แม้ภาพรวมของเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาจะตกต่ำ แถมตลาดรถยนต์เองก็ยังยืนอยู่ปากเหว ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะเพิ่งผ่านเงินช่วยเหลือฉุกเฉินจำนวนหนึ่งเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับทางจีเอ็ม หรือเจนเนอรัล มอเตอร์ส และไครสเลอร์ไปเมื่อปลายเดือนธันวาคมนี้เพื่อประคองสถานการณ์ไม่ให้เลวร้ายลงไปอีก
แต่ทุกอย่างก็ต้องดำเนินต่อไป และดีทรอยต์ ออโตโชว์ หรือ NAIAS (North American International Auto Show) ในปีนี้ก็ยังมีสีสันและความแปลกใหม่ออกมาบรรเทาความทุกข์ของอุตสาหกรรมรถยนต์เมืองลุงแซม
รายละเอียดหลักๆ ของงานยังเหมือนเดิม รอบสื่อมวลชนมีขึ้นในระหว่างวันที่ 11-13 มกราคม ตามด้วย 14-15 เป็นรอบ Industry Preview สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมรถยนต์ วันที่ 16 เป็นรอบการกุศล หรือ Charity Preview ส่วนคนทั่วไปจะมีโอกาสเข้าชมได้ในระหว่างวันที่ 17-25 มกราคม
งานนี้ยัง ใช้อาคาร Cobo Hall ในเมืองดีทรอยต์เป็นถานที่จัดแสดง ซึ่งในตอนแรกมีข่าวว่าทางผู้จัด NAIAS กำลังสนใจที่จะย้ายงานออกไปจัดที่อื่น เพราะความพร้อมในเรื่องสถานที่ของ Cobo Hall ไม่สามารถรองรับกับตัวงานในปัจจุบันที่มีแนวโน้มขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนั้นปัญหาหนึ่งที่ทำให้ผู้จัดงานนี้เริ่มได้รับผลกระทบคือ ผู้ผลิตรถยนต์เริ่มหันมาจัดอันดับความสำคัญของตลาดตัวเองในสหรัฐอเมริกากันใหม่ โดยเริ่มยกระดับความสำคัญในเชิงการตลาดให้กับงานอย่างแอลเอ ชิคาโก้ และนิวยอร์กขึ้นมาแทน และไม่สนใจประวัติความเป็นมาและความสำคัญของดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์อีกแล้ว
อย่างพอร์ชก็ประกาศถอนตัวไม่เข้าร่วมจัดงานในดีทรอยต์ปี 2009 เพราะว่าตลาดรถยนต์ของตัวเองในเมืองนี้ไม่ได้มีมากมายอะไร สู้ที่ชิคาโก้ หรือแอลเอไม่ได้ แต่นั่นทำให้ผู้ผลิตรถยนต์หลายราย เช่น ซูซูกิ, มิตซูบิชิ, เฟอร์รารี่, และแลนด์โรเวอร์ ประกาศไม่เข้าร่วมงานด้วยเช่นกัน
นั่นคือปัญหาที่เกิดขึ้นสำหรับดีทรอยต์ในปี 2009
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแบรนด์หลักๆ ก็ยังมาร่วมงานกันมากหน้าหลายตาเหมือนเดิม และแน่นอนว่าไม่ได้มามือเปล่า เพราะหลายต่อหลายค่ายยังมองว่ายังไงงานนี้ก็มีความสำคัญ และมีการนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ โดย เฉพาะพวกต้นแบบมาจัดแสดงกันหลายต่อหลายรุ่น
ส่วนเจ้าบ้านอย่างบิ๊กทรีในอุตสาหกรรมรถยนต์อเมริกันอย่างจีเอ็ม หรือเจนเนอรัล มอเตอร์ส, ฟอร์ด มอเตอร์ส และไครสเลอร์มีอะไรบ้างลองมาดูกัน
จีเอ็ม : ถ้าเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านๆ มา จริงอยู่ที่ในปีนี้จีเอ็มและบริษัทในเครือจะมี ‘ของใหม่’ มาเปิดตัวน้อยจนผิดหูผิดตา แต่ถ้าพิจารณาโดยยึดปัจจัยในเรื่องวิกฤตที่เกิดขึ้น ‘ของใหม่’ ในปีนี้เข้ามาร่วมด้วย ก็ถือว่า ยังสร้างสีสันและความตื่นตาตื่นใจให้กับงานนี้ได้พอสมควร แม้บางรุ่นจะถูกเปิดตัวออกมาในงานนอกรอบให้เห็นก่อนหน้างานนี้จะเริ่มขึ้นก็ตาม
สำหรับต้นแบบที่เรียกว่าใหม่จริงๆ เห็นจะเป็นแคดิลแล็กกับต้นแบบที่ชื่อแปลกอย่างคอนเวิร์จ (Converj) กับสไตล์สปอร์ตสวยล้ำสมัย กับการขับเคลื่อนภายใต้แนวคิดแบบ E-REV Extended Range Electric Vehicle แบบเดียวกับเชฟโรเลต โวลต์ คือ เป็นรถยนต์พลังไฟฟ้าแบบที่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในช่วยในการทำงานเพื่อเพิ่มศักยภาพในการเดินทาง ขณะที่สมรรถนะก็พอตัวเพราะว่าทำความเร็วปลายได้ถึง 170 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ในกลุ่มรถยนต์ที่เตรียมขายจริง ที่ใหม่จริงๆ ก็คือ แคดิลแล็ก เอสอาร์เอ็กซ์ ซึ่งจะมาพร้อมกับความเปลี่ยน แปลง เพราะใช้พื้นตัวถังรุ่น Theta ซึ่งเป็นแบบขับเคลื่อนล้อหน้าร่วมกับเพื่อนร่วมเครืออย่างซาบ 9-4X ขณะที่รุ่นเดิมใช้พื้นตัวถังแบบ Sigma แบบพื้นฐานแบบขับเคลื่อนล้อหลัง ในเรื่องงานออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกถอดแบบมาจากต้นแบบรุ่น Provoq ที่เปิดตัวเมื่อต้นปี 2008 ตัวถังแบบ 5 ประตูมีขนาด 4,572 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,902 มิลลิเมตร
ส่วนค่ายเชฟโรเลตคอนเฟิร์มว่าจะส่งออร์แลนโด รถยนต์อเนกประสงค์ที่ใช้พื้นฐานเดียวกับครูซเข้ามาขายในสหรัฐอเมริกาช่วงปี 2011 พร้อมกับรถยนต์ขนาดเล็กในระดับซับคอมแพ็กต์ที่พัฒนามาจากต้นแบบรุ่นบีท เพียงแต่คราวนี้เปลี่ยนมาใช้ชื่อสปาร์คแทน ส่วนเอควิน็อกซ์มีขายแน่ปลายปีนี้ พร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ 2,400 ซีซี 182 แรงม้า และวี6 3,000 ซีซี 255 แรงม้าที่เป็นแบบไดเร็กต์อินเจ็กชัน หรือ Di
ทางฝั่งบูอิกเดินหน้าลุยตลาดรถยนต์อีกครั้งด้วยรุ่นลาครอสส์ใหม่ เน้นความสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวภายใต้การขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อตลอดเวลา พร้อมเครื่องยนต์วี6 สุดประหยัดทั้งแบบ 3,000 ซีซี 255 แรงม้า และ 3,600 ซีซี 280 แรงม้า
ฟอร์ด : เน้นการจัดแสดงไปที่รถยนต์ในไลน์ผลิตเป็นหลักพร้อมกับการเปิดตัว ทอรัส ใหม่ เพื่อเดินหน้าลุยตลาดรถยนต์ครอบครัว และดูเหมือนว่าทอรัสใหม่จะเมินการชิงบัลลังก์คืนจากโตโยต้า คัมรี่ และฮอนด้า แอคคอร์ด เพราะว่าฟอร์ดอัพตลาดให้สูงขึ้นไปและหวังแข่งขันกับกลุ่มที่สูงกว่าโดยมีคู่แข่งอย่างโตโยต้า อะวาลอน, นิสสัน แม็กซิมา, พอนติแอค จี8 และไครสเลอร์ 300
ทอรัสใหม่มากับเรือนร่างที่ใหญ่และดูสปอร์ตขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าอีกสิ่งที่ต่างไปจากเดิมคือการติดตั้งเครื่องยนต์บล็อกใหญ่อย่างวี6 3,500 ซีซี 268 แรงม้าเป็นขุมพลัง ส่วนเวอร์ชัน EcoBoost ที่จะเน้นความประหยัดจะตามมาในอนาคต โดยราคาของทอรัสใหม่ ฟอร์ดตั้งเอาไว้ที่ 25,995 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 910,000 บาท
ในกลุ่มรถสปอร์ตก็เผยโฉมเวอร์ชัน GT500 ที่ผ่านการโมดิฟายโดยแคร์โรลล์ เชลบี้ ซึ่งจะรุกตลาดทั้งตัวถังคูเป้ และเปิดประทุนโดยใช้พื้นฐานของมัสแตงรุ่นปรับโฉมที่เพิ่งเปิดตัวไปในปลายปี 2008 พร้อมความเร้าใจของเครื่องยนต์วี8 5,400 ซีซีจับคู่กับซูเปอร์ชาร์จ 540 แรงม้าพกอัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 4.5 วินาที และความเร็วปลายทะลุ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ลินคอล์นเป็นอีกค่ายของฟอร์ดที่มีความเคลื่อนไหวในงานนี้ โดยเริ่มกับการเปิดตัวต้นแบบรุ่นใหม่ในชื่อคอนเซ็ปต์ ซี บนตัวถังแบบแฮทช์แบ็ก 5 ประตูที่ได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานเดียวกับรถยนต์คอมแพ็กต์อย่างโฟกัส ส่วนเรื่องความเป็นไปได้ในการผลิต ดูเหมือนว่าจะมีแนวโน้มค่อนข้างสูง หลังจากที่รถยนต์ขนาดเล็กเริ่มได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้าชาวอเมริกันมากขึ้น
ส่วนรถยนต์ในไลน์ผลิต เปิดตัวรุ่น MKS ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบ EcoBoost วางขุมพลังวี6 3,500 ซีซี ทวินเทอร์โบที่รีดกำลังออกมาได้ 355 แรงม้า แต่ให้ความประหยัดน้ำมันพอตัว กับตัวเลขประมาณ 11 กิโลเมตรต่อลิตรสำหรับการขับนอกเมือง ส่วนอีกรุ่นเป็นรถยนต์อเนกประสงค์รุ่นใหม่ MKT ออกแนวมินิแวนแบบ 7 ที่นั่งกับเครื่องยนต์วี6 แบบ EcoBoost บล็อกเดียวกับ MKS และวี6 3,700 ซีซี 268 แรงม้า
ไครสเลอร์ : กลายเป็นแบรนด์ที่เน้นการเจาะตลาดรถยนต์พลังไฟฟ้าไปแล้ว เพราะนอกจาก 3 ใบเถาจากโปรเจ็กต์ EV ทั้งรถสปอร์ตที่จะขายผ่านยี่ห้อดอดจ์ (แต่ตัวรถเป็นของโลตัส) ตามด้วยเอสยูวีอย่างจี๊ป เพทริออต และไครสเลอร์ มินิแวนที่เปิดตัวมาแล้วเมื่อปลายปี 2008 แล้ว งานนี้ไครสเลอร์ยังมีผลผลิตใหม่ในแบบซีดาน 4 ประตูมาจัดแสดง
ซีดานรุ่นใหญ่คันนี้มาในชื่อ 200ซีด้วยรูปลักษณ์ที่สวยสะดุดตากับตัวถังที่มีขนาดใกล้เคียงกับบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 พร้อมติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 268 แรงม้าสำหรับการขับเคลื่อน และมีเครื่องยนต์เบนซินขนาดเล็กสำหรับชาร์จกระแสไฟฟ้าภายใต้รูปแบบของรถยนต์ในสไตล์ E-REV
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการคอนเฟิร์มว่าสุดท้ายแล้วจะผลิตออกขายในรูปแบบไหน เป็นแบบเครื่องยนต์ธรรมดา หรือว่าจะเป็นแบบ EV หรือว่าจะมีให้เลือกทั้ง 2 แบบ...
ติดตามต่อตอนหน้า...ของดีจากผู้มาเยือน
แต่ทุกอย่างก็ต้องดำเนินต่อไป และดีทรอยต์ ออโตโชว์ หรือ NAIAS (North American International Auto Show) ในปีนี้ก็ยังมีสีสันและความแปลกใหม่ออกมาบรรเทาความทุกข์ของอุตสาหกรรมรถยนต์เมืองลุงแซม
รายละเอียดหลักๆ ของงานยังเหมือนเดิม รอบสื่อมวลชนมีขึ้นในระหว่างวันที่ 11-13 มกราคม ตามด้วย 14-15 เป็นรอบ Industry Preview สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมรถยนต์ วันที่ 16 เป็นรอบการกุศล หรือ Charity Preview ส่วนคนทั่วไปจะมีโอกาสเข้าชมได้ในระหว่างวันที่ 17-25 มกราคม
งานนี้ยัง ใช้อาคาร Cobo Hall ในเมืองดีทรอยต์เป็นถานที่จัดแสดง ซึ่งในตอนแรกมีข่าวว่าทางผู้จัด NAIAS กำลังสนใจที่จะย้ายงานออกไปจัดที่อื่น เพราะความพร้อมในเรื่องสถานที่ของ Cobo Hall ไม่สามารถรองรับกับตัวงานในปัจจุบันที่มีแนวโน้มขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนั้นปัญหาหนึ่งที่ทำให้ผู้จัดงานนี้เริ่มได้รับผลกระทบคือ ผู้ผลิตรถยนต์เริ่มหันมาจัดอันดับความสำคัญของตลาดตัวเองในสหรัฐอเมริกากันใหม่ โดยเริ่มยกระดับความสำคัญในเชิงการตลาดให้กับงานอย่างแอลเอ ชิคาโก้ และนิวยอร์กขึ้นมาแทน และไม่สนใจประวัติความเป็นมาและความสำคัญของดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์อีกแล้ว
อย่างพอร์ชก็ประกาศถอนตัวไม่เข้าร่วมจัดงานในดีทรอยต์ปี 2009 เพราะว่าตลาดรถยนต์ของตัวเองในเมืองนี้ไม่ได้มีมากมายอะไร สู้ที่ชิคาโก้ หรือแอลเอไม่ได้ แต่นั่นทำให้ผู้ผลิตรถยนต์หลายราย เช่น ซูซูกิ, มิตซูบิชิ, เฟอร์รารี่, และแลนด์โรเวอร์ ประกาศไม่เข้าร่วมงานด้วยเช่นกัน
นั่นคือปัญหาที่เกิดขึ้นสำหรับดีทรอยต์ในปี 2009
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแบรนด์หลักๆ ก็ยังมาร่วมงานกันมากหน้าหลายตาเหมือนเดิม และแน่นอนว่าไม่ได้มามือเปล่า เพราะหลายต่อหลายค่ายยังมองว่ายังไงงานนี้ก็มีความสำคัญ และมีการนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ โดย เฉพาะพวกต้นแบบมาจัดแสดงกันหลายต่อหลายรุ่น
ส่วนเจ้าบ้านอย่างบิ๊กทรีในอุตสาหกรรมรถยนต์อเมริกันอย่างจีเอ็ม หรือเจนเนอรัล มอเตอร์ส, ฟอร์ด มอเตอร์ส และไครสเลอร์มีอะไรบ้างลองมาดูกัน
จีเอ็ม : ถ้าเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านๆ มา จริงอยู่ที่ในปีนี้จีเอ็มและบริษัทในเครือจะมี ‘ของใหม่’ มาเปิดตัวน้อยจนผิดหูผิดตา แต่ถ้าพิจารณาโดยยึดปัจจัยในเรื่องวิกฤตที่เกิดขึ้น ‘ของใหม่’ ในปีนี้เข้ามาร่วมด้วย ก็ถือว่า ยังสร้างสีสันและความตื่นตาตื่นใจให้กับงานนี้ได้พอสมควร แม้บางรุ่นจะถูกเปิดตัวออกมาในงานนอกรอบให้เห็นก่อนหน้างานนี้จะเริ่มขึ้นก็ตาม
สำหรับต้นแบบที่เรียกว่าใหม่จริงๆ เห็นจะเป็นแคดิลแล็กกับต้นแบบที่ชื่อแปลกอย่างคอนเวิร์จ (Converj) กับสไตล์สปอร์ตสวยล้ำสมัย กับการขับเคลื่อนภายใต้แนวคิดแบบ E-REV Extended Range Electric Vehicle แบบเดียวกับเชฟโรเลต โวลต์ คือ เป็นรถยนต์พลังไฟฟ้าแบบที่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในช่วยในการทำงานเพื่อเพิ่มศักยภาพในการเดินทาง ขณะที่สมรรถนะก็พอตัวเพราะว่าทำความเร็วปลายได้ถึง 170 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ในกลุ่มรถยนต์ที่เตรียมขายจริง ที่ใหม่จริงๆ ก็คือ แคดิลแล็ก เอสอาร์เอ็กซ์ ซึ่งจะมาพร้อมกับความเปลี่ยน แปลง เพราะใช้พื้นตัวถังรุ่น Theta ซึ่งเป็นแบบขับเคลื่อนล้อหน้าร่วมกับเพื่อนร่วมเครืออย่างซาบ 9-4X ขณะที่รุ่นเดิมใช้พื้นตัวถังแบบ Sigma แบบพื้นฐานแบบขับเคลื่อนล้อหลัง ในเรื่องงานออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกถอดแบบมาจากต้นแบบรุ่น Provoq ที่เปิดตัวเมื่อต้นปี 2008 ตัวถังแบบ 5 ประตูมีขนาด 4,572 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,902 มิลลิเมตร
ส่วนค่ายเชฟโรเลตคอนเฟิร์มว่าจะส่งออร์แลนโด รถยนต์อเนกประสงค์ที่ใช้พื้นฐานเดียวกับครูซเข้ามาขายในสหรัฐอเมริกาช่วงปี 2011 พร้อมกับรถยนต์ขนาดเล็กในระดับซับคอมแพ็กต์ที่พัฒนามาจากต้นแบบรุ่นบีท เพียงแต่คราวนี้เปลี่ยนมาใช้ชื่อสปาร์คแทน ส่วนเอควิน็อกซ์มีขายแน่ปลายปีนี้ พร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ 2,400 ซีซี 182 แรงม้า และวี6 3,000 ซีซี 255 แรงม้าที่เป็นแบบไดเร็กต์อินเจ็กชัน หรือ Di
ทางฝั่งบูอิกเดินหน้าลุยตลาดรถยนต์อีกครั้งด้วยรุ่นลาครอสส์ใหม่ เน้นความสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวภายใต้การขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อตลอดเวลา พร้อมเครื่องยนต์วี6 สุดประหยัดทั้งแบบ 3,000 ซีซี 255 แรงม้า และ 3,600 ซีซี 280 แรงม้า
ฟอร์ด : เน้นการจัดแสดงไปที่รถยนต์ในไลน์ผลิตเป็นหลักพร้อมกับการเปิดตัว ทอรัส ใหม่ เพื่อเดินหน้าลุยตลาดรถยนต์ครอบครัว และดูเหมือนว่าทอรัสใหม่จะเมินการชิงบัลลังก์คืนจากโตโยต้า คัมรี่ และฮอนด้า แอคคอร์ด เพราะว่าฟอร์ดอัพตลาดให้สูงขึ้นไปและหวังแข่งขันกับกลุ่มที่สูงกว่าโดยมีคู่แข่งอย่างโตโยต้า อะวาลอน, นิสสัน แม็กซิมา, พอนติแอค จี8 และไครสเลอร์ 300
ทอรัสใหม่มากับเรือนร่างที่ใหญ่และดูสปอร์ตขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าอีกสิ่งที่ต่างไปจากเดิมคือการติดตั้งเครื่องยนต์บล็อกใหญ่อย่างวี6 3,500 ซีซี 268 แรงม้าเป็นขุมพลัง ส่วนเวอร์ชัน EcoBoost ที่จะเน้นความประหยัดจะตามมาในอนาคต โดยราคาของทอรัสใหม่ ฟอร์ดตั้งเอาไว้ที่ 25,995 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 910,000 บาท
ในกลุ่มรถสปอร์ตก็เผยโฉมเวอร์ชัน GT500 ที่ผ่านการโมดิฟายโดยแคร์โรลล์ เชลบี้ ซึ่งจะรุกตลาดทั้งตัวถังคูเป้ และเปิดประทุนโดยใช้พื้นฐานของมัสแตงรุ่นปรับโฉมที่เพิ่งเปิดตัวไปในปลายปี 2008 พร้อมความเร้าใจของเครื่องยนต์วี8 5,400 ซีซีจับคู่กับซูเปอร์ชาร์จ 540 แรงม้าพกอัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 4.5 วินาที และความเร็วปลายทะลุ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ลินคอล์นเป็นอีกค่ายของฟอร์ดที่มีความเคลื่อนไหวในงานนี้ โดยเริ่มกับการเปิดตัวต้นแบบรุ่นใหม่ในชื่อคอนเซ็ปต์ ซี บนตัวถังแบบแฮทช์แบ็ก 5 ประตูที่ได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานเดียวกับรถยนต์คอมแพ็กต์อย่างโฟกัส ส่วนเรื่องความเป็นไปได้ในการผลิต ดูเหมือนว่าจะมีแนวโน้มค่อนข้างสูง หลังจากที่รถยนต์ขนาดเล็กเริ่มได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้าชาวอเมริกันมากขึ้น
ส่วนรถยนต์ในไลน์ผลิต เปิดตัวรุ่น MKS ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบ EcoBoost วางขุมพลังวี6 3,500 ซีซี ทวินเทอร์โบที่รีดกำลังออกมาได้ 355 แรงม้า แต่ให้ความประหยัดน้ำมันพอตัว กับตัวเลขประมาณ 11 กิโลเมตรต่อลิตรสำหรับการขับนอกเมือง ส่วนอีกรุ่นเป็นรถยนต์อเนกประสงค์รุ่นใหม่ MKT ออกแนวมินิแวนแบบ 7 ที่นั่งกับเครื่องยนต์วี6 แบบ EcoBoost บล็อกเดียวกับ MKS และวี6 3,700 ซีซี 268 แรงม้า
ไครสเลอร์ : กลายเป็นแบรนด์ที่เน้นการเจาะตลาดรถยนต์พลังไฟฟ้าไปแล้ว เพราะนอกจาก 3 ใบเถาจากโปรเจ็กต์ EV ทั้งรถสปอร์ตที่จะขายผ่านยี่ห้อดอดจ์ (แต่ตัวรถเป็นของโลตัส) ตามด้วยเอสยูวีอย่างจี๊ป เพทริออต และไครสเลอร์ มินิแวนที่เปิดตัวมาแล้วเมื่อปลายปี 2008 แล้ว งานนี้ไครสเลอร์ยังมีผลผลิตใหม่ในแบบซีดาน 4 ประตูมาจัดแสดง
ซีดานรุ่นใหญ่คันนี้มาในชื่อ 200ซีด้วยรูปลักษณ์ที่สวยสะดุดตากับตัวถังที่มีขนาดใกล้เคียงกับบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 พร้อมติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 268 แรงม้าสำหรับการขับเคลื่อน และมีเครื่องยนต์เบนซินขนาดเล็กสำหรับชาร์จกระแสไฟฟ้าภายใต้รูปแบบของรถยนต์ในสไตล์ E-REV
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการคอนเฟิร์มว่าสุดท้ายแล้วจะผลิตออกขายในรูปแบบไหน เป็นแบบเครื่องยนต์ธรรมดา หรือว่าจะเป็นแบบ EV หรือว่าจะมีให้เลือกทั้ง 2 แบบ...
ติดตามต่อตอนหน้า...ของดีจากผู้มาเยือน