เวอร์ชันปกติของเฟอร์รารี่รุ่นใหญ่ในแบบ GT ที่ขายในชื่อ 599 GTB Fiorano ดูแล้วน่าจะเป็นม้าป่าที่เชื่องมือ เหมาะสำหรับการขับแบบสบายๆ กว่าพวกรถสปอร์ตพันธุ์แท้เครื่องยนต์วางกลาง แต่สุดท้ายแล้ว อาจจะยัง เชื่อง ไม่พอสำหรับบางคน ทางเฟอร์รารี่ก็เลยคลอดเวอร์ชันพิเศษที่เรียกว่า HGTE ออกมา เพื่อปรับแต่งตัวรถให้มีสมรรถนะการขับขี่และการบังคับคุมที่ดีขึ้น
ตัวรถถูกเผยโฉมออกมาในเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2008 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และคำว่า HGTE ย่อมาจาก Handling Gran Turismo Evoluzione ซึ่งหมายถึงการปรับแต่งช่วงล่างที่เน้นความหนึบขึ้น และระบบบังคับเลี้ยวที่เน้นความฉับไวและแม่นยำในการควบคุมทิศทางที่มากขึ้นกว่าเวอร์ชันปกติ การพัฒนายึดพื้นฐานของตัวถังคูเป้ของรุ่น 599GTB หรือที่มีรหัสเรียกขานภายในว่า F139 ซึ่งเปิดตัวออกมาในปี 2006 เป็นแม่แบบ ภายใต้รูปลักษณ์ที่สวยสะดุดตาจากการออกแบบของพินินฟารินาและมีแฟรงค์ สเต็ปเฟอร์สันเป็นผู้ควบคุมการทำงาน ซึ่งเคยฝากฝีมือมาแล้วกับรุ่น 612 Scaglietti หรือมาเซราติ MC12
รถสปอร์ตในสไตล์ GT รุ่นนี้ถูกส่งออกมาแทนที่รหัส 550/575M ที่อยู่ในตลาดมาตั้งแต่ปี 1996 ซึ่งชื่อรุ่นเป็นการตั้งตามความจุของเครื่องยนต์ (5,999 ซีซี) ต่อด้วยประเภทของตัวถังแบบคูเป้แกรน ทัวริง หรือ GTB-Gran Turismo Berlinetta แต่ตามด้วยชื่อสนามทดสอบชื่อดังของเฟอร์รารี่อย่าง Fiorano ในอิตาลี ในเวอร์ชันนี้ไม่เน้นการความแรงที่เพิ่มขึ้นเครื่องยนต์ มีแค่การปรับแต่งในส่วนของชุดท่อพักใบปลายดังนั้นขุมพลังวี12 ที่มีพิกัดความจุในระดับ 6,000 ซีซีจึงมีตัวเลขแรงม้าเท้าเดิมที่ 620 แรงม้า ที่ 7,600 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 61.8 กก.-ม. ที่ 5,800 รอบต่อนาที เลือกส่งกำลังได้ทั้งแบบธรรมดา 6 จังหวะหรือแบบคลัตช์ไฟฟ้ารุ่น F1 SuperFast สิ่งที่ต่างออกไปจากรุ่นธรรมดาที่ทางเฟอร์รารี่บอกว่าสามารถสัมผัสได้เมื่อขับบนเส้นทางที่คดเคี้ยว หรือในสนามแข่ง คือ การยึดเกาะที่ดีและการบังคับควบคุมที่ฉับไวขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับแต่งและอัพเกรดชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวบนพื้นฐานเดิมแบบอิสระ ปีกนก 2 ชั้น
สปริงมีการเปลี่ยนค่า K ที่แข็งขึ้น พร้อมกับลดความสูงลงจากเดิม โช้กอัพซึ่งเป็นแบบ Magnetic Ride หรือการเพิ่มความหนืดของโช้กอัพด้วยการใช้สนามแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งเฟอร์รารี่เรียกว่า SCM (Magnetorheological Suspension Control) ก็มีการปรับแต่งใหม่ให้มีสมรรถนะที่ดีขึ้น และยังมีการเพิ่มขนาดของเหล็กกันโคลงหลัง นอกจากนั้น ยังมีการปรับแต่งซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวกับการทำงานของเกียร์ในรุ่น F1 SuperFast ให้มีความฉับไวในการทำงานและสอดคล้องกับการขับขี่ และมีการอัพเกรดซอฟต์แวร์ในกล่องควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์โดยเน้นไปที่การตอบสนองในเรื่องอัตราเร่งช่วงตีนต้นที่ดีขึ้นกว่ารุ่นปกติ ในเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอก เวอร์ชัน HGTE มีความแตกต่างจากรุ่นปกติอย่างแน่นอน เพราะมีการใช้นำคาร์บอนไฟเบอร์มาใช้ในการผลิตชุดแต่งตัวถังในบางส่วนของตัวรถ รวมถึงการเปลี่ยนมาใช้ล้อแม็กลายใหม่ที่มีขนาดถึง 20 นิ้ว ส่วนภายในมีวัสดุตกแต่งด้วยหนังสลับกับ Alcantara เปลี่ยนเบาะมาเป็นแบบบัตเก็ตซีททรงสปอร์ต พร้อมเข็มขัดแบบ 5 จุด และนำคาร์บอนไฟเบอร์มาใช้ในการตกแต่งแผงคอนโซลกลางและแผงประตู
ใครที่สนใจอยากได้ม้าป่าฝีเท้าดีที่มีความเชื่องในการขับเอาไว้ประดับบารมีอาจจะต้องทำใจสักนิด เพราะค่าตัวของ HGTE เพิ่มขึ้นจากรุ่นปกติมากเอาเรื่อง แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยออกมาอย่างเป็นทางการ แต่เชื่อว่าจะแพงกว่า 599 รุ่นปกติอยู่ 25,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 875,000 บาทเลยทีเดียว ซึ่งนั่นหมายความว่าราคาป้ายของตัวรถน่าจะอยู่ในระดับ 300,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 10.5 ล้านบาท