ข่าวต่างประเทศ - หลังมีข่าวระบุชัดเจนเกี่ยวกับการที่เฟียตจะต้องเข้ามารับผิดชอบหนี้บางส่วนของไครสเลอร์ หากคิดที่จะมีการจับมือเป็นพันธมิตรนั้น ในตอนนี้ทางไครสเลอร์ แอลแอลซี ยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่า ข่าวที่ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด ซึ่งหากมีการรวมกิจการกันจริง เฟียตไม่จำเป็นที่จะต้องเข้ามารับผิดชอบในเรื่องหนี้ไม่ว่าจะมาจากส่วนไหนของไครสเลอร์ก็ตาม
โฆษกของทางไครสเลอร์เปิดเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริง และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดในเรื่องการจับมือเป็นพันธมิตรจนนำไปสู่ความล้มเหลวในการเจรจา ทางไครสเลอร์จำเป็นต้องออกมาแถลงยืนยันถึงเรื่องนี้
ปัญหาในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังการเจรจาระหว่างไครสเลอร์และเฟียตซึ่งเริ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และบ็อบ นาร์เดลลี่ ซีอีโอของไครสเลอร์กล่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมกับสำนักข่าว CNBC ในลักษณะทำนองที่ว่า ทางเฟียตอาจจะต้องรับผิดชอบหนี้ของไครสเลอร์เป็นจำนวน 35% เช่นเดียวกับข้อมูลที่ในรูปแบบ Powerpoint ที่ทางไครสเลอร์นำขึ้นโชว์ในเว็บไซต์ของตัวเอง
ผลคือทางเฟียตออกมาแถลงข่าวตอบโต้ทันทีว่า ทางบริษัทจะไม่ขอรับผิดชอบกับหนี้ที่เกิดขึ้นของทางไครสเลอร์ไม่ว่าจะที่ผ่านมากหรือที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงหนี้ที่มาจากเงินช่วยเหลือของรัฐบาลอเมริกัน และหลังจากนั้นทางไครสเลอร์จึงออกมาประกาศแก้ข่าวว่า เฟียตไม่ต้องรับผิดชอบในเรื่องหนี้ที่เกิดขึ้นของไครสเลอร์ หากมีการจับมือเป็นพันธมิตรกันจริง ถึงแม้ว่าทางเฟียตจะได้รับสิทธิ์และความรับผิดชอบในระดับเดียวกับผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ก็ตาม และมีการถอดข้อมูลที่นำเสนอก่อนหน้านี้ออกจากเว็บไซต์
อย่างไรก็ตาม ทางผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ให้ความเห็นว่า เรื่องทำนองนี้สามารถเกิดขึ้นได้ และข่าวที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นเพราะการเข้าใจผิด โดยเฉพาะความแตกต่างในด้านภาษาและวัฒนธรรมของทั้ง 2 บริษัท
"ทั้ง 2 บริษัทกำลังเจรจากัน และตกลงใจร่วมกันในจุดๆ หนึ่ง แต่จากการที่พวกเขามีความเข้าใจที่แตกต่างกันอันเป็นผลมาจากกำแพงทางด้านภาษา ก็อาจจะก่อให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นมา"ธิโมธี่ วี๊ด ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการปรับโครงสร้างองค์กรของบริษัท Plante & Moran ให้ความเห็น ซึ่งวี๊ดมีประสบการณ์โชกโชนเกี่ยวกับการเจรจาในเรื่องของการซื้อขายกิจการ และการจับมือเป็นพันธมิตรของหลากหลายบริษัท
โฆษกของทางไครสเลอร์เปิดเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริง และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดในเรื่องการจับมือเป็นพันธมิตรจนนำไปสู่ความล้มเหลวในการเจรจา ทางไครสเลอร์จำเป็นต้องออกมาแถลงยืนยันถึงเรื่องนี้
ปัญหาในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังการเจรจาระหว่างไครสเลอร์และเฟียตซึ่งเริ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และบ็อบ นาร์เดลลี่ ซีอีโอของไครสเลอร์กล่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมกับสำนักข่าว CNBC ในลักษณะทำนองที่ว่า ทางเฟียตอาจจะต้องรับผิดชอบหนี้ของไครสเลอร์เป็นจำนวน 35% เช่นเดียวกับข้อมูลที่ในรูปแบบ Powerpoint ที่ทางไครสเลอร์นำขึ้นโชว์ในเว็บไซต์ของตัวเอง
ผลคือทางเฟียตออกมาแถลงข่าวตอบโต้ทันทีว่า ทางบริษัทจะไม่ขอรับผิดชอบกับหนี้ที่เกิดขึ้นของทางไครสเลอร์ไม่ว่าจะที่ผ่านมากหรือที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงหนี้ที่มาจากเงินช่วยเหลือของรัฐบาลอเมริกัน และหลังจากนั้นทางไครสเลอร์จึงออกมาประกาศแก้ข่าวว่า เฟียตไม่ต้องรับผิดชอบในเรื่องหนี้ที่เกิดขึ้นของไครสเลอร์ หากมีการจับมือเป็นพันธมิตรกันจริง ถึงแม้ว่าทางเฟียตจะได้รับสิทธิ์และความรับผิดชอบในระดับเดียวกับผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ก็ตาม และมีการถอดข้อมูลที่นำเสนอก่อนหน้านี้ออกจากเว็บไซต์
อย่างไรก็ตาม ทางผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ให้ความเห็นว่า เรื่องทำนองนี้สามารถเกิดขึ้นได้ และข่าวที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นเพราะการเข้าใจผิด โดยเฉพาะความแตกต่างในด้านภาษาและวัฒนธรรมของทั้ง 2 บริษัท
"ทั้ง 2 บริษัทกำลังเจรจากัน และตกลงใจร่วมกันในจุดๆ หนึ่ง แต่จากการที่พวกเขามีความเข้าใจที่แตกต่างกันอันเป็นผลมาจากกำแพงทางด้านภาษา ก็อาจจะก่อให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นมา"ธิโมธี่ วี๊ด ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการปรับโครงสร้างองค์กรของบริษัท Plante & Moran ให้ความเห็น ซึ่งวี๊ดมีประสบการณ์โชกโชนเกี่ยวกับการเจรจาในเรื่องของการซื้อขายกิจการ และการจับมือเป็นพันธมิตรของหลากหลายบริษัท
