เล่นเอารอกันจนนึกว่าจะไม่มาแล้ว เพราะนับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงในเจนเนอเรชันที่แล้วด้วยการเพิ่มรุ่นพลัสเข้ามาเพื่อเจาะตลาดอเนกประสงค์ ทำให้บรรดาแฟนๆ ของกอล์ฟที่รักความอเนกประสงค์ในสไตล์สเตชันแวกอนเริ่มหวั่นใจว่าโฟล์คสวาเกนจะตัดตอนตัวถังนี้เหมือนกับที่เคยขจัดรุ่นเปิดประทุนออกไปเพราะการทับซ้อนกับตลาดของนิวบีเทิล เปิดประทุน
แต่สุดท้ายแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แวกอนหรือที่จำหน่ายในชื่อแวเรียนท์ ยังเป็นตัวถังหลักของกอล์ฟต่อไปเหมือนกับที่เคยมีมานับตั้งแต่เริ่มทำตลาดครั้งแรกกับกอล์ฟ เจนเนอเรชันที่ 3 รหัส Mk III ในปี 1993 ซึ่งในบ้านเราก็มีขายและได้รับความนิยมมากพอสมควร
สำหรับกอล์ฟ แวเรียนท์ ใหม่แชร์พื้นฐานของกอล์ฟใหม่ เจนเนอเรชันที่ 6 รหัส Mk VI ถือเป็นตัวถังที่ 3 ของกอล์ฟต่อจากแฮทช์แบ็ก และพลัสที่เปิดตัวออกมาก่อนหน้านี้ โดยมาพร้อมกับความโดดเด่นในเรื่องการใช้งานตามสไตล์ตัวถังแวกอนด้วยนที่เก็บสัมภาระด้านท้ายที่มีความจุสูงสุดถึง 1,495 ลิตรเมื่อพับเบาะหลังลงทั้งหมด แถมเบาะหลังยังออกแบบเป็น 3 ส่วนสามารถเลือกพับได้ในแบบ 1/3 หรือ 2/3 เพื่อรองรับกับความต้องการที่หลากหลาย
แน่นอนว่าใครที่ต้องการความโฉบเฉี่ยวและสปอร์ตไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะตัวถังแวเรียนท์แชร์พื้นฐานทั้งทางวิศวกรรมและการออกแบบร่วมกับรุ่นแฮทช์แบ็ก ตัวถังด้านหน้าจนถึงเสากลางใช้ร่วมกับรุ่นแฮทช์แบ็ก 5ประตู ส่วนด้านท้ายออกแบบใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับรายละเอียดของด้านหน้าอย่างกลมกลืนและเป็นไปตาม Design DNA ของโฟล์คสวาเกนที่วอลเตอร์ มาเรีย เดอ ซิลวา หัวหน้าฝ่ายออกแบบของโฟล์คฯ วางแนวทางเอาไว้
ในช่วงแรกของการทำตลาดมากับ 4 ทางเลือกทั้งเบนซินและเทอร์โบดีเซลซึ่งจะจับคู่กับเกียร์ทั้งแบบธรรมดา อัตโนมัติ และแบบกึ่งอัตโนมัติคลัตช์คู่ DSG และเป็นขุมพลังแบบ 4 สูบเรียงทั้งหมด โดยรุ่นเบนซินมีความจุเดียว 1,400 ซีซีตัวแรงอัดอากาศด้วยเทอร์โบพร้อมระบบไดเร็กต์ อินเจ็กชัน แต่มีให้เลือก 2 ระดับกำลังขับเคลื่อน 122 และ 160 แรงม้า
ขณะที่ความประหยัดในสไตล์เทอร์โบดีเซล 1,600 ซีซี 105 แรงม้า ส่วนรุ่น 2,000 ซีซีมีกำลังอยู่ที่ 140 แรงม้า จากนั้นจะมีอีก 2 ทางเลือกใหม่เป็นรุ่นเบนซินแบบ MPI หรือ Multi-Point Injection ที่มีกำลัง 80 และ 102 แรงม้าตามออกมาในภายหลัง
ในยุโรปจะเริ่มขายในเดือนกันยายนนี้กับราคาเริ่มต้นในเยอรมนี 18,500 ยูโรหรือ 851,000 บาท ส่วนบ้านเราน่าจะมีโอกาสถ้ามีเสียงเรียกร้อง เพราะในตอนนี้โฟล์คสวาเกนเริ่มปูพรมตลาดบ้านเราด้วยทางเลือกใหม่ๆ มากมาย
แต่สุดท้ายแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แวกอนหรือที่จำหน่ายในชื่อแวเรียนท์ ยังเป็นตัวถังหลักของกอล์ฟต่อไปเหมือนกับที่เคยมีมานับตั้งแต่เริ่มทำตลาดครั้งแรกกับกอล์ฟ เจนเนอเรชันที่ 3 รหัส Mk III ในปี 1993 ซึ่งในบ้านเราก็มีขายและได้รับความนิยมมากพอสมควร
สำหรับกอล์ฟ แวเรียนท์ ใหม่แชร์พื้นฐานของกอล์ฟใหม่ เจนเนอเรชันที่ 6 รหัส Mk VI ถือเป็นตัวถังที่ 3 ของกอล์ฟต่อจากแฮทช์แบ็ก และพลัสที่เปิดตัวออกมาก่อนหน้านี้ โดยมาพร้อมกับความโดดเด่นในเรื่องการใช้งานตามสไตล์ตัวถังแวกอนด้วยนที่เก็บสัมภาระด้านท้ายที่มีความจุสูงสุดถึง 1,495 ลิตรเมื่อพับเบาะหลังลงทั้งหมด แถมเบาะหลังยังออกแบบเป็น 3 ส่วนสามารถเลือกพับได้ในแบบ 1/3 หรือ 2/3 เพื่อรองรับกับความต้องการที่หลากหลาย
แน่นอนว่าใครที่ต้องการความโฉบเฉี่ยวและสปอร์ตไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะตัวถังแวเรียนท์แชร์พื้นฐานทั้งทางวิศวกรรมและการออกแบบร่วมกับรุ่นแฮทช์แบ็ก ตัวถังด้านหน้าจนถึงเสากลางใช้ร่วมกับรุ่นแฮทช์แบ็ก 5ประตู ส่วนด้านท้ายออกแบบใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับรายละเอียดของด้านหน้าอย่างกลมกลืนและเป็นไปตาม Design DNA ของโฟล์คสวาเกนที่วอลเตอร์ มาเรีย เดอ ซิลวา หัวหน้าฝ่ายออกแบบของโฟล์คฯ วางแนวทางเอาไว้
ในช่วงแรกของการทำตลาดมากับ 4 ทางเลือกทั้งเบนซินและเทอร์โบดีเซลซึ่งจะจับคู่กับเกียร์ทั้งแบบธรรมดา อัตโนมัติ และแบบกึ่งอัตโนมัติคลัตช์คู่ DSG และเป็นขุมพลังแบบ 4 สูบเรียงทั้งหมด โดยรุ่นเบนซินมีความจุเดียว 1,400 ซีซีตัวแรงอัดอากาศด้วยเทอร์โบพร้อมระบบไดเร็กต์ อินเจ็กชัน แต่มีให้เลือก 2 ระดับกำลังขับเคลื่อน 122 และ 160 แรงม้า
ขณะที่ความประหยัดในสไตล์เทอร์โบดีเซล 1,600 ซีซี 105 แรงม้า ส่วนรุ่น 2,000 ซีซีมีกำลังอยู่ที่ 140 แรงม้า จากนั้นจะมีอีก 2 ทางเลือกใหม่เป็นรุ่นเบนซินแบบ MPI หรือ Multi-Point Injection ที่มีกำลัง 80 และ 102 แรงม้าตามออกมาในภายหลัง
ในยุโรปจะเริ่มขายในเดือนกันยายนนี้กับราคาเริ่มต้นในเยอรมนี 18,500 ยูโรหรือ 851,000 บาท ส่วนบ้านเราน่าจะมีโอกาสถ้ามีเสียงเรียกร้อง เพราะในตอนนี้โฟล์คสวาเกนเริ่มปูพรมตลาดบ้านเราด้วยทางเลือกใหม่ๆ มากมาย
