ข่าวในประเทศ - นายทาคาอากิ คิชิอิ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักการตลาด บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงกระแสการตอบรับรถยนต์ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ตที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมาว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าทั่วประเทศส่งผลให้ยอดขาย 4 เดือนแรกหลังเปิดตัว (ตุลาคม- 2551 – มกราคม 2552) อยู่ที่ 2,283 คัน ซึ่งถือว่าสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ และถึงแม้สภาพเศรษฐกิจโดยรวมในปัจจุบันจะทำให้ยากที่จะคาดการณ์ถึงยอดขายในช่วงไตรมาสแรกของปี แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ก็ยังคงหวังว่าหลังจบปีงบประมาณ 2551 (มีนาคม 2552) จะสามารถทำยอดขาย ปาเจโร สปอร์ต ได้ 3,000 คัน ตามเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้
“เมื่อพิจารณาจากภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีแนวโน้มลดลงแล้ว เราค่อนข้างพอใจกับยอดขายของมิตซูบิ ปาเจโร สปอร์ต ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา เพราะถือว่าสูงกว่าเป้าหมายที่ได้วางไว้โดยมียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 570 คัน รถรุ่นที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าสูงสุด คือรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งมียอดขายรวมกว่า 1,200 คัน สำหรับเหตุผลที่รถรุ่นดังกล่าวได้รับความนิยมมาจากราคาที่สมเหตุสมผลและยังให้ความคุ้มค่าของรถเอสยูวีที่มีทั้งความหรูหรา สะดวกสบายในการขับขี่ ความอเนกประสงค์ ความปลอดภัย และสมรรถนะที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกไลฟ์สไตล์ ที่สำคัญยังมาพร้อมการประหยัดน้ำมันที่เป็นเยี่ยม ”
สำหรับภาพรวมของการดำเนินงานด้านการตลาดของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยนั้นนายทาคาอากิกล่าวว่า จากสภาพเศรษฐกิจในขณะนี้ค่อนข้างยากที่จะคาดการณ์ถึงตลาดรถยนต์ในปี 2552 เนื่องจากสถานการณ์ทั่วโลกที่ยังมีความไม่แน่นอนในหลายๆ ด้าน
แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงเชื่อว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะยังคงเดินหน้าต่อไปได้ โดยในส่วนของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยเอง จะยังคงเดินหน้าจัดกิจกรรมให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากที่สุดเพื่อกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง พร้อมๆ ไปกับการพัฒนาทั้งคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และการบริการให้ดียิ่งขึ้นเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าของเราต่อไป
“เมื่อพิจารณาจากภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีแนวโน้มลดลงแล้ว เราค่อนข้างพอใจกับยอดขายของมิตซูบิ ปาเจโร สปอร์ต ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา เพราะถือว่าสูงกว่าเป้าหมายที่ได้วางไว้โดยมียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 570 คัน รถรุ่นที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าสูงสุด คือรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งมียอดขายรวมกว่า 1,200 คัน สำหรับเหตุผลที่รถรุ่นดังกล่าวได้รับความนิยมมาจากราคาที่สมเหตุสมผลและยังให้ความคุ้มค่าของรถเอสยูวีที่มีทั้งความหรูหรา สะดวกสบายในการขับขี่ ความอเนกประสงค์ ความปลอดภัย และสมรรถนะที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกไลฟ์สไตล์ ที่สำคัญยังมาพร้อมการประหยัดน้ำมันที่เป็นเยี่ยม ”
สำหรับภาพรวมของการดำเนินงานด้านการตลาดของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยนั้นนายทาคาอากิกล่าวว่า จากสภาพเศรษฐกิจในขณะนี้ค่อนข้างยากที่จะคาดการณ์ถึงตลาดรถยนต์ในปี 2552 เนื่องจากสถานการณ์ทั่วโลกที่ยังมีความไม่แน่นอนในหลายๆ ด้าน
แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงเชื่อว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะยังคงเดินหน้าต่อไปได้ โดยในส่วนของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยเอง จะยังคงเดินหน้าจัดกิจกรรมให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากที่สุดเพื่อกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง พร้อมๆ ไปกับการพัฒนาทั้งคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และการบริการให้ดียิ่งขึ้นเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าของเราต่อไป
