xs
xsm
sm
md
lg

ยีนส์แม็ครื้อแผนผุดทีมเฉพาะ ควบผลิตขายลุยภูธรเบรก ตปท.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยีนส์แม็คปรับแผนครั้งใหญ่ รับมือตลาดยีนส์แข่งดุ 10,000 ล้านบาท ผุดทีมงานใหม่ เบรกตลาดตปท. ปรับระบบผลิต ลุยสแตนด์อโลนภูธร วางเป้าโต 15% ชี้ ตลาดภูธรเติบโตดี

นางสาวสุณี เสรีภาณุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แม็ค จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้ายีนส์ “แม็ค” ซึ่งเป็นแบรนด์ของคนไทย กล่าวว่า ปีนี้ได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินงานใหม่ครั้งใหญ่ในรอบ 7-8 ปี ทั้ง การปรับโครงสร้างองค์กร การปรับระบบการผลิต การรุกช่องทางสแตนด์อโลน การหยุดทำตลาดต่างประเทศ เพื่อรับการแข่งขันตลาดยีนส์ที่รุนแรงจากผู้ประกอบการรายใหม่ที่เข้ามามากขึ้นและรายเก่าที่รุกตลาดหนักขึ้น และบริษัทจะรุกตลาดยีนส์ในไทยที่มีมูลค่าตลาดรวมมากกว่า 10,000 ล้านบาท และตั้งเป้าเติบโตปีนี้และปีหน้าเท่ากันที่ 15% โดยครึ่งปีแรกนี้เติบโต 12%

โดยการปรับระบบผลิตได้หันมาใช้พลังงานแก๊สเพิ่มขึ้นด้วย จากเดิมที่ใช้น้ำมันเตา ซึ่งหากต้นทุนพลังงานด้านใดถูกกว่าก็จะใช้พลังงานนั้นแทน เพราะสามารถสลับสับเปลี่ยนได้ ซึ่งสามารถลดต้ทุนพลังงานกว่า 30% จากเดิมน้ำมันเดือนละ 5 แสนบาท โดยลงทุนไม่มากนัก และเอาส่วนที่ประหยัดได้นั้นมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าแทนการลดราคาหรือปรับราคายีนส์ ซึ่งราคาของแม็คเฉลี่ยที่ 1,200-1,800 บาท โดยใช้งบตลาดปีนี้ 3% หรือ 20 ล้านบาทต่อปี

นอกจากนั้น ยังได้ปรับโครงสร้างองค์กร ด้วยการยุบเอาบริษัทในส่วนของการผลิต คือ บริษัท พีเค การ์เม้นท์ จำกัด เข้ามารวมไว้กับบริษัทจัดจำหน่ายคือ บริษัท แม็ค จำกัด เพื่อลดต้นทุนและความคล่องตัวในการทำงาน จากเดิมแยกกันสองส่วนมาประมาณ 20 ปีแล้ว พร้อมกับตั้งทีมใหม่เช่น ทีมตลาดแบรนด์แม็คเลดี้โดยเฉพาะ ทีมงานสแตนด์อโลน ทีมงานวิจัยผู้บริโภค อย่างชัดเจน

ส่วนการขยายช่องทางใหม่ คือ เปิดร้านแบบสแตนด์อโลน 20 แห่งปีนี้ ปัจจุบันมี 3 แห่ง และมีร้านชอปอินชอปกว่า 300 จุดทั่วประเทศ เน้นตลาดต่างจังหวัด โดยใช้งบลงทุนรวมกว่า 60 ล้านบาท เปิดไปแล้ว 12 แห่ง

ที่ผ่านมา ยอดขายจากตลาดต่างจังหวัดมีการเติบโตดี เพราะผู้บริโภคยังมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง ซึ่งสัดส่วนยอดขายมาจาก กรุงเทพฯ 30% และต่างจังหวัด 70% โดยครึ่งปีแรกนี้ยอดขายรวมเติบโตกว่า 12% โดยในกรุงเทพฯโต 20% ส่วนต่างจังหวัดอีสาน 10-20% ใต้ไม่ถึง 10% และหากประสบผลสำเร็จ ปีหน้าอาจจะเปิดสแตนด์อโลนเพิ่มอีก 20 แห่งด้วย

ส่วนตลาดต่างประเทศได้ชะลอการทำตลาดก่อนในปีนี้ เนื่องจากว่าค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น จากเดิมที่ส่งไปที่สิงคโปร์เป็นหลัก ล่าสุด ได้เปิดตัว “วินเทอร์ คอลเลคชั่น” จะมีหลายรูปแบบทั้งเสื้อแจ็กเก๊ต กางเกง แอ็คเซสซอรี่ ราคาตั้งแต่ 800 บาทขึ้นไป คาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายได้ 15% ด้านนางสาวสุณี กล่าวต่อว่า ส่วนอีก 3 แบรนด์ที่เหลือคือ แม็คเลดี้, ไบร้ท์ซัน และแกงการู ซึ่งได้วางตลาดมาแล้วเกือบ 3-4 ปี ปีนี้มีแผนที่จะทำตลาดอย่างจริงจังด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น