xs
xsm
sm
md
lg

6คำถามกับ"ฮอนด้า-ยามาฮ่า"มองเหมือนหรือมองต่าง?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ธีระพัฒน์ จิวะพงศ์” กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด และ “ประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์” รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด
ปิดตลาดรถจักรยานยนต์ครึ่งแรกของปี 2552 เหมือนเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ เมื่อยอดขายตกต่ำน้อยกว่าที่คาดไว้ ดังนั้นทิศทางตลาดในช่วงครึ่งปีหลังจะเป็นเช่นไร? และมีกลยุทธ์ชิงยอดขายยังไงบ้าง? สองค่ายสองล้อคู่แข่งสำคัญ “ฮอนด้า” ในฐานะเบอร์หนึ่ง และ “ยามาฮ่า” เบอร์สอง จะมาเปิดอก แล้วจะรู้ว่าคู่แข่งที่ฟาดฟันกันอย่างดุเดือด!... เขามองเหมือน หรือมองต่างกันอย่างไร?

โดยในส่วนของฮอนด้าส่ง “ธีระพัฒน์ จิวะพงศ์” กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด และยามาฮ่ามี “ประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์” รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เป็นตัวแทนของทั้งสองค่าย ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในระยะเวลาห่างกันไม่ถึงสัปดาห์ และ “ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ได้นำคำตอบในคำถามเดียวกันมาลง เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นมุมมองของทั้งสองยี่ห้อ...

ประเมินตลาดปีนี้ใหม่อย่างไร

ธีระพัฒน์ – เดิมเราคาดว่าตลาดปีนี้จะลดลงจากปีที่แล้ว 20-30% แต่สถานการณ์หลังครึ่งปีแรกที่ลดลงเพียง 15% และทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ของตลาด ทำให้เชื่อว่าตลอดทั้งปีน่าจะอยู่ลดลงไม่เกิน 15% หรือมียอดขายประมาณ 1.4 ล้านคัน และอาจจะถึง 1.45 ล้านคัน ส่วนฮอนด้าคาดว่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคัน
ประพันธ์ – ยามาฮ่าประเมินตลาดเมื่อต้นปีอยู่ที่ 1.45 ล้านคัน หรือลดลงจากปีที่แล้ว 15% ผ่านไปครึ่งปีเป็นไปตามที่ประเมินไว้ แต่เมื่อสถานการณ์ตลาดมีทิศทางที่ดีขึ้น เราจึงได้ปรับใหม่เป็นลดลงเพียง 12% หรือยอดขาย 1.5 ล้านคัน และในส่วนยามาฮ่าปรับเป้าการขายจาก 4 แสนคันในปีนี้ เพิ่มเป็น 4.2 แสนคัน

ทิศทางของรถแบบหัวฉีด

ธีระพัฒน์ – ฮอนด้าเริ่มรุกรถหัวฉีดจริงจังเมื่อต้นปี กับรุ่นคลิก ไอ ช่วงแรกลูกค้ารู้สึกลังเล แต่เมื่อได้ใช้และรับรู้ถึงประสิทธิภาพ ปัจจุบันกระแสจึงดีขึ้นเรื่อยๆ ขณะนี้รถหัวฉีดเป็น 70% ของยอดขายฮอนด้าทั้งหมด
ประพันธ์ – ปัจจุบันลูกค้ายังต้องการความหลากหลายของสินค้า กระแสยังไม่ใช่ไปทางรถหัวฉีดทั้งหมด ฉะนั้นจึงยังมีเวลาของมันอยู่ โดยยามาฮ่ามีแผนที่จะปรับเปลี่ยนเป็นระบบหัวฉีดในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

สินค้าใหม่ที่จะรุกตลาดปีนี้

ธีระพัฒน์ - ในช่วงครึ่งปีหลังฮอนด้าจะมีการแนะนำรถอีก 2-3 รุ่นสู่ตลาด โดยเป็นรถรุ่นใหม่หมด
ประพันธ์ – มีแน่นอน และล่าสุดเพิ่งแนะนำ ยามาฮ่า สปาร์ค นาโน สู่ตลาด เพื่อเพิ่มยอดขายรถมีเกียร์

ตลาดรถออโต้กับแบบเกียร์

ธีระพัฒน์ – ปัจจุบันตลาดรถแบบออโตเมติกมีสัดส่วน 45% และรถเกียร์(โซ่) 65% ซึ่งในส่วนของรถเกียร์ ฮอนด้ามีส่วนแบ่งตลาดกว่า 90% ขณะที่ตลาดรถออโตเมติกฮอนด้าก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ
ประพันธ์ – ยามาฮ่าเป็นผู้นำตลาดรถออโตเมติก ครองส่วนแบ่งกว่า 52% และล่าสุดเปิดตัวรุ่นสปาร์ค นาโน จะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดรถเกียร์ของยามาฮ่าได้ไม่ต่ำกว่า 10% จากปัจจุบันมีอยู่ที่ 5%

กิจกรรมรุกตลาดในช่วงนี้

ธีระพัฒน์ – เนื่องในโอกาสรถจักรยานยนต์ออนด้าคลิก มียอดขายมุ่งสู่ 1 ล้านคัน เพื่อตอบแทนลูกค้าจึงได้จัดแคมเปญ “คลิกแจกใหญ่ ได้ไม่ต้องลุ้น” เพียงซื้อรถฮอนด้า คลิก ไอ รุ่นใดก็ได้ มีสิทธิ์เลือกรับของขวัญฟรี 1 เซ็ท จากทั้งหมด 5 เซ็ท รวมมูลค่าแจกทั้งหมดกว่า 100 ล้านบาท ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 กันยายนนี้
ประพันธ์ – เราเพิ่งเปิดตัวรุ่นฟีโน่ ใหม่ พร้อมกับแนะนำแคมเปญ My FINO, My Experience สู่ตลาด โดยใช้งบประมาณ 100 ล้านบาทรองรับ ทั้งการทำกิจกรรม โฆษณาและประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ และล่าสุดจัดกิจกรรม “ยามาฮ่า สปาร์ค นาโน สะออนทั่วไป กับโปงลางสะออน” ใช้งบกว่า 40 ล้านบาท

การรุกตลาดและภาพลักษณ์

ธีรวัฒน์ – เป็นนโยบายของฮอนด้าที่เน้นกลยุทธ์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง ดังจะเห็นจากการสนับสนุน “ฟิม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ระดับเวิลด์กรังปรีซ์ ซึ่งก็พัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆ หรือล่าสุดได้เข้าไปสนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีมชาติไทยและลิเวอร์พูล เพราะเรามองว่ากีฬาเป็นสิ่งที่ไม่ตายและเข้าได้กับทุกเพศทุกวัย ส่วนเหตุผลที่ฮอนด้าไม่ใช้พรีเซ็นเตอร์เกาหลี หรือต่างชาติ เนื่องจากเราทำธุรกิจมีกำไรในเมืองไทย ดังนั้นจึงอยากคืนให้กับคนไทย และเงินก็ยังคงอยู่กับประเทศไทย
ประพันธ์ – สาเหตุที่ยามาฮ่าเน้นกลยุทธ์มิวสิคมาร์เก็ตติ้ง เพราะเป็นสิ่งที่มันไม่ตาย ไปได้ในทางการตลาด ที่ผ่านมาเราจึงเน้นตรงนี้ แต่ไม่ใช่มีพรีเซ็นเตอร์ต่างประเทศเท่านั้น ดารานักร้องนักแสดงไทยเราก็นำมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ อย่างรุ่นสปาร์ค นาโน ยามาฮ่าก็ใช้วงโปงลางสะออน เพราะเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายและตลาด เป็นที่ชื่นชอบตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับตัวผลิตภัณฑ์มากกว่า สิ่งไหนเหมาะสมกับอะไร และต่อมาเราก็เริ่มมีกิจกรรมสปอร์ตขยายเข้าหากลุ่มลูกค้ามากขึ้นเช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น