ข่าวต่างประเทศ - ซาบ ผู้ผลิตรถยนต์จากสวีเดนในเครือจีเอ็ม หรือเจนเนอรัล มอเตอร์ส เจอวิกฤตครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ และเตรียมจ่อคิวล้มละลายหากหาทางออกไม่ทันการณ์ เมื่อบริษัทแม่ทิ้งทุ่นปฏิเสธความช่วยเหลือ ขณะที่รัฐบาลสวีเดนยันไม่เพิ่มเงินจำนวนเงินกู้เพื่อช่วยเหลือบริษัทแห่งนี้อีกแล้ว
สถานการณ์ของ ซาบ วิกฤตอย่างมาก และทำให้บริษัทจำเป็นจะต้องยื่นขอความช่วยเหลือในการปรับโครงสร้างบริหาร ซึ่งจะช่วยทำให้ธุรกิจของซาบอยู่รอดต่อไปได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นบรรดาเจ้าหนี้ของซาบจะต้องออมชอมหนี้ด้วยการรับชำระเพียงบางส่วนตามข้อตกลงที่ซาบเสนอออกมา ซึ่งทางออกนี้มีลักษณะคล้ายกับมาตรา 11 เกี่ยวกับการฟื้นฟูโครงสร้างของกฎหมายล้มละลายที่นำมาใช้ในสหรัฐอเมริกา
ก่อนหน้านี้ทางจีเอ็มพยายามอย่างหนักในการขายกิจการของซาบออกไป ซึ่งจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับทั้งคู่ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ และ แยน อาเก้ จอนส์สัน กรรมการผู้จัดการของซาบ เปิดเผยว่า เราพยายามมองหาทางออกของการอยู่รอดทั้งในเรื่องของการหาเงินทุนช่วยเหลือ หรือการขายกิจการของซาบมาโดยตลอด แต่จากสภาพที่เกิดขึ้นในปัจจุบันถือเป็นเรื่องยากที่จะมองหานายทุนรายใดเข้ามาเทคโอเวอร์กิจการ และแน่นอนว่า ตอนนี้ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเราคือ การปรับโครงสร้างบริหารเพื่อทำให้ซาบเป็นหน่วยงานอิสระจากจีเอ็มและมีความพร้อมสำหรับการลงทุน
ปัจจุบันรถยนต์ของซาบทั้ง 9-5, 9-3X และ 9-4X ที่เตรียมเปิดตัวในตลาด ถือเป็นสิ่งที่จะช่วยกระตุ้นให้ซาบมีรากฐานของการเติบโตที่ดี แต่นั่นหมายความว่าเราจะต้องมีเงินทุนเพื่อนำมาช่วยเหลือและสนับสนุนการทำงานในด้านต่างๆ ของบริษัท การปรับโครงสร้างจะช่วยเราในเรื่องของเวลา และทำให้เราสามารถขายรถยนต์เหล่านี้ได้ในตลาด โดยได้รับผลกระทบที่มาจากบริษัทแม่อย่างจีเอ็มน้อยที่สุด
จีเอ็มซื้อหุ้นจำนวน 50% ของซาบเข้ามาอยู่ในมือเมื่อปี 1989 และเหมาอีก 50% ที่เหลือปี 2000 พร้อมกับความล้มเหลวในการทำตลาดถึงแม้ว่ารถยนต์หลายต่อหลายรุ่นของซาบจะแชร์พื้นฐานจากรถยนต์ในเครืออย่างโอเปิล และเชฟโรเลต รวมถึงพันธมิตรอย่างซูบารุก็ตาม และทำให้ตลอดเวลา 20 ปีที่อยู่ในการครอบครองของจีเอ็ม มีเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้นที่ซาบมีกำไรในการประกอบการ
ปีที่แล้ว ซาบขายรถยนต์ไปได้เพียง 93,338 คัน ลดลงจากปี 2007 ถึง 26% และขาดทุนประมาณ 340 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 11,900 ล้านบาท ขณะที่รัฐบาลสวีเดนซึ่งเคยเจียดเงินกู้ฉุกเฉินสำหรับอุ้มบริษัทรถยนต์สัญชาติตัวเองมาก่อนหน้านี้ ปฏิเสธที่จะเพิ่มเงินช่วยเหลือให้กับซาบอีก โดยเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซาบยื่นขอกู้เงินจำนวน 575 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 20,000 ล้านบาท แต่ก็ไม่มีการเปิดเผยว่าเงินกู้จำนวนนี้ได้รับการอนุมัติออกมาแล้วหรือยัง
ขณะเดียวกันทางจีเอ็มก็กำลังมองหานายทุนใหม่เพื่อเข้ามาเทคโอเวอร์กิจการของวอกซ์ฮอลล์ แบรนด์รถยนต์ของอังกฤษ ที่อยู่ในเครือ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเดียวกับที่กำลังเกิดกับซาบ และเชื่อว่าเร็วๆ นี้จะมีการประกาศลดต้นทุนระลอกใหญ่ด้วยการปลดคนงานชาวอังกฤษมากกว่า 5,000 คน
ปัจจุบันวอกซ์ฮอลล์ถือเป็นแบรนด์ฝาแฝดของโอเปิล โดยทางจีเอ็มจะนำรถยนต์ของโอเปิลและก็รวมถึงรถยนต์บางรุ่นของโฮลเดนมาตีตราเป็นวอกซ์ฮอลล์เพื่อขายเฉพาะในอังกฤษ โดยจีเอ็มเข้าซื้อกิจการของแบรนด์นี้มาตั้งแต่ปี 1925 หรือหลังจากบริษัทก่อตั้งมาได้เพียง 22 ปีเท่านั้นเอง
สถานการณ์ของ ซาบ วิกฤตอย่างมาก และทำให้บริษัทจำเป็นจะต้องยื่นขอความช่วยเหลือในการปรับโครงสร้างบริหาร ซึ่งจะช่วยทำให้ธุรกิจของซาบอยู่รอดต่อไปได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นบรรดาเจ้าหนี้ของซาบจะต้องออมชอมหนี้ด้วยการรับชำระเพียงบางส่วนตามข้อตกลงที่ซาบเสนอออกมา ซึ่งทางออกนี้มีลักษณะคล้ายกับมาตรา 11 เกี่ยวกับการฟื้นฟูโครงสร้างของกฎหมายล้มละลายที่นำมาใช้ในสหรัฐอเมริกา
ก่อนหน้านี้ทางจีเอ็มพยายามอย่างหนักในการขายกิจการของซาบออกไป ซึ่งจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับทั้งคู่ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ และ แยน อาเก้ จอนส์สัน กรรมการผู้จัดการของซาบ เปิดเผยว่า เราพยายามมองหาทางออกของการอยู่รอดทั้งในเรื่องของการหาเงินทุนช่วยเหลือ หรือการขายกิจการของซาบมาโดยตลอด แต่จากสภาพที่เกิดขึ้นในปัจจุบันถือเป็นเรื่องยากที่จะมองหานายทุนรายใดเข้ามาเทคโอเวอร์กิจการ และแน่นอนว่า ตอนนี้ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเราคือ การปรับโครงสร้างบริหารเพื่อทำให้ซาบเป็นหน่วยงานอิสระจากจีเอ็มและมีความพร้อมสำหรับการลงทุน
ปัจจุบันรถยนต์ของซาบทั้ง 9-5, 9-3X และ 9-4X ที่เตรียมเปิดตัวในตลาด ถือเป็นสิ่งที่จะช่วยกระตุ้นให้ซาบมีรากฐานของการเติบโตที่ดี แต่นั่นหมายความว่าเราจะต้องมีเงินทุนเพื่อนำมาช่วยเหลือและสนับสนุนการทำงานในด้านต่างๆ ของบริษัท การปรับโครงสร้างจะช่วยเราในเรื่องของเวลา และทำให้เราสามารถขายรถยนต์เหล่านี้ได้ในตลาด โดยได้รับผลกระทบที่มาจากบริษัทแม่อย่างจีเอ็มน้อยที่สุด
จีเอ็มซื้อหุ้นจำนวน 50% ของซาบเข้ามาอยู่ในมือเมื่อปี 1989 และเหมาอีก 50% ที่เหลือปี 2000 พร้อมกับความล้มเหลวในการทำตลาดถึงแม้ว่ารถยนต์หลายต่อหลายรุ่นของซาบจะแชร์พื้นฐานจากรถยนต์ในเครืออย่างโอเปิล และเชฟโรเลต รวมถึงพันธมิตรอย่างซูบารุก็ตาม และทำให้ตลอดเวลา 20 ปีที่อยู่ในการครอบครองของจีเอ็ม มีเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้นที่ซาบมีกำไรในการประกอบการ
ปีที่แล้ว ซาบขายรถยนต์ไปได้เพียง 93,338 คัน ลดลงจากปี 2007 ถึง 26% และขาดทุนประมาณ 340 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 11,900 ล้านบาท ขณะที่รัฐบาลสวีเดนซึ่งเคยเจียดเงินกู้ฉุกเฉินสำหรับอุ้มบริษัทรถยนต์สัญชาติตัวเองมาก่อนหน้านี้ ปฏิเสธที่จะเพิ่มเงินช่วยเหลือให้กับซาบอีก โดยเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซาบยื่นขอกู้เงินจำนวน 575 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 20,000 ล้านบาท แต่ก็ไม่มีการเปิดเผยว่าเงินกู้จำนวนนี้ได้รับการอนุมัติออกมาแล้วหรือยัง
ขณะเดียวกันทางจีเอ็มก็กำลังมองหานายทุนใหม่เพื่อเข้ามาเทคโอเวอร์กิจการของวอกซ์ฮอลล์ แบรนด์รถยนต์ของอังกฤษ ที่อยู่ในเครือ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเดียวกับที่กำลังเกิดกับซาบ และเชื่อว่าเร็วๆ นี้จะมีการประกาศลดต้นทุนระลอกใหญ่ด้วยการปลดคนงานชาวอังกฤษมากกว่า 5,000 คน
ปัจจุบันวอกซ์ฮอลล์ถือเป็นแบรนด์ฝาแฝดของโอเปิล โดยทางจีเอ็มจะนำรถยนต์ของโอเปิลและก็รวมถึงรถยนต์บางรุ่นของโฮลเดนมาตีตราเป็นวอกซ์ฮอลล์เพื่อขายเฉพาะในอังกฤษ โดยจีเอ็มเข้าซื้อกิจการของแบรนด์นี้มาตั้งแต่ปี 1925 หรือหลังจากบริษัทก่อตั้งมาได้เพียง 22 ปีเท่านั้นเอง