ข่าวต่างประเทศ - ฟอร์ด มอเตอร์เผย แม้ในปี 2008 ที่ผ่านมาจะประสบปัญหาขาดทุนมากถึง 14,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 511,000 ล้านบาท แต่ยังมั่นใจว่าสถานภาพของบริษัทยังดีอยู่ และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขอความช่วยเหลือทางด้านการเงินจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ที่เพิ่งอนุมัติขยายระยะเวลาในการอัดเงินช่วยเหลือฉุกเฉินให้กับเพื่อนร่วมชาติอย่างไครสเลอร์ และจีเอ็ม หรือเจนเนอรัล มอเตอร์ส
ถือเป็นอีกปีที่ฟอร์ดประสบกับปัญกาขาดทุนอย่างหนักหลังจากที่ปี 2007 สามารถตัวเลขของการขาดทุนเอาไว้ที่เพียง 2,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 94,500 ล้านบาท โดยสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากวิกฤตทางเศรษฐกิจที่รุนแรงในสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำให้เกิดปัญหากับรายรับของฟอร์ดอย่างมากโดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี ซึ่งช่วงนี้ รายรับของฟอร์ดก่อนหักภาษีจากตลาดทั่วโลกลดลงเกือบครึ่งจาก 45,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 1.6 ล้านล้านบาทเมื่อปี 2007 มาอยู่ที่ 29,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 1.02 ล้านล้านบาทในปี 2008
ในสหรัฐอเมริกา ฟอร์ดมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องยอดขายรถยนต์ ซึ่งลดลงถึง 20% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2007 และมีส่วนแบ่งของตลาดลดลงมาอยู่ที่ 15% และช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี ประสบปัญหาขาดทุนถึง 5,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 206,500 ล้านบาท มากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเกือบเท่าตัว แต่ถึงแม้ว่าบริษัทจะประสบกับปัญหาเรื่องยอดขายและการขาดทุน แต่ก็ยังเดินหน้าในการบุกตลาดต่อไปด้วยการเปิดตัวทั้งฟอร์ด มัสแตง ไมเนอร์เชนจ์ , ฟอร์ด ทอรัสใหม่ และลินคอล์น MKT ออกสู่ตลาดเมืองลุงแซม
แต่ถึงแม้ว่าจะมีปัญหา แต่จากแถลงการณ์ที่ออกมาจากทางสำนักงานใหญ่ในเมืองเดียร์บอร์น มลรัฐมิชิแกนของฟอร์ดก็ยังระบุอย่างชัดเจนว่า ยังไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ฟอร์ดจะต้องร้องขอไปยังรัฐบาลในการอัดเงินช่วยเหลือ และทำให้ฟอร์ดเป็นบริษัทรถยนต์ในประเทศเพียงรายเดียวที่ยังสามารถประคองตัวเองเอาไว้ได้โดยไม่ต้องพึ่งเงินกู้จากภาครัฐ
และทางบริษัทจำเป็นจะต้องมีการปรับตัวเพื่อให้สอดรับกับสภาพที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลก โดยเฉพาะในเรื่องของการลดกำลังการผลิตเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการที่ลดลง รวมถึงการดึงเงินจำนวน 10,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 350,000 ล้านบาทเข้ามาหมุนเวียนในระบบช่วงไตรมาสแรกของปีนี้
ตามแถลงการณ์นี้หมายความว่า ฟอร์ดจะลดจำนวนคนงานในสหรัฐอเมริกาช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ประมาณ 20% หรือ 1,200 คน พร้อมกับการประกาศขายกิจการของวอลโว่ บริษัทที่อยู่ในเครือออกไป ซึ่งจากการเปิดเผยของวอลสตรีท เจอร์นัลระบุว่าในตอนนี้มีผู้ยื่นความจำนงค์ในการเทคโอเวอร์กิจการของแบรนด์ดังจากสวีเดนเข้ามาหลายราย รวมถึงบริษัทรถยนต์จีนอย่าง Geely Holding Group, SAIC Motor Corp. และ Chongqing Changan Automotive
ถือเป็นอีกปีที่ฟอร์ดประสบกับปัญกาขาดทุนอย่างหนักหลังจากที่ปี 2007 สามารถตัวเลขของการขาดทุนเอาไว้ที่เพียง 2,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 94,500 ล้านบาท โดยสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากวิกฤตทางเศรษฐกิจที่รุนแรงในสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำให้เกิดปัญหากับรายรับของฟอร์ดอย่างมากโดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี ซึ่งช่วงนี้ รายรับของฟอร์ดก่อนหักภาษีจากตลาดทั่วโลกลดลงเกือบครึ่งจาก 45,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 1.6 ล้านล้านบาทเมื่อปี 2007 มาอยู่ที่ 29,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 1.02 ล้านล้านบาทในปี 2008
ในสหรัฐอเมริกา ฟอร์ดมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องยอดขายรถยนต์ ซึ่งลดลงถึง 20% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2007 และมีส่วนแบ่งของตลาดลดลงมาอยู่ที่ 15% และช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี ประสบปัญหาขาดทุนถึง 5,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 206,500 ล้านบาท มากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเกือบเท่าตัว แต่ถึงแม้ว่าบริษัทจะประสบกับปัญหาเรื่องยอดขายและการขาดทุน แต่ก็ยังเดินหน้าในการบุกตลาดต่อไปด้วยการเปิดตัวทั้งฟอร์ด มัสแตง ไมเนอร์เชนจ์ , ฟอร์ด ทอรัสใหม่ และลินคอล์น MKT ออกสู่ตลาดเมืองลุงแซม
แต่ถึงแม้ว่าจะมีปัญหา แต่จากแถลงการณ์ที่ออกมาจากทางสำนักงานใหญ่ในเมืองเดียร์บอร์น มลรัฐมิชิแกนของฟอร์ดก็ยังระบุอย่างชัดเจนว่า ยังไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ฟอร์ดจะต้องร้องขอไปยังรัฐบาลในการอัดเงินช่วยเหลือ และทำให้ฟอร์ดเป็นบริษัทรถยนต์ในประเทศเพียงรายเดียวที่ยังสามารถประคองตัวเองเอาไว้ได้โดยไม่ต้องพึ่งเงินกู้จากภาครัฐ
และทางบริษัทจำเป็นจะต้องมีการปรับตัวเพื่อให้สอดรับกับสภาพที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลก โดยเฉพาะในเรื่องของการลดกำลังการผลิตเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการที่ลดลง รวมถึงการดึงเงินจำนวน 10,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 350,000 ล้านบาทเข้ามาหมุนเวียนในระบบช่วงไตรมาสแรกของปีนี้
ตามแถลงการณ์นี้หมายความว่า ฟอร์ดจะลดจำนวนคนงานในสหรัฐอเมริกาช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ประมาณ 20% หรือ 1,200 คน พร้อมกับการประกาศขายกิจการของวอลโว่ บริษัทที่อยู่ในเครือออกไป ซึ่งจากการเปิดเผยของวอลสตรีท เจอร์นัลระบุว่าในตอนนี้มีผู้ยื่นความจำนงค์ในการเทคโอเวอร์กิจการของแบรนด์ดังจากสวีเดนเข้ามาหลายราย รวมถึงบริษัทรถยนต์จีนอย่าง Geely Holding Group, SAIC Motor Corp. และ Chongqing Changan Automotive
