พร้อมๆ กับการเปิดตัวของฮอนด้า อินไซท์ในงานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2009 ในประเทศสหรัฐอเมริกา โตโยต้าจัดการส่งโฉมใหม่ในแบบโมเดลเชนจ์ของพริอุส ยานยนต์ที่ได้ชื่อว่าเป็นรถยนต์ไฮบริดในไลน์ผลิตรุ่นแรกของโลกออกมาเพิ่มดีกรีความดุเดือดของการแข่งขันในตลาดรถยนต์พลังงานลูกผสม พร้อมความเปลี่ยนแปลงในเรื่องรายละเอียดทางเทคนิคที่ถูกปรับแต่งให้เหนือระดับขึ้นจาก 2 เจนเนอเรชันที่ผ่านมา
รุ่นแรกถูกเปิดตัวออกมาในปี 1997 พร้อมกับสร้างความฮือฮาได้ไม่น้อย เพราะว่าเป็นรถยนต์ไฮบริดแบบ Mass production รุ่นแรกของโลก โดยในช่วงแรกจำกัดตลาดอยู่แค่ในญี่ปุ่นก่อนที่จะขยายตลาดออกสู่สหรัฐอเมริกาในปี 2000 และได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่นี่อย่างมาก ก่อนที่จะมีการเปิดตัวรุ่นที่ 2 ออกมาในปี 2004 พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของตัวถัง ซึ่งพริอุสถูกเปลี่ยนจากซีดาน 4 ประตูมาเป็นแฮทช์แบ็ก 5 ประตูที่มีขนาดตัวถังใหญ่ขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับรถยนต์คอมแพ็กต์ และตัวระบบไฮบริดก็ได้รับการปรับปรุงให้มีสมรรถนะทั้งความแรงและความประหยัดน้ำมันดีขึ้น
พริอุสถือเป็นรถยนต์ไฮบริดที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าทั่วโลกเป็นอย่างดี และมีส่วนอย่างมากในการผลักดันให้โตโยต้าสามารถทำสถิติเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกของโลกที่ขายรถยนต์ไฮบริดถึงหลัก 1 ล้านคันในวันที่ 7 มิถุนายน 2007 (โดย 757,600 คันเป็นยอดขายของพริอุส) ก่อนที่ตัวพริอุสเองจะทำยอดขายสะสมทั้ง 2 เจนเนอเรชันรวม 1 ล้านคันในเดือนพฤษภาคม 2008 โดยในปัจจุบัน นอกจากสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นแล้ว โตโยต้าส่งพริอุสเจาะตลาดทั่วโลกรวมแล้วกว่า 40 ประเทศ
สำหรับรุ่นใหม่ซึ่งเป็นเจนเนอเรชันที่ 3 มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงในเชิงวิศวกรรม เช่นเดียวกับแนวคิดในการทำตลาด เพราะว่าโตโยต้าเพิ่มโอกาสในการทำตลาดแบบไม่ต้องลงทุนมากด้วยการพัฒนารถยนต์ไฮบริดแบบ 4 ประตูที่ใช้พื้นฐานทางวิศวกรรมเดียวกับพริอุสรุ่นนี้ (แต่ขุมพลังไฮบริดคนละแบบกัน) ออกมาขายในตลาดโดยใช้ชื่อเล็กซัส HS250h เรียกว่าตลาดคนทั่วไปก็นำทัพโดยพริอุส ส่วนพวกลูกค้าระดับหรูก็ยกหน้าที่ให้เล็กซัส
ขนาดตัวถังยังเหมือนเดิมเป็นแบบแฮทช์แบ็ก 5 ประตูที่มีรูปทรงคล้ายเดิมอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อมองจากทางด้านท้าย แต่ความจริงเป็นรุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่หมดทั้งคัน พร้อมกับการออกแบบให้มีความเพรียวลมด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน หรือ Cd เพียง 0.25 ตัวถังมีความยาว 4,460 มิลลิเมตร กว้าง 1,744 มิลลิเมตร สูง 1,490 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อเท่าเดิมที่ 2,700 มิลลิเมตร
ใครที่คาดหวังว่าพริอุสใหม่จะฉีกแนวด้วยการเปลี่ยนจาก Fully Hybrid มาเป็นแบบ Plug-in Hybrid ซึ่งสามารถเสียบปลั๊กเข้ากับไฟบ้านเพื่อชาร์จกระแสไฟฟ้าได้ คงต้องผิดหวัง เพราะจริงอยู่ที่ในปลายอายุการทำตลาดของรุ่นที่แล้ว โตโยต้ากำลังนำระบบนี้ออกทดสอบในยุโรป แต่ก็ยังไม่สามารถพัฒนาเพื่อนำมาใช้งานได้ทันกับพริอุสรุ่นนี้ และนั่นทำให้แบตเตอรี่ที่ใช้ในระบบก็ยังเป็นแบบนิเกล เมทัล ไฮดราย ไม่ใช่แบตเตอรี่รุ่นใหม่แบบไฮเทคอย่างลิเธียม-ไออน
ระบบไฮบริดแบบ Hybrid Synergy Drive หรือ HSD ตอบสนองความเร้าใจด้วยการขยับเครื่องยนต์สันดาปภายในจากเดิมแบบ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVT-i ที่มีความจุ 1,500 ซีซีมาเป็น 1,800 ซีซี 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.5 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบแม่เหล็กถาวร มีกำลังสูงสุด 80 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 21.1 กก.-ม. แต่เมื่อรวมการทำงานของทั้ง 2 ส่วนเข้าด้วยกัน ขุมพลังไฮบริดรุ่นนี้สามารถตอบสนองกำลังสูงสุดได้ 134 แรงม้า ใช้เวลา 9.8 วินาทีในการทำอัตราเร่งจาก 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT สู่การขับเคลื่อนแบบล้อหน้า และมีระดับการปลดปล่อยไอเสียออกสู่อากาศตามมาตรฐาน SULEV หรือ Super Ultra Low Emission Vehicle โดยมีค่าความประหยัดน้ำมันเฉลี่ยที่ 20.3 กิโลเมตร/ลิตรสำหรับการขับแบบผสมจากการทดสอบของ EPA ซึ่งตัวเลขดีกว่า 2 เจนเนอเรชันที่ผ่านมา
พริอุสถือเป็นรถยนต์แบบไฮบิดเต็มรูปแบบที่เรียกกันว่า Fully Hybrid โดยในบางจังหวะสามารถขับเคลื่อนโดยอาศัยพลังจากเครื่องยนต์ หรือมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวก็ได้ หรือว่าจะให้ทั้ง 2 อย่างทำงานร่วมกันก็ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับการประมวลผลและการตัดสินใจของกล่องสมองกลที่ควบคุมการทำงาน แต่สำหรับรุ่นใหม่มีความเหนือชั้นกว่า
เพราะโตโยต้าจัดการติดตั้งปุ่ม EV Drive Mode มาให้ สำหรับให้ลูกค้าเลือกขับเคลื่อนโดยอาศัยกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว แต่ก็ยังมีข้อจำกัด เพราะว่าสามารถแล่นได้เฉพาะในช่วงความเร็วต่ำ และแล่นได้ไม่เกิน 1 ไมล์ หรือ 1.609 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับกระแสไฟฟ้าที่อยู่ในแบตเตอรี่
อีกทั้งยังมีโหมดอื่นให้เลือกใช้งาน เช่น Power Mode สำหรับรีดกำลังจากเครื่องยนต์ ด้วยการเพิ่มความไวในการทำงานของลิ้นปีกผีเสื้อ ที่ตอบสนองได้ทันกับการกดคันเร่ง หรือ Eco Mode สำหรับเน้นความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
โตโยต้าส่งพริอุสใหม่ทำตลาดทั่วโลกแน่นอน โดยในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2009 เดือนมีนาคมนี้จะเผยโฉมสเปกยุโรปออกมา และจะเริ่มส่งมอบให้กับลูกค้าได้ในช่วงกลางปีนี้ โดยในปี 2010 ซึ่งเป็นปีแรกที่พริอุสทำตลาดแบบเต็มปี โตโยต้าตั้งเป้าเอาไว้สูงถึง 400,000 คันเลยทีเดียว และแน่นอนว่าคู่แข่งสำคัญหนีไม่พ้นฮอนด้า อินไซท์ใหม่ที่จะเริ่มขายทั่วโลกในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน
รุ่นแรกถูกเปิดตัวออกมาในปี 1997 พร้อมกับสร้างความฮือฮาได้ไม่น้อย เพราะว่าเป็นรถยนต์ไฮบริดแบบ Mass production รุ่นแรกของโลก โดยในช่วงแรกจำกัดตลาดอยู่แค่ในญี่ปุ่นก่อนที่จะขยายตลาดออกสู่สหรัฐอเมริกาในปี 2000 และได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่นี่อย่างมาก ก่อนที่จะมีการเปิดตัวรุ่นที่ 2 ออกมาในปี 2004 พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของตัวถัง ซึ่งพริอุสถูกเปลี่ยนจากซีดาน 4 ประตูมาเป็นแฮทช์แบ็ก 5 ประตูที่มีขนาดตัวถังใหญ่ขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับรถยนต์คอมแพ็กต์ และตัวระบบไฮบริดก็ได้รับการปรับปรุงให้มีสมรรถนะทั้งความแรงและความประหยัดน้ำมันดีขึ้น
พริอุสถือเป็นรถยนต์ไฮบริดที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าทั่วโลกเป็นอย่างดี และมีส่วนอย่างมากในการผลักดันให้โตโยต้าสามารถทำสถิติเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกของโลกที่ขายรถยนต์ไฮบริดถึงหลัก 1 ล้านคันในวันที่ 7 มิถุนายน 2007 (โดย 757,600 คันเป็นยอดขายของพริอุส) ก่อนที่ตัวพริอุสเองจะทำยอดขายสะสมทั้ง 2 เจนเนอเรชันรวม 1 ล้านคันในเดือนพฤษภาคม 2008 โดยในปัจจุบัน นอกจากสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นแล้ว โตโยต้าส่งพริอุสเจาะตลาดทั่วโลกรวมแล้วกว่า 40 ประเทศ
สำหรับรุ่นใหม่ซึ่งเป็นเจนเนอเรชันที่ 3 มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงในเชิงวิศวกรรม เช่นเดียวกับแนวคิดในการทำตลาด เพราะว่าโตโยต้าเพิ่มโอกาสในการทำตลาดแบบไม่ต้องลงทุนมากด้วยการพัฒนารถยนต์ไฮบริดแบบ 4 ประตูที่ใช้พื้นฐานทางวิศวกรรมเดียวกับพริอุสรุ่นนี้ (แต่ขุมพลังไฮบริดคนละแบบกัน) ออกมาขายในตลาดโดยใช้ชื่อเล็กซัส HS250h เรียกว่าตลาดคนทั่วไปก็นำทัพโดยพริอุส ส่วนพวกลูกค้าระดับหรูก็ยกหน้าที่ให้เล็กซัส
ขนาดตัวถังยังเหมือนเดิมเป็นแบบแฮทช์แบ็ก 5 ประตูที่มีรูปทรงคล้ายเดิมอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อมองจากทางด้านท้าย แต่ความจริงเป็นรุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่หมดทั้งคัน พร้อมกับการออกแบบให้มีความเพรียวลมด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน หรือ Cd เพียง 0.25 ตัวถังมีความยาว 4,460 มิลลิเมตร กว้าง 1,744 มิลลิเมตร สูง 1,490 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อเท่าเดิมที่ 2,700 มิลลิเมตร
ใครที่คาดหวังว่าพริอุสใหม่จะฉีกแนวด้วยการเปลี่ยนจาก Fully Hybrid มาเป็นแบบ Plug-in Hybrid ซึ่งสามารถเสียบปลั๊กเข้ากับไฟบ้านเพื่อชาร์จกระแสไฟฟ้าได้ คงต้องผิดหวัง เพราะจริงอยู่ที่ในปลายอายุการทำตลาดของรุ่นที่แล้ว โตโยต้ากำลังนำระบบนี้ออกทดสอบในยุโรป แต่ก็ยังไม่สามารถพัฒนาเพื่อนำมาใช้งานได้ทันกับพริอุสรุ่นนี้ และนั่นทำให้แบตเตอรี่ที่ใช้ในระบบก็ยังเป็นแบบนิเกล เมทัล ไฮดราย ไม่ใช่แบตเตอรี่รุ่นใหม่แบบไฮเทคอย่างลิเธียม-ไออน
ระบบไฮบริดแบบ Hybrid Synergy Drive หรือ HSD ตอบสนองความเร้าใจด้วยการขยับเครื่องยนต์สันดาปภายในจากเดิมแบบ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVT-i ที่มีความจุ 1,500 ซีซีมาเป็น 1,800 ซีซี 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.5 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบแม่เหล็กถาวร มีกำลังสูงสุด 80 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 21.1 กก.-ม. แต่เมื่อรวมการทำงานของทั้ง 2 ส่วนเข้าด้วยกัน ขุมพลังไฮบริดรุ่นนี้สามารถตอบสนองกำลังสูงสุดได้ 134 แรงม้า ใช้เวลา 9.8 วินาทีในการทำอัตราเร่งจาก 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT สู่การขับเคลื่อนแบบล้อหน้า และมีระดับการปลดปล่อยไอเสียออกสู่อากาศตามมาตรฐาน SULEV หรือ Super Ultra Low Emission Vehicle โดยมีค่าความประหยัดน้ำมันเฉลี่ยที่ 20.3 กิโลเมตร/ลิตรสำหรับการขับแบบผสมจากการทดสอบของ EPA ซึ่งตัวเลขดีกว่า 2 เจนเนอเรชันที่ผ่านมา
พริอุสถือเป็นรถยนต์แบบไฮบิดเต็มรูปแบบที่เรียกกันว่า Fully Hybrid โดยในบางจังหวะสามารถขับเคลื่อนโดยอาศัยพลังจากเครื่องยนต์ หรือมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวก็ได้ หรือว่าจะให้ทั้ง 2 อย่างทำงานร่วมกันก็ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับการประมวลผลและการตัดสินใจของกล่องสมองกลที่ควบคุมการทำงาน แต่สำหรับรุ่นใหม่มีความเหนือชั้นกว่า
เพราะโตโยต้าจัดการติดตั้งปุ่ม EV Drive Mode มาให้ สำหรับให้ลูกค้าเลือกขับเคลื่อนโดยอาศัยกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว แต่ก็ยังมีข้อจำกัด เพราะว่าสามารถแล่นได้เฉพาะในช่วงความเร็วต่ำ และแล่นได้ไม่เกิน 1 ไมล์ หรือ 1.609 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับกระแสไฟฟ้าที่อยู่ในแบตเตอรี่
อีกทั้งยังมีโหมดอื่นให้เลือกใช้งาน เช่น Power Mode สำหรับรีดกำลังจากเครื่องยนต์ ด้วยการเพิ่มความไวในการทำงานของลิ้นปีกผีเสื้อ ที่ตอบสนองได้ทันกับการกดคันเร่ง หรือ Eco Mode สำหรับเน้นความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
โตโยต้าส่งพริอุสใหม่ทำตลาดทั่วโลกแน่นอน โดยในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2009 เดือนมีนาคมนี้จะเผยโฉมสเปกยุโรปออกมา และจะเริ่มส่งมอบให้กับลูกค้าได้ในช่วงกลางปีนี้ โดยในปี 2010 ซึ่งเป็นปีแรกที่พริอุสทำตลาดแบบเต็มปี โตโยต้าตั้งเป้าเอาไว้สูงถึง 400,000 คันเลยทีเดียว และแน่นอนว่าคู่แข่งสำคัญหนีไม่พ้นฮอนด้า อินไซท์ใหม่ที่จะเริ่มขายทั่วโลกในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน