตกลงตัวเลขการขายอยู่ที่ 2.37 หมื่นคัน จากปีที่แล้วทำได้ 1.9 หมื่นคัน
ชัดเจนไม่ต้องอ้อมค้อม เหมือนบอสใหม่ของค่ายรถยนต์อื่นๆ สำหรับมูราฮาชิคนนี้ ส่วนเหตุผลที่ทำให้เขามั่นใจจะเติบโต แม้สภาวะตลาดรถยนต์ดิ่งเหวไปแล้วเกือบ 30% มาจาก มิตซูบิชิ แลนเซอร์โฉมใหม่ และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ รวมถึงกลยุทธ์การตลาด ที่จะถูกทยอยนำออกมาใช้ แลนเซอร์ โฉมใหม่ จะแนะนำสู่ตลาดไทยช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี2552 ซึ่งเชื่อมั่นว่าในช่วง 6 เดือนสุดท้ายของปี (นับตามปีงบประมาณของมิตซูบิชิ ตั้งแต่เม.ย.-มี.ค.) จะมียอดขายประมาณ 4 พันคัน เมื่อบวกกับแลนเซอร์รุ่นปัจจุบันที่ขายไป 12 เดือน ประมาณ 3 พันคัน รวมแล้วน่าจะอยู่ที่กว่า 7 พันคัน
ทั้งนี้แลนเซอร์โฉมใหม่ มูราฮาชิบอกว่าจะมีทำตลาด 2 รุ่น คือ เครื่องยนต์ขนาด 1.8 และ 2.0 ลิตร นอกจากนี้ยังได้ศึกษาเรื่องการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ซึ่งเป็นพลังงานทางเลือก ที่หากรัฐบาลเน้นอย่างจริงจัง ก็อาจจะพิจารณาแนะนำสู่แลนเซอร์ โฉมใหม่ E85 ด้วย คาดว่าประมาณเดือนตุลาคมน่าจะได้ข้อสรุปชัดเจน
ขณะเดียวกันมูราฮาชิบอกว่า จะยังคงทำตลาดแลนเซอร์โฉมปัจจุบันต่อไป กับเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร และเครื่องยนต์ใช้พลังงานก๊าซธรรมชาติ หรือซีเอ็นจี(CNG) ส่วนรุ่นใหม่ยังไม่มีโครงการ แต่อาจจะมาในอนาคต เกี่ยวกับการยังทำตลาดรุ่นเดิมต่อไป อาจจะรับรู้ข่าวคราวกันแล้ว และเกิดคำถาม? ผสมความงุนงงว่า มิตซูบิชิคิดอะไร? แน่นอนเรื่องนี้มูราฮาชิมีคำตอบให้แล้ว แลนเซอร์ใหม่เป็นรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีทันสมัย ให้ความคุ้มค่าเป็นอย่างมาก จึงต้องจับตลาดที่ค่อนข้างบนขึ้นไปหน่อย ประกอบกับมิตซูบิชิมีช่องว่างทางตัวสินค้า อย่างที่รู้กันเราไม่มีรถยนต์กลุ่มบี-เซ็กเม้นท์ หรือซับคอมแพ็กต์ ฉะนั้นเราจะนำแลนเซอร์รุ่นปัจจุบัน ดันลงมาชนกับตลาดรถซับคอมแพ็กต์ ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณากลยุทธ์ต่างๆ อยู่ รวมถึงเรื่องความเหมาะสมของราคา ที่น่าจะสามารถแข่งขันได้
นับเป็นหมากที่น่าสนใจทีเดียว และค่าย นิสสันมีการหยั่งเชิงมาแล้ว จากการปรับลดตำแหน่งเก๋งรุ่น ทีด้าให้ลงมาใกล้เคียงกับซับคอมแพ็กต์ อย่างโตโยต้า ยาริส, ฮอนด้า ซิตี้ หรือเชฟโรเลต อาวีโอ ซึ่งสามารถปลุกยอดขายทีด้าให้กลับมาคึกคักพอสมควร แต่การขยับของมิตซูบิชิ กลับน่าพิจารณาอย่างยิ่ง เพราะด้วยเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร และขนาดตัวถังที่ใหญ่กว่าซับคอมแพ็กต์ทั่วไปมาก แม้กระทั้งนิสสัน ทีด้า ที่ถูกวางอยู่ในกลุ่มแลนเซอร์มาก่อน
ดังนั้นถึงจะเป็นแลนเซอร์โฉมเดิมก็ยังน่าสนใจทีเดียว! อย่างไรก็ตาม ใช่ว่ามูราฮาชิจะรอเพียงสินค้าใหม่ในอนาคตเท่านั้น ในส่วนของปิกอัพ มิตซูบิชิ ไทรทัน เขาก็วิเคราะห์ลงไปถึงปัญหาเช่นกัน ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ และปิกอัพแบบ 4 ประตู ค่อนข้างไปได้ดี แต่ในรุ่นซิงเกิลแค็ป และรุ่นมีแค็ป ที่เป็นตลาดใหญ่ มิตซูบิชิ ไทรทัน กลับไม่ได้การยอมรับ ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากรูปลักษณ์ที่ล้ำสมัย ซึ่งแน่นอนย่อมมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ แต่ในส่วนที่ดีๆ อย่างสมรรถนะและการประหยัดเชื้อเพลิง ยังไม่ได้ถูกสื่อให้ลูกค้ารับรู้ได้ชัดเจน คงต้องปรับปรุงตรงนี้
ด้วยเหตุนี้จึงได้เปิดตัวปิกอัพ มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ล่าสุดสู่ตลาด ซึ่งได้รับการออกแบบกระจังหน้าและล้ออัลลอยล์ดีไซน์ใหม่ ที่ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งและบึกบึนขึ้น ในขณะที่ภายในห้องโดยสารใช้การตกแต่งโทนสีเงิน เพื่อเพิ่มความลงตัวยิ่งขึ้นให้กับคอนโซลหน้าและคอนโซลเกียร์ รวมทั้งเบาะผ้าแบบใหม่ อีกทั้งยังมีการเพิ่มอุปกรณ์และการตกแต่งเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นคอนโซลกลางขนาดใหญ่พร้อมที่วางแก้ว ที่เขี่ยบุหรี่สามารถถอดเปลี่ยนตำแหน่งได้ และที่พักแขนผู้โดยสารตอนหน้า พร้อมช่องเก็บของอเนกประสงค์แบบ 2 ชั้น เป็นต้น
สำหรับมิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ จะเริ่มขายจริง 10 สิงหาคมนี้ มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.4 ลิตร รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.5 ลิตร และ 3.2 ลิตร รองรับน้ำมันไบโอดีเซล B5 เปิดราคาขายเริ่มต้นที่ 4.04 แสนบาท ถึงสูงสุด 9.29 แสนบาท ไม่เพียงในส่วนของตัวสินค้าเท่านั้น มูราฮาชิได้ย้ำถึงสิ่งสำคัญที่ทุกค่ายจะต้องยึดเป็นหัวใจ คือการสร้างความพึงพอใจและเชื่อมั่นให้กับลูกค้า การพร้อมบริการตลอดเวลา และมีอะไหล่รองรับเหมาะสม รวมถึงเรื่องเครือข่ายการจำหน่ายและบริการ
ตอนนี้เราจะไม่เพิ่มผู้แทนจำหน่าย หรือดีเลอร์ แต่จะเพิ่มในส่วนของโชว์รูมและศูนย์บริการ คาดว่าจะเปิดอีก 10 แห่งภายในสิ้นปี จากปัจจุบันที่มีอยู่ 127 โชว์รูม นับว่าชัดเจนไม่มีอ้อมค้อม! ทีนี้ก็อยู่ที่การปฏิบัติและผลตอบรับเท่านั้น ซึ่งจะชี้ชะตาว่า... ภารกิจที่ โนบุยูกิ มูราฮาชิถูกมอบหมายมาสำเร็จหรือไม่?