ข่าวต่างประเทศ - ในเมื่อตลาดหดตัวส่งผลประทบโดยตรงต่อยอดขาย ทำให้รถสปอร์ต 2 รุ่นดังของ 2 บริษัท ทั้งฮอนด้า S2000 และแคดิลแล็ก XLR จ่อคิวเตรียมสูญพันธุ์ เมื่อทั้ง 2 บริษัทประกาศไม่มีการผลิตเจนเนอเรชันต่อไปของทั้ง 2 รุ่นออกมาทำตลาด
ทั้งฮอนด้าและแคดิลแล็กต่างยืนยันว่ารถสปอร์ตทั้ง 2 รุ่นจะยุติการผลิตหลังจากที่โมเดลปี 2009 ออกสู่ตลาด ซึ่งนั่นเท่ากับว่าจะไม่มีรุ่นเปลี่ยนโฉม หรือโมเดลเชนจ์ของรถสปอร์ตทั้ง 2 รุ่นออกมาสานต่อในตลาด เพราะที่ผ่านมาไม่สามารถทำยอดขายได้ตรงตามที่ต้องการ แถมบริษัทจำเป็นต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาพของตลาดในปีนี้ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจ
XLR ที่ถูกเปิดตัวออกมาปี 2004 พร้อมรูปลักษณ์สุดโฉบเฉี่ยว และเป็นรถสปอร์ตแบบ C+C ที่พัฒนาอยู่บนพื้นฐานเดียวกับเชฟโรเลต คอร์เว็ตต์ ไม่เคยสร้างตัวเลขยอดขายที่ตรงตามเป้าที่แคดิลแล็กวางเอาไว้เลย โดยมียอดขายเฉลี่ย 1,000-2,000 คันต่อปีเท่านั้น ซึ่งเป็นเพราะไม่สามารถเบียดสู้กับคู่ปรับสำคัญอย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอสแอล แถมตัวเองยังมีราคาที่ค่อนข้างสูงถึง 86,215 เหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 3 ล้านบาท และทางแคดิลแล็กเองก็ยืนยันว่าจะผลักดันให้โปรเจ็กต์รุ่นคูเป้ของ CTS เดินหน้าออกสู่ตลาด เพราะมีแนวโน้มว่าจะขายง่ายและได้รับความนิยมมากกว่า
ส่วนทางด้าน S2000 ก็ประสบปัญหาคล้ายๆ กัน ซึ่งจริงอยู่ที่ว่าในช่วงแรกของการเปิดตัวในปี 1999 จะได้รับการยอมรับจากตลาด แต่ทว่ายอดขายในช่วงหลังปี 2006 เป็นต้นมาเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง แถมแนวโนม้ของรถสปอร์ตเปิดประทุนในสไตล์โรดสเตอร์ในตลาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาเริ่มลดน้อยลง โดยในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ถือเป็นครั้งแรกสำหรับ S2000 ที่มียอดขายต่อเดือนในเมืองลุงแซมในระดับน้อยกว่า 100 คัน
S2000 ถือเป็นรถสปอร์ตแบบขับเคลื่อนล้อหลังรุ่นแรกของฮอนด้านับจากการเปิดตัว NSX ในปี 1992 โดย 10 ปีที่ทำตลาดทั่วโลก มียอดขายสะสมประมาณ 110,673 คัน โดยตลาดหลักอยู่ในสหรัฐอเมริกา อีกทั้งการประกาศยุติการผลิตในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่สองแล้วที่ฮอนด้าล้มโครงการผลิตรถสปอร์ต เพราะกว่าก่อนหน้านี้ได้ประกาศว่าจะไม่เดินหน้าพัฒนาตัวแทนของ NSX ที่จะขายในสหรัฐอเมริกาภายใต้แบรนด์อาคูรา เพราะปัญหาในด้านต่างๆ รวมถึงเรื่องของความไม่มั่นใจในสภาพตลาดที่หดตัวลงเพราะเศรษฐกิจ
ทั้งฮอนด้าและแคดิลแล็กต่างยืนยันว่ารถสปอร์ตทั้ง 2 รุ่นจะยุติการผลิตหลังจากที่โมเดลปี 2009 ออกสู่ตลาด ซึ่งนั่นเท่ากับว่าจะไม่มีรุ่นเปลี่ยนโฉม หรือโมเดลเชนจ์ของรถสปอร์ตทั้ง 2 รุ่นออกมาสานต่อในตลาด เพราะที่ผ่านมาไม่สามารถทำยอดขายได้ตรงตามที่ต้องการ แถมบริษัทจำเป็นต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาพของตลาดในปีนี้ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจ
XLR ที่ถูกเปิดตัวออกมาปี 2004 พร้อมรูปลักษณ์สุดโฉบเฉี่ยว และเป็นรถสปอร์ตแบบ C+C ที่พัฒนาอยู่บนพื้นฐานเดียวกับเชฟโรเลต คอร์เว็ตต์ ไม่เคยสร้างตัวเลขยอดขายที่ตรงตามเป้าที่แคดิลแล็กวางเอาไว้เลย โดยมียอดขายเฉลี่ย 1,000-2,000 คันต่อปีเท่านั้น ซึ่งเป็นเพราะไม่สามารถเบียดสู้กับคู่ปรับสำคัญอย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอสแอล แถมตัวเองยังมีราคาที่ค่อนข้างสูงถึง 86,215 เหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 3 ล้านบาท และทางแคดิลแล็กเองก็ยืนยันว่าจะผลักดันให้โปรเจ็กต์รุ่นคูเป้ของ CTS เดินหน้าออกสู่ตลาด เพราะมีแนวโน้มว่าจะขายง่ายและได้รับความนิยมมากกว่า
ส่วนทางด้าน S2000 ก็ประสบปัญหาคล้ายๆ กัน ซึ่งจริงอยู่ที่ว่าในช่วงแรกของการเปิดตัวในปี 1999 จะได้รับการยอมรับจากตลาด แต่ทว่ายอดขายในช่วงหลังปี 2006 เป็นต้นมาเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง แถมแนวโนม้ของรถสปอร์ตเปิดประทุนในสไตล์โรดสเตอร์ในตลาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาเริ่มลดน้อยลง โดยในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ถือเป็นครั้งแรกสำหรับ S2000 ที่มียอดขายต่อเดือนในเมืองลุงแซมในระดับน้อยกว่า 100 คัน
S2000 ถือเป็นรถสปอร์ตแบบขับเคลื่อนล้อหลังรุ่นแรกของฮอนด้านับจากการเปิดตัว NSX ในปี 1992 โดย 10 ปีที่ทำตลาดทั่วโลก มียอดขายสะสมประมาณ 110,673 คัน โดยตลาดหลักอยู่ในสหรัฐอเมริกา อีกทั้งการประกาศยุติการผลิตในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่สองแล้วที่ฮอนด้าล้มโครงการผลิตรถสปอร์ต เพราะกว่าก่อนหน้านี้ได้ประกาศว่าจะไม่เดินหน้าพัฒนาตัวแทนของ NSX ที่จะขายในสหรัฐอเมริกาภายใต้แบรนด์อาคูรา เพราะปัญหาในด้านต่างๆ รวมถึงเรื่องของความไม่มั่นใจในสภาพตลาดที่หดตัวลงเพราะเศรษฐกิจ
