เหมือนกับผู้ผลิตรถยนต์นระดับหรูทั่วไป ที่ผ่านๆ มาแบรนด์ลินคอล์นในเครือฟอร์ดจึงมักจะไม่ค่อยให้ความสนใจและสำคัญกับตลาดรถยนต์ไซส์เล็กมากเท่าไร แต่ในยุคอนาคต ซึ่งราคาน้ำมันอาจจะพุ่งทะยานกลับมาติดลมบนอีกครั้ง และความต้องการของลูกค้าไม่ว่าจะระดับล่างหรือบนก็เบนเข็มมาที่รถยนต์ที่เล็กทั้งขนาดตัวถังและเครื่องยนต์
นั่นก็เลยทำให้ลินคอล์นพยายามฉีกตัวเองออกมา และทำในสิ่งที่แบรนด์รถยนต์หรูสัญชาติอเมริกันยังไม่เคยทำ ซึ่งก็คือ การพัฒนารถยนต์ขนาดเล็กระดับหรูออกมารองรับกับความต้องการของตลาด
C Concept ต้นแบบของลินคอล์นที่เปิดตัวในดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ เมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา คือ ผลผลิตล่าสุดของการแหวกกฎในการมองลงต่ำเพื่อเพิ่มทางเลือกในการทำตลาดเหมือนกับที่บีเอ็มดับเบิลยู และเมอร์เซเดส-เบนซ์เคยทำกับรุ่นซีรีส์ 1 และเอ/บี-คลาส แถมยังได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า
ตัวรถได้รับการพัฒนาอยู่บนพื้นตัวถังแบบเดียวกับฟอร์ด โฟกัสภายใต้แนวคิดที่เรียกว่า Big Luxury in Small Package ซึ่งเพียบพร้อมด้วยความหรูหราและภูมิฐานตามแบบฉบับของลินคอล์น แต่มีตัวถังที่กะทัดรัดและขับสนุกเหมือนกับรถยนต์ของฟอร์ด
‘บรรดาคนที่มีฐานะรุ่นใหม่ซึ่งอาศัยและทำงานอยู่ตามบริษัทใหญ่ในเมืองใหญ่ต่างก็ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมด้วยการมองหารถยนต์ขนาดที่เล็กลงมาใช้งาน แต่แน่นอนว่าพวกเขายังต้องการใช้ชีวิตที่อยู่บนความหรูหราต่อไป ซึ่งลินคอล์น C Concpet คือ คำตอบของทางออกเกี่ยวกับเรื่องนี้’ ปีเตอร์ ฮอร์บิวรี่ ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของฟอร์ด อเมริกากล่าว
นอกจากนั้นฮอร์บิวรี่ยังกล่าวอีกว่ากลุ่มลูกค้าเหล่านี้ต่างไม่สนใจขนาด และทุกอย่างที่พวกเขาพึงพอใจ คือ สิ่งที่มีขนาดเล็กที่ได้รับการออกแบบอย่างโดดเด่นและโดนใจ เรียกว่าต้องดูดีและมีสไตล์ เหมือนกับเครื่องเล่น MP3 iPod หรือกล้องดิจิตอลรุ่นใหม่ๆ และหลักการเดียวกันนี้ได้ถูกนำมาใช้กับการออกแบบรถยนต์รุ่นใหม่ๆ
C Concept ได้รับการออกแบบด้วยอิทธิพลการออกแบบรูปลักษณ์ด้านหน้าจากรถยนต์ที่ขายอยู่ในปัจจุบันของลินคอล์นไม่ว่าจะเป็น MKS, MKT, MKZ หรือ MKX ขณะที่ตัวถังมาแบบไร้เสากลาง และประตูเปิดออกให้ลักษณะของตู้กับข้าวเหมือนกับรุ่นคอนติเนนตัลรุ่นปี 1961 ทำให้ผู้โดยสารทั้งด้านหน้าและหลังสามารถออกจากห้องโดยสารได้อย่างสะดวก โดยที่ตัวรถมีความยาวใกล้เคียงกับรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็กต์ทั่วไป แต่มีตัวถังกว้างกว่า 2 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารออกแบบอย่างล้ำสมัยและเน้นความเรียบง่าย แผงมาตรวัดแสดงผลในแบบดิจิตอล และพวงมาลัยออกแบบให้ไม่มีก้านตรงกลาง ซึ่งทางลินคอล์นบอกว่ายังคงความสะดวกและกระชับในการจับเหมือนปกติ และตรงตำแหน่ง 3 และ 9 นาฬิกาของพวงมาลัยเป็นปุ่มควบคุมการเปลี่ยนระบบมัลติมีเดียต่างๆ ในตัวรถ ส่วนเบาะด้านหน้าออกแบบให้ยาวเป็นแถวยาวติดกันเหมือนรถยนต์อเมริกันรุ่นเก่าๆ
ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังในรหัส EcoBoost ซึ่งมั่นใจได้ว่าเพียบพร้อมด้วยสมรรถนะในการขับเคลื่อน และขณะเดียวกันก็สามารถตอบสนองในด้านความประหยัด มีความจุเพียง 1,600 ซีซี แต่เมื่อติดตั้งเทอร์โบเข้าไปทำให้สามารถรีดกำลังออกมาได้ 180 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 24.8 กก.-ม. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะแบบ Dual Shift พร้อมความประหยัดน้ำมันในระดับ 17.4 กิโลเมตรต่อลิตรสำหรับการขับนอกเมือง
สำหรับโอกาสในการขึ้นไลน์ผลิต ดูเหมือนว่าทางลินคอล์นจะยังไม่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ถ้าดูจากแนวโน้มของตลาด และความเป็นไปตามวงจรที่เคยเป็นของลินคอล์นแล้วทำให้มีความเชื่อมั่นว่า ต้นแบบรุ่นนี้น่าจะมีโอกาสขึ้นไลน์ผลิตสูง เพราะรถยนต์ที่ขายอยู่ในปัจจุบันของลินคอล์น ต่างก็เป็นผลผลิตที่มาจากต้นแบบเสียเป็นส่วนใหญ่