ค่ายรถงัดกลยุทธ์หลากรูปแบบ ฉวยจังหวะเร่งปั๊มยอดภายในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2009 โดยเฉพาะเก๋งเล็กจากมาเลเซีย จีน เกาหลี และญี่ปุ่น จนลูกค้าไม่อาจทนเก็บเงินนอนนิ่งไว้สู้วิกฤตเศรษฐกิจอีกต่อไป หวั่นกลัวพลาดโอกาสตัดใจควักกระเป๋าจองซื้อรถทันที ทำให้ผ่านไปยังไม่ถึงครึ่งทาง ตัวเลขยอดจองรถพุ่งแบบติดสปริงกันถ้วนหน้า แม้แต่รถหรูหราราคาหลายล้านบาท งานนี้ว่ากันว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์ ล้วงกระเป๋าเศรษฐีไทยไปแล้วกว่า 500 ล้านบาท
วิกฤตเศรษฐกิจทำให้หลายค่ายรถ ตัดสินใจไม่เข้าร่วมงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2009 เพราะไม่มั่นใจว่าจะมียอดขายคุ้มกับการลงทุนออกบูธหรือไม่? แต่ผ่านพ้นไป ครึ่งทางภาพรวมที่ออกมาทำให้ค่ายรถยิ้มออกพอสมควร ยิ่งปัจจุบันมีรถเล็กโมเดลใหม่ๆ ราคาประหยัดแนะนำสู่ตลาดหลากรุ่น แถมยังมีเงื่อนไขพิเศษมอบให้อีก นาทีทองเช่นนี้จึงยากที่จะทำให้ลูกค้าพลาดโอกาสดังกล่าวได้
ทั้งนี้จากรายงานตัวเลขยอดขายของผู้จัดงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2009 ในช่วง 6 วันแรก (24-29 มีนาคม)ตั้งแต่รอบวันแขกวีไอพี รอบสื่อมวลชน จนถึงวันลูกค้าทั่วไป มียอดจองรถใหม่ภายในแล้วกว่า 5 พันคัน (ดูตารางสรุปตัวเลขจากข่าวที่เกี่ยวข้องด้านล่าง)ทำให้ ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานจัดงานค่อนข้างมั่นใจว่า จบงานน่าจะมีตัวเลขผ่านหลัก 1.5 หมื่นคันแน่นอน พร้อมกับเงินสะพัดกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท
โดยจะเห็นว่านอกจากรถแบรนด์เนมแล้ว ในบรรดารถยนต์ยี่ห้อใหม่ๆ และส่วนใหญ่เป็นรถเล็กราคาประหยัดทั้งนั้น ไม่ว่าจะมาจากมาเลเซีย หรือจีน ซึ่งหลายคนสงสัยอยู่ว่าจะสามารถทำให้ผู้บริโภคชาวไทยเปิดใจยอมรับได้หรือไม่? ปรากฎว่ายอดขายภายในงานมีตัวเลขที่โดดเด่นทีเดียว
สาธิต เตชะลาภอำนวย กรรมการบริหาร บริษัท ยนตรกิจ เกีย มอเตอร์ จำกัด และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยนตรกิจ มอเตอร์เซลส์ จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์เกียจากเกาหลี และรถยนต์ยี่ห้อนาซ่าจากมาเลเซีย เปิดเผยว่า ในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ ประชาชนให้ความสนใจและสั่งจองรถยนต์เกีย และนาซ่าเป็นจำนวนมาก โดยในช่วง 3 วันที่ผ่านมาของรอบลูกค้าทั่วไป มียอดจองสูงถึง 200 คัน แบ่งเป็นยอดจองเกียกว่า 130 คัน และยอดจองรถยนต์นาซ่ากว่า 60 คัน
โดยเฉพาะในส่วนของรถซิตี้คาร์ อย่างเกีย พิแคนโต 1.1 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ และนาซ่า ฟอร์ซ่า 1.1 ลิตร เกียร์ธรรมดา ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ดังนั้น ทางบริษัทฯ ได้มีการปรับเป้าการจำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็น 600 คัน โดยแบ่งเป็นรถยนต์เกียประมาณ 400 คัน และรถยนต์นาซ่าประมาณ 200 คัน จากเดิมตั้งเป้าจำหน่ายสำหรับ 2 แบรนด์เพียงแค่ 300 คันเท่านั้น
แน่นอนความสำเร็จดังกล่าว นอกจากเป็นรถราคาประหยัดแล้ว คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากแคมเปญล่อใจลูกค้า ซึ่งงานนี้มีเงื่อนไขที่ลูกค้ายากปฏิเสธจริงๆ เพราะผู้ที่จองซื้อรถเกีย และนาซ่า จะได้รับส่วนลดเงินดาวน์สูงสุดถึง 50% แถมยังสามารถผ่อนเงินดาวน์เพียง 1,945 บาทต่อเดือน สำหรับผู้ซื้อรถนาซ่า ฟอร์ซ่า และในส่วนของ เกีย พิแคนโต ผ่อนเงินดาวน์เพียง 2,950 บาท เป็นระยะ 10 เดือนเช่นเดียวกัน ที่สำคัญยังเกาะกระแสรับเช็คช่วยชาติในการวางดาวน์ด้วย ขณะเดียวกันก็ยังจัดไฟแนนซ์ผ่อนงวดได้นานถึง 60 เดือน พร้อมผ่อนประกันภัยชั้นหนึ่งดอกเบี้ย 0 % ได้อีก 10 เดือน ผ่านบัตร KTC
ส่วน โปรตอน คู่แข่งจากแดนเสือเหลืองด้วยกัน ตลอด 6 วันที่ผ่านมา มียอดขายพุ่งแรงต่อเนื่อง โดยปิดยอดขายมากถึง 303 คัน เพราะมีรถยนต์ให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่รถเล็กอย่าง โปรตอน เซฟวี ราคาไม่ถึง 4 แสนบาท ไปจนถึงรถคอมแพ็กต์ราคาเพียง 6 แสนต้นๆ เท่านั้น หรือรถที่ติดตั้งก๊าซเอ็นจีวีอย่าง โปรตอน เพอโซนา ราคาเริ่มต้นที่ 5.49 แสนบาทเท่านั้น ขณะที่ลูกค้าสามารถเลือกดาวน์รถทุกรุ่น ได้ตั้งแต่ 10% ขึ้นไป และเลือกผ่อนนานถึง 72 เดือน
อีกยี่ห้อที่ถูกจับตา เฌอรี่ จากประเทศจีน ที่ใช้เวทีนี้ในการเปิดตัวสู่ตลาดไทยอย่างเป็นทางการ โดยนำรถยนต์เข้ามาทำตลาด 3 รุ่น ได้แก่ เฌอรี่ คิวคิว(QQ) เก๋งเล็กเครื่องยนต์ 1.1 ลิตร ราคาเริ่มต้น 3.795-4.225 แสนบาท ซึ่งเป็นรถที่เตรียมจะประกอบในประเทศ
ส่วนอีกสองรุ่นเป็นรถอเนกประสงค์ ได้แก่ รุ่นทิกโก้ (Tiggo) ในแบบเอสยูวี(SUV) ขนาด 5 ที่นั่ง เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ราคา 7.89-8.25 แสนบาท และนำรุ่น ครอส (Cross) รถแบบเอ็มพีวี (MPV) ขนาด 7 ที่นั่ง วางเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร โดยทั้งสองรุ่นนำเข้าจากโรงงานในประเทศมาเลเซีย
ปรากฎว่ามียอดจองซื้อภายในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์แล้วถึง 58 คัน นับเป็นตัวเลขที่น่าพอใจทีเดียวกับรถยนต์จากจีน ที่เปิดตัวครั้งแรกในไทยเพียงไม่กี่วัน แม้จะเป็นแบรนด์ชื่อดังของจีนก็ตาม เพราะอย่างที่รู้กันถึงการไม่ค่อยเปิดรับสินค้าจีนของผู้บริโภคชาวไทยส่วนใหญ่ โดยเฉพาะรถยนต์ที่ราคาไม่ใช่หลักพันหลักหมื่นบาท เหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะลองกันเล่นๆ ได้ แค่นี้กับก้าวแรกจึงทำให้ทาง ไทยยานยนต์กรุ๊ป ยิ้มออกได้พอสมควร แต่กับความคาดหวังจะทำยอดขายปีแรกทะลุ 4 พันคัน งานนี้คงต้องติดตามกันต่อไป
สำหรับรถยนต์แบรนด์เนม ถือว่ามียอดขายที่น่าพอใจ ไม่ว่าจะเป็นยักษ์ใหญ่โตโยต้าที่ทำไปแล้วเกือบ 1,300 คัน ซึ่งรถยนต์คอมแพ็กต์ โคโรลล่า อัลติส และโดยเฉพาะเก๋งซับคอมแพ็กต์รุ่นวีออส ได้การตอบรับสูงทีเดียว ปัจจัยสำคัญน่าจะมาจากเงื่อนไขพิเศษ ที่ให้บัตรกำนัลมูลค่า 1 หมื่นบาท หรือจะเลือกส่วนลดเงินดาวน์ 2.5 หมื่นบาท หรือดาวน์ต่ำเพียง 10% แล้วแต่ความต้องการของลูกค้า
ขณะที่คู่แข่ง ฮอนด้า ยังคงเดินหน้าปั้นยอดขายจากซับคอมแพ็กต์ทั้งสองรุ่น ซิตี้ และ แจ๊ซ อย่างเป็นกอบเป็นกำ แม้แคมเปญจะไม่หวือหวานัก เพราะยังเป็นโมเดลใหม่สดอยู่ หรือมากสุดก็แค่ปีเดียวในรุ่นแจ๊ซ ทำให้เป็นรถตัวธงของฮอนด้า จากยอดจองรถทุกรุ่นภายในงาน 6 วันแรก จำนวนเกือบ 1 พันคัน เช่นเดียวกับค่ายเชฟโรเลตที่รถเล็กยังเป็นตัวสร้างยอดให้ ไม่ว่าจะเป็น เชฟโรเลต ออพตร้า และรุ่นอาวีโอ
อย่างไรก็ตาม ปรากฎการณ์ยอดขายพุ่งใช่จะมีเพียงแค่รถเล็ก มาสด้าเป็นอีกยี่ห้อที่ประสบความสำเร็จ เพราะยอดจองซื้อรถภายในงานผ่านไป 4 วันรอบลูกค้าทั่วไป พุ่งกว่า 300 คัน โดยเฉพาะรถยนต์นั่งมาสด้า3 รวมทุกรุ่นสูงถึง 201 คัน และรุ่นพิเศษผลิตจำนวนจำกัด MOVE Series ที่เปิดตัวออกมา มียอดจอง 39 คัน ส่วนปิคอัพมาสด้า บีที-50 ทำได้ 65 คัน และรถสปอร์ตโรดเตอร์ เอ็มเอ็กซ์-5 ใหม่ ที่เปิดตัวเป็นทางการในงานนี้ มียอดจองเข้ามาแล้ว 2 คัน ทำให้มาสด้ามั่นใจว่าจะมียอดจองตลอดภายในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2009 ทะลุ 1.1 พันคันแน่นอน
โดยที่น่าตะลึงสร้างความสงสัยว่า คนไทยไม่ได้จนและไม่หวั่นเศรษฐกิจวูบ เพราะรถยนต์หรูหราต่างมียอดจองซื้อพุ่งสุดๆ โดยเฉพาะเจ้าตลาด เมอร์เซเดส-เบนซ์ ปิดยอด 6 วันแรกนับแต่เปิดงานมา ฟันยอดจองไปแล้ว 177 คัน จนว่ากันว่าไม่ทันไรงานนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ล้วงกระเป๋าเศรษฐีไทยไปถึงกว่า 500 ล้านบาท (เฉลี่ยคันละ 3 ล้านบาท) ซึ่งสาเหตุมาจากการให้ส่วนลดในรุ่นอี-คลาสมากถึง 7 แสนบาท และแคมเปญพิเศษให้เลือกอีกหลากหลายเงื่อนไข ชนิดเศรษฐีไทยไม่อาจเก็บเงินไว้ได้แล้ว
เรียกว่าแม้เศรษฐกิจจะไม่สัญญาณดี แต่งานนี้ค่ายรถแข่งกันงัดกลยุทธ์ออกมา เพื่อฉวยจังหวะปั้นยอดขายภายในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2009 พุ่งแบบติดสปริงกันถ้วนหน้า
วิกฤตเศรษฐกิจทำให้หลายค่ายรถ ตัดสินใจไม่เข้าร่วมงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2009 เพราะไม่มั่นใจว่าจะมียอดขายคุ้มกับการลงทุนออกบูธหรือไม่? แต่ผ่านพ้นไป ครึ่งทางภาพรวมที่ออกมาทำให้ค่ายรถยิ้มออกพอสมควร ยิ่งปัจจุบันมีรถเล็กโมเดลใหม่ๆ ราคาประหยัดแนะนำสู่ตลาดหลากรุ่น แถมยังมีเงื่อนไขพิเศษมอบให้อีก นาทีทองเช่นนี้จึงยากที่จะทำให้ลูกค้าพลาดโอกาสดังกล่าวได้
ทั้งนี้จากรายงานตัวเลขยอดขายของผู้จัดงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2009 ในช่วง 6 วันแรก (24-29 มีนาคม)ตั้งแต่รอบวันแขกวีไอพี รอบสื่อมวลชน จนถึงวันลูกค้าทั่วไป มียอดจองรถใหม่ภายในแล้วกว่า 5 พันคัน (ดูตารางสรุปตัวเลขจากข่าวที่เกี่ยวข้องด้านล่าง)ทำให้ ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานจัดงานค่อนข้างมั่นใจว่า จบงานน่าจะมีตัวเลขผ่านหลัก 1.5 หมื่นคันแน่นอน พร้อมกับเงินสะพัดกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท
โดยจะเห็นว่านอกจากรถแบรนด์เนมแล้ว ในบรรดารถยนต์ยี่ห้อใหม่ๆ และส่วนใหญ่เป็นรถเล็กราคาประหยัดทั้งนั้น ไม่ว่าจะมาจากมาเลเซีย หรือจีน ซึ่งหลายคนสงสัยอยู่ว่าจะสามารถทำให้ผู้บริโภคชาวไทยเปิดใจยอมรับได้หรือไม่? ปรากฎว่ายอดขายภายในงานมีตัวเลขที่โดดเด่นทีเดียว
สาธิต เตชะลาภอำนวย กรรมการบริหาร บริษัท ยนตรกิจ เกีย มอเตอร์ จำกัด และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยนตรกิจ มอเตอร์เซลส์ จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์เกียจากเกาหลี และรถยนต์ยี่ห้อนาซ่าจากมาเลเซีย เปิดเผยว่า ในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ ประชาชนให้ความสนใจและสั่งจองรถยนต์เกีย และนาซ่าเป็นจำนวนมาก โดยในช่วง 3 วันที่ผ่านมาของรอบลูกค้าทั่วไป มียอดจองสูงถึง 200 คัน แบ่งเป็นยอดจองเกียกว่า 130 คัน และยอดจองรถยนต์นาซ่ากว่า 60 คัน
โดยเฉพาะในส่วนของรถซิตี้คาร์ อย่างเกีย พิแคนโต 1.1 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ และนาซ่า ฟอร์ซ่า 1.1 ลิตร เกียร์ธรรมดา ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ดังนั้น ทางบริษัทฯ ได้มีการปรับเป้าการจำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็น 600 คัน โดยแบ่งเป็นรถยนต์เกียประมาณ 400 คัน และรถยนต์นาซ่าประมาณ 200 คัน จากเดิมตั้งเป้าจำหน่ายสำหรับ 2 แบรนด์เพียงแค่ 300 คันเท่านั้น
แน่นอนความสำเร็จดังกล่าว นอกจากเป็นรถราคาประหยัดแล้ว คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากแคมเปญล่อใจลูกค้า ซึ่งงานนี้มีเงื่อนไขที่ลูกค้ายากปฏิเสธจริงๆ เพราะผู้ที่จองซื้อรถเกีย และนาซ่า จะได้รับส่วนลดเงินดาวน์สูงสุดถึง 50% แถมยังสามารถผ่อนเงินดาวน์เพียง 1,945 บาทต่อเดือน สำหรับผู้ซื้อรถนาซ่า ฟอร์ซ่า และในส่วนของ เกีย พิแคนโต ผ่อนเงินดาวน์เพียง 2,950 บาท เป็นระยะ 10 เดือนเช่นเดียวกัน ที่สำคัญยังเกาะกระแสรับเช็คช่วยชาติในการวางดาวน์ด้วย ขณะเดียวกันก็ยังจัดไฟแนนซ์ผ่อนงวดได้นานถึง 60 เดือน พร้อมผ่อนประกันภัยชั้นหนึ่งดอกเบี้ย 0 % ได้อีก 10 เดือน ผ่านบัตร KTC
ส่วน โปรตอน คู่แข่งจากแดนเสือเหลืองด้วยกัน ตลอด 6 วันที่ผ่านมา มียอดขายพุ่งแรงต่อเนื่อง โดยปิดยอดขายมากถึง 303 คัน เพราะมีรถยนต์ให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่รถเล็กอย่าง โปรตอน เซฟวี ราคาไม่ถึง 4 แสนบาท ไปจนถึงรถคอมแพ็กต์ราคาเพียง 6 แสนต้นๆ เท่านั้น หรือรถที่ติดตั้งก๊าซเอ็นจีวีอย่าง โปรตอน เพอโซนา ราคาเริ่มต้นที่ 5.49 แสนบาทเท่านั้น ขณะที่ลูกค้าสามารถเลือกดาวน์รถทุกรุ่น ได้ตั้งแต่ 10% ขึ้นไป และเลือกผ่อนนานถึง 72 เดือน
อีกยี่ห้อที่ถูกจับตา เฌอรี่ จากประเทศจีน ที่ใช้เวทีนี้ในการเปิดตัวสู่ตลาดไทยอย่างเป็นทางการ โดยนำรถยนต์เข้ามาทำตลาด 3 รุ่น ได้แก่ เฌอรี่ คิวคิว(QQ) เก๋งเล็กเครื่องยนต์ 1.1 ลิตร ราคาเริ่มต้น 3.795-4.225 แสนบาท ซึ่งเป็นรถที่เตรียมจะประกอบในประเทศ
ส่วนอีกสองรุ่นเป็นรถอเนกประสงค์ ได้แก่ รุ่นทิกโก้ (Tiggo) ในแบบเอสยูวี(SUV) ขนาด 5 ที่นั่ง เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ราคา 7.89-8.25 แสนบาท และนำรุ่น ครอส (Cross) รถแบบเอ็มพีวี (MPV) ขนาด 7 ที่นั่ง วางเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร โดยทั้งสองรุ่นนำเข้าจากโรงงานในประเทศมาเลเซีย
ปรากฎว่ามียอดจองซื้อภายในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์แล้วถึง 58 คัน นับเป็นตัวเลขที่น่าพอใจทีเดียวกับรถยนต์จากจีน ที่เปิดตัวครั้งแรกในไทยเพียงไม่กี่วัน แม้จะเป็นแบรนด์ชื่อดังของจีนก็ตาม เพราะอย่างที่รู้กันถึงการไม่ค่อยเปิดรับสินค้าจีนของผู้บริโภคชาวไทยส่วนใหญ่ โดยเฉพาะรถยนต์ที่ราคาไม่ใช่หลักพันหลักหมื่นบาท เหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะลองกันเล่นๆ ได้ แค่นี้กับก้าวแรกจึงทำให้ทาง ไทยยานยนต์กรุ๊ป ยิ้มออกได้พอสมควร แต่กับความคาดหวังจะทำยอดขายปีแรกทะลุ 4 พันคัน งานนี้คงต้องติดตามกันต่อไป
สำหรับรถยนต์แบรนด์เนม ถือว่ามียอดขายที่น่าพอใจ ไม่ว่าจะเป็นยักษ์ใหญ่โตโยต้าที่ทำไปแล้วเกือบ 1,300 คัน ซึ่งรถยนต์คอมแพ็กต์ โคโรลล่า อัลติส และโดยเฉพาะเก๋งซับคอมแพ็กต์รุ่นวีออส ได้การตอบรับสูงทีเดียว ปัจจัยสำคัญน่าจะมาจากเงื่อนไขพิเศษ ที่ให้บัตรกำนัลมูลค่า 1 หมื่นบาท หรือจะเลือกส่วนลดเงินดาวน์ 2.5 หมื่นบาท หรือดาวน์ต่ำเพียง 10% แล้วแต่ความต้องการของลูกค้า
ขณะที่คู่แข่ง ฮอนด้า ยังคงเดินหน้าปั้นยอดขายจากซับคอมแพ็กต์ทั้งสองรุ่น ซิตี้ และ แจ๊ซ อย่างเป็นกอบเป็นกำ แม้แคมเปญจะไม่หวือหวานัก เพราะยังเป็นโมเดลใหม่สดอยู่ หรือมากสุดก็แค่ปีเดียวในรุ่นแจ๊ซ ทำให้เป็นรถตัวธงของฮอนด้า จากยอดจองรถทุกรุ่นภายในงาน 6 วันแรก จำนวนเกือบ 1 พันคัน เช่นเดียวกับค่ายเชฟโรเลตที่รถเล็กยังเป็นตัวสร้างยอดให้ ไม่ว่าจะเป็น เชฟโรเลต ออพตร้า และรุ่นอาวีโอ
อย่างไรก็ตาม ปรากฎการณ์ยอดขายพุ่งใช่จะมีเพียงแค่รถเล็ก มาสด้าเป็นอีกยี่ห้อที่ประสบความสำเร็จ เพราะยอดจองซื้อรถภายในงานผ่านไป 4 วันรอบลูกค้าทั่วไป พุ่งกว่า 300 คัน โดยเฉพาะรถยนต์นั่งมาสด้า3 รวมทุกรุ่นสูงถึง 201 คัน และรุ่นพิเศษผลิตจำนวนจำกัด MOVE Series ที่เปิดตัวออกมา มียอดจอง 39 คัน ส่วนปิคอัพมาสด้า บีที-50 ทำได้ 65 คัน และรถสปอร์ตโรดเตอร์ เอ็มเอ็กซ์-5 ใหม่ ที่เปิดตัวเป็นทางการในงานนี้ มียอดจองเข้ามาแล้ว 2 คัน ทำให้มาสด้ามั่นใจว่าจะมียอดจองตลอดภายในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2009 ทะลุ 1.1 พันคันแน่นอน
โดยที่น่าตะลึงสร้างความสงสัยว่า คนไทยไม่ได้จนและไม่หวั่นเศรษฐกิจวูบ เพราะรถยนต์หรูหราต่างมียอดจองซื้อพุ่งสุดๆ โดยเฉพาะเจ้าตลาด เมอร์เซเดส-เบนซ์ ปิดยอด 6 วันแรกนับแต่เปิดงานมา ฟันยอดจองไปแล้ว 177 คัน จนว่ากันว่าไม่ทันไรงานนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ล้วงกระเป๋าเศรษฐีไทยไปถึงกว่า 500 ล้านบาท (เฉลี่ยคันละ 3 ล้านบาท) ซึ่งสาเหตุมาจากการให้ส่วนลดในรุ่นอี-คลาสมากถึง 7 แสนบาท และแคมเปญพิเศษให้เลือกอีกหลากหลายเงื่อนไข ชนิดเศรษฐีไทยไม่อาจเก็บเงินไว้ได้แล้ว
เรียกว่าแม้เศรษฐกิจจะไม่สัญญาณดี แต่งานนี้ค่ายรถแข่งกันงัดกลยุทธ์ออกมา เพื่อฉวยจังหวะปั้นยอดขายภายในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2009 พุ่งแบบติดสปริงกันถ้วนหน้า
