xs
xsm
sm
md
lg

สาโรช เกียรติเฟื่องฟู"ฟอร์ดไม่ได้อยู่ในสถานะที่มีปัญหา"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แม้จะไม่ได้เข้าสู่กระบวนการล้มละลายตามเพื่อนร่วมชาติอย่าง เจเนอรัล มอเตอร์ส และไคร์สเลอร์ แต่ด้วยภาพลักษณ์ของบิ๊กทรีที่สั่งสมมานาน บวกกับสถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์อเมริกันที่ซบเซามาตลอด ฟอร์ด จึงหนีไม่พ้นที่จะถูกดึงจมไปกับวิกฤตดังกล่าว
สาโรช เกียรติเฟื่องฟู
เมื่อภาพลักษณ์ที่ฉีกหนีไม่พ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคชาวไทยบางส่วน เกิดความแคลงใจ ขณะที่บางกลุ่มเสพข่าวสารน้อยหรือไม่รอบด้าน ถึงกับเข้าใจผิดไปว่า ฟอร์ด ล้มละลายไปแล้วเช่นกัน....งานนี้ก็ร้อนถึง ฟอร์ด ประเทศไทย เพราะบริษัทเองที่ได้รับข้อมูลจากดีลเลอร์ และกระแสในแง่ลบจากลูกค้ามากมาย ดังนั้นวานนี้ (8 มิ.ย.) จึงจัดงานแถลงข่าวเป็นการด่วน โดย สาโรช เกียรติเฟื่องฟู รองประธานอาวุโส ฟอร์ด ประเทศไทย

- สรุปสถานการณ์ของฟอร์ด อเมริกา

ช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา เกิดการเปลี่ยนแปลงกับอุตสาหกรรมยานยนต์อเมริกันมากมาย โดยเฉพาะการยื่นขอล้มละลายของสองค่ายยักษ์ใหญ่ (จีเอ็ม,ไคร์สเลอร์) แต่ในส่วนของฟอร์ดนั้นมีจุดยืนแตกต่างจากคู่แข่ง ที่สำคัญฟอร์ดไม่เคยขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา และพร้อมดำเนินธุรกิจอย่างเข้มแข็งตามปกติต่อไป

“แม้สถานการณ์โดยรวมอาจไม่เลิศหรู (ปิดไตรมาสแรกยังอยู่ภาวะขาดทุน) แต่ก็มีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ ดังจะเห็นได้จาก 7 เดือนที่ผ่านมา เรามีส่วนแบ่งการตลาดในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดในเดือนพฤษภาคมฟอร์ดครองถึง 15% นับว่าสูงสุดในรอบ 3 ปี ขณะที่ราคาหุ้นขยับขึ้นจาก 1.99 ดอลลาร์สหรัฐ (11 มี.ค. 52) เป็น 6.41 ดอลลาร์สหรัฐ (5 มิ.ย.52) และเชื่อว่าด้วยแผนการการปรับโครงสร้างทั้งหมด รวมถึงโปรดักต์ใหม่ที่เตรียมเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง จะทำให้บริษัทแม่พ้นจากการขาดทุน และกลับมาอยู่ในจุดคุ้มทุน (Break event point) ในปี 2554 ได้แน่นอน”

- ผลกระทบกับฟอร์ดในไทย

ต้องยอมรับว่าในไทยผู้บริโภคมีความสับสน และกังวลใจเกี่ยวกับสถานภาพของบริษัทอยู่พอสมควร แต่บริษัทขอยืนยันว่าธุรกิจ ฟอร์ดในไทยยังเดินหน้าไปได้ดี และพร้อมเปิดตัวสินค้าใหม่ โครงการใหม่ๆตามแผนเดิม โดยวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ โรงงานผลิตรถยนต์ออโต้อัลลายแอนซ์ (AAT)แห่งที่ 2 (ฟอร์ด-มาสด้า) เตรียมทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ส่งผลให้กำลังผลิตรวมเพิ่มเป็น 2.75 แสนคันต่อปี แบ่งเป็นการผลิตปิกอัพ 1.75 แสนคัน (คาดยอดผลิตจริงปีนี้ 1.3 แสนคัน) ที่เหลือ 1 แสนคันเป็นรถยนต์นั่งขนาดซับคอมแพกต์รุ่นใหม่ (เฟียสต้า,มาสด้า2)

“ถ้าพูดถึงค่ายรถยนต์อเมริกัน ผู้คนส่วนมากต้องนึกถึงฟอร์ดไปด้วย บริษัทจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านภาพลักษณ์จากกรณีดังกล่าว วันนี้จึงอยากชี้แจงว่าบริษัทไม่ได้อยู่ในสถานะที่มีปัญหา และจะเร่งประชาสัมพันธ์สร้างความมั่นใจ รวมถึงลงพื้นที่จัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้ารับรู้ว่าฟอร์ดเป็นแบรนด์คุณภาพ”

เรามุ่งมั่นขยายการดำเนินงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและแอฟริกา ซึ่งการลงทุนครั้งสำคัญเพื่อขยายการผลิตของโรงงานเอเอที มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องไม่มีการล่าช้า และเราก็กำลังรอคอยให้ถึงวันเริ่มต้นเดินสายการผลิตรถยนต์ขนาดเล็กใหม่ในไตรมาส 4 ปีนี้
โรงงานฟอร์ด ที่โคโลญจน์ ประเทศเยอรมนี กำลังผลิตเฟียสต้า
- ดูจะตั้งความหวังในตัวเฟียสต้ามาก

หลังการเปิดตัว ฟอร์ด เฟียสต้า ในหลายประเทศทั่วโลก ถือว่าได้การตอบรับเป็นอย่างดี โดย เฉพาะตลาดยุโรป ที่ทำยอดขายสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งเมื่อรวมรถยนต์ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ(แซงหน้าโฟล์คสวาเกน กอล์ฟ) ในส่วนของประเทศไทยบริษัทพยายามเร่งเปิดตัวเร็วกว่ากำหนดเดิม คือเดือนมีนาคมหรือเมษายนปีหน้า

ฟอร์ด เฟียสต้า มากับตัวถัง 4 ประตู และ 5 ประตู ในช่วงแรกจะมีเครื่องยนต์เบนซิน ทำตลาดก่อนและอาจมีเครื่องยนต์ดีเซลตามมา ที่สำคัญเราจะสร้างความแตกต่าง และเพิ่มความคุ้มค่าด้วยเกียร์ดูอัลคลัซท์(พาวเวอร์ชิฟท์) แบบเดียวกับที่วางในฟอร์ด โฟกัส TCDi ส่วนราคานั้นสมเหตุสมผล สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในเซกเมนท์เดียวกันได้แน่นอน

- ตลาดเก๋งเล็งยังไม่ตก

แนวโน้มของตลาดรถยนต์เมืองไทยมุ่งมาที่รถเก๋งขนาดเล็ก ดังจะเห็นได้จากยอดขายหลังปิดไตรมาสแรกของปี 2552 ที่ตลาดรวมตกกว่า 30% ด้านปิกอัพตกกว่า 40% แต่สวนทางกับรถยนต์ขนาดซับ-คอมแพกต์ ที่มีอัตราเติบโตเป็นบวก โดยบริษัทเชื่อว่าหลังการเปิดตัว เฟียสต้า ใหม่ ช่วงไตรมาสแรกของปี 2553 จะได้รับความนิยมพร้อมดันส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทให้เพิ่มขึ้นเป็น 3% จากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 1.5%

- ตลาดปิกอัพเป็นอย่างไรบ้าง

อย่างที่บอกว่าตลาดปิกอัพตกลงไปอย่างมาก และต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งเพราะการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ขณะเดียวกันลูกค้าส่วนมากเป็นคนระดับกลางถึงล่าง รวมถึงคนต่างจังหวัดที่ใช้ปิกอัพเพื่อการใช้งานจริง ดังนั้นในปิกอัพกลุ่มราคาที่ต่ำกว่า 5.5 แสนบาท สัดส่วนจึงตกไปกว่าครึ่ง

อย่างไรก็ตามประเด็นน่าสนใจอยู่ที่ ปิกอัพแบบขับเคลื่อนสองล้อยกสูง ยังมีอัตราการเติบโตที่ดีอยู่ เห็นได้จากตลาดรวมที่เคยมีสัดส่วน 18% แต่ล่าสุดได้เพิ่มเป็น 22% แล้ว ดังนั้นทุกค่ายจึงมุ่งมาที่ปิกอัพในกลุ่มนี้มาก

- ตลาดรถช่วงที่เหลือของปีนี้จะเป็นอย่างไร

แม้ยอดขายรถยนต์ของบริษัท 5 เดือนแรกของปี (ม.ค.-พ.ค.2552) จะตกไปตามตลาดคือ 33% แต่ถือว่าเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ส่วนตลาดรวมในปีนี้ยอดขายน่าจะปิดประมาณ 4.8 – 5.0 แสนคัน โดยปัจจัยสำคัญต้องจับตาคือราคาน้ำมันที่กำลังขยับตัวสูงขึ้น”
กำลังโหลดความคิดเห็น