ถือเป็นราชาแห่งการแข่งขันมาราธอนในรายการเลอ มังส์ตัวจริงในยุคนี้สำหรับทีมแข่ง ออดี้ สปอร์ต เมื่อตัวแข่งพลังเทอร์โบดีเซล R10 Tdi ที่มีเชลล์เป็นพันธมิตรในการสนับสนุนน้ำมันเชื้อเพลิง สามารถลิ่วเข้าเส้นชัยเป็นคันแรกหลังจากการแข่งขันครบ 24 ชั่วโมง โดยที่ทีมเปอโยต์ ซึ่งเข้าร่วมการแข่งขันในรายการนี้เป็นปีที่สอง ต้องพลาดท่า ไปไม่ถึงฝั่ง ทั้งที่รถแข่งของตัวเองออกสตาร์ทใน 3 อันดับแรก
การแข่งขันเลอ มังส์ 24 ชั่วโมง หรือ 24 Heures du Mans ในปีนี้เริ่มขึ้นในเวลา 15.00 น. ของวันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน และแข่งกันมาราธอนยาวต่อเนื่องจนกระทั่งจบการแข่งขันในเวลา 15.00 น.ของวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายนท่ามกลางผู้ชมในปีนี้ที่มากถึง 258,500 คน ซึ่งแต่เดิมเลอ มังส์ออกสตาร์ทกันในเวลา 16.00 น. แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงในปีที่แล้วเพื่อให้คนฝรั่งเศสที่สนใจการแข่งขันรายการนี้มีเวลาในการไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสส.ในปีที่แล้ว ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 10 มิถุนายน ถึง 17 กรกฎาคม 2007 และทางผู้จัดก็เลยยึดเวลานี้เป็นเวลาใหม่ในการแข่งขัน
ชัยชนะครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 8 ของทีม Audo Sport นับจากเข้าร่วมการแข่งขันเลอมังส์ 24 ชั่วโมงเป็นครั้งแรกในปี 2000 และถือเป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกันสำหรับทีมนี้นับจากปี 2004 และก็เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันสำหรับการใช้ตัวแข่ง R10 ที่มากับเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล Tdi วี12 ซึ่งออดี้เริ่มเอามาใช้ในการแข่งขันเลอมังส์เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2006 อีกทั้งยังถือเป็นแฮททริกครั้งที่ 2 สำหรับออดี้ โดยก่อนหน้านั้นในปี 2000, 2001 และ 2002 รถแข่งรุ่น R8 เคยทำมาได้แล้วครั้งหนึ่ง ก่อนจะพลาดท่าในปี 2003 เสียแชมป์ให้กับทีมเบนท์ลีย์
งานนี้ถือว่าหนักเอาเรื่องสำหรับออดี้ไม่น้อย เพราะว่าไม่สามารถช่วงชิงความได้เปรียบในช่วงแรก เนื่องจากโดนทีมน้องใหม่อย่างเปอโยต์ ซึ่งตัวแข่ง 908Hdi ก็ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลเหมือนกันแถมยังได้ ชากส์ วิลล์เนิฟ อดีตแชมป์โลก F1 ในปี 1997 มาเป็นนักแข่งสามารถชิง 3 อันดับแรกในการออกสตาร์ท ขณะที่ออดี้เองต้องออกสตาร์ทในอันดับที่ 4, 5 และ 7 จากจำนวนรถแข่งที่เข้าร่วม 55 คันในปีนี้
อย่างไรก็ตาม รายการนี้ต้องดูกันยาวๆ เพราะผ่านการแข่งขันมาได้เพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น รถแข่งของเปอโยต์ 2 คันก็เจอกับปัญหาในเรื่องระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ต้องเสียเวลาจัดการนานถึง 20 นาที ซึ่งตรงนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้รถแข่งของออดี้ซึ่งตามอยู่ข้างหลังสามารถขยับขึ้นมาไล่จี้รถแข่งคันเดียวที่เหลืออยู่ในสนามของเปอโยต์ และก็มาประสบความสำเร็จในชั่วโมงที่ 4 เมื่อรถของเปอโยต์เข้าพิตเพื่อเติมน้ำมัน
ซึ่งรถแข่งของเปอโยต์หมายเลข 9 ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าในช่วง 2 ชั่วโมงแรกก็สามารถกลับมาเป็นผู้นำได้อีกครั้งเมื่อการแข่งขันผ่านมาถึงชั่วโมงที่ 14 นั่นเป็นเพราะฝนตก และดูเหมือนว่ารถแข่งของออดี้จะแพ้น้ำ ทำให้ความเร็วลดลง
จุดชี้ขาดของการแข่งขันในสนามนี้เกิดขึ้นในช่วงเช้าของการแข่งขันในวันที่ 15 มิถุนายน เมื่อรถแข่ง R10 หมายเลข 2 ที่ขับโดยทอม คริสเตนเซน สามารถแซงหน้ารถหมายเลข 7 ของเปอโยต์ซึ่งเป็นผู้นำอยู่ในชั่วโมงที่ 15 ได้สำเร็จ ซึ่งนั่นเป็นเพราะรถแข่งที่ขับโดยวิลล์เนิฟเข้าพิตเพื่อเติมน้ำมัน และจำนวนการแข่งขันผ่านมาแล้วถึง 234 รอบ
จากนั้นดูเหมือนว่ารถแข่งของเปอโยต์จะไม่สามารถขยับช่องว่างของเวลาเข้ามากดดันรถแข่งของออดี้ได้อีกเลย เพราะความเจนสนามของ 3 นักแข่งจากทีมออดี้ จนกระทั่งถูกทิ้งห่างถึง 3 นาที แต่ในช่วงท้ายของการแข่งขัน เปอโยต์เกือบจะเป็นผู้ชนะเพราะโชคช่วย เพราะว่าเมื่อการแข่งขันมาถึงชั่วโมงที่ 22 ขณะที่รถแข่งหมายเลข 2 ของออดี้ซึ่งขับโดยคริสเตนเซน, อัลลัน แม็คนิช และรินัลโด คาเปลโลชนเข้ากับรถแข่งของทีมไซเท็ก 07เอส แต่ดูเหมือนว่าอาการจะไม่หนักเท่าไร และสามารถแข่งต่อไปจนกระทั่งจบการแข่งขัน
เมื่อการแข่งขันผ่านมาถึงเวลา 15.00 น.ของวันอาทิตย์ซึ่งครบการแข่งขัน 24 ชั่วโมงพอดี รถแข่งของทีมออดี้เข้าเส้นชัยเป็นคันแรก โดยทำได้ 381 รอบสนาม ขณะที่เปอโยต์ตามมาเป็นอันดับที่ 2 ด้วยจำนวนรอบเท่ากัน แต่ตามหลังถึงกว่า 4 นาที
จากชัยชนะครั้งนี้นอกจากจะทำให้ออดี้กลายเป็นทีมที่ไร้พ่ายในการแข่งขันเลอมังส์ 24 ชั่วโมงนานติดต่อกัน 5 ปีแล้ว ยังถือว่าเป็นผลดีในแง่สถิติส่วนตัวของทอม คริสเตนเซนด้วย เพราะว่าทำให้เขากลายเป็นนักแข่งที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในเลอมังส์ 24 ชั่วโมง เพราะสามารถคว้าแชมป์มาครองได้ถึง 8 ครั้งแล้ว (1997, 2000, 2001, 2002, 2003, 2004, 2005 และ 2008)
‘เป็นการแข่งขันที่ยอดเยี่ยมมาก และต้องขอขอบคุณทางออดี้ที่ยังเชื่อมั่นในตัวผม และพวกเขาเตรียมรถสำหรับให้เราทั้ง 3 คนได้อย่างยอดเยี่ยม และตัวแข่ง R10 ก็พิสูจน์ให้เห็นถึงสมรรถนะและความทนทานตลอดการแข่งขันนานถึง 24 ชั่วโมง ขณะที่ทีมเปอโยต์ก็เยี่ยมเช่นกัน และพวกเขาก็มีโอกาสอย่างมากที่จะเอาชนะในสนามนี้’ คริสเตนเซนกล่าว
ขณะที่เพื่อนร่วมทีมของคริสเตนเซนอย่างแม็คนิช ซึ่งในอดีตเคยเป็นนักแข่งรุ่นแรกของทีมแข่งโตโยต้า F1 ก็พิชิตชัยในเลอมังส์เป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกของเขาเกิดขึ้นในปี 1998 และทำได้อีกครั้งในปีนี้ โดยถือเป็นครั้งแรกที่ทำได้กับออดี้ ส่วนคาเปลโลนี่เป็นชัยชนะในเลอมังส์ครั้งที่ 3 ของเขา
นอกจากรุ่น LMP1 ซึ่งย่อมาจาก Le Mans Prototype 1 แล้ว ในรายการนี้ยังมีการแข่งขันรุ่นอื่นๆ รวมอยู่ด้วย โดยมีการปล่อยรถพร้อมกันและแข่งรวมกันไปด้วยเลย จึงไม่น่าแปลกใจที่นอกจากจะได้เห็นรถแข่งที่ดูคล้ายกับรถสปอร์ตตามโชว์รูมแล่นเคียงคู่กันไปด้วย
การแข่งขันในปีนี้แบ่งออกเป็นรุ่น LMP1 อย่างรถแข่งของออดี้, เปอโยต์ และ Pescarolo-Judd และเป็นรุ่นที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจมากที่สุด ตามด้วย LMP2 ซึ่งมีข้อกำหนดในเรื่องรายละเอียดทางเทคนิคคล้ายกับ LMP1 แต่ต่างกันที่น้ำหนักและแรงม้าของเครื่องยนต์ รวมถึงประเภทของเครื่องยนต์ที่มีเฉพาะเบนซิน ไม่เหมืนอกับ LMP1 ที่ใช้ได้ทั้งเบนซินเทอร์โบ หรือดีเซลเทอร์โบแต่ต้องมีความจุกระบอกสูบทตามที่ระบุเอาไว้
ส่วนอีก 2 รุ่น คือ LMGT1 และ LMGT2 หรือย่อมาจาก Le Mans Grand Tourer ซึ่งเป็นรถสปอร์ตโปรดักต์ชั่นคาร์ ซึ่งในคลาส GT1 เป็นการขับเคี่ยวกันระหว่างแอสตัน มาร์ติน ส่วน GT2 เป็นการประชันกันระหว่างเฟอร์รารี่กับพอร์ช ผ่านทั้งโดยทีมโรงงาน หรือทีมที่ใช้รถแข่งของค่ายเหล่านี้
ในปีนี้ผู้ชนะเลิศในกลุ่ม LMP2 แต่ได้อันดับ 10 ในประเภท Overall คือ ทีม Van Merksteijn Motorsport ซึ่งมี Jos Versteppen อดีตเพื่อนร่วมทีมเบเนตตองของมิชาเอล ชูมัคเกอร์ในปี 1994 เป็นหนึ่งในนักแข่ง ส่วนในกลุ่ม LMGT1 ผู้ชนะเลิศ คือ ทีมโรงงานขอแอสตัน มาร์ติน ได้อันดับ13 ในประเภท Overall และในกลุ่ม LMGT2 ผู้ชนะเลิศ คือ ทีม Risi Competizione (ได้อันดับ 19 ในประเภท Overall)
ผลการแข่งขัน 10 อันดับแรกประเภท overall
อันดับ | รอบ | ทีม | ผู้ขับ | รอบ |
1 | 2 | Audi Sport North America | Rinaldo Capello Allan McNish Tom Kristensen | 381 |
2 | 7 | Team Peugeot Total | Marc Gene Nicolas Minassian Jacques Villeneuve | 381 |
3 | 9 | Peugeot Sport Total | Franck Montagny Ricardo Zonta Christian Klien | 379 |
4 | 3 | Audi Sport Team Joest | Lucas Luhr Alexandre Premat Mike Rockenfeller | 374 |
5 | 8 | Team Peugeot Total | Pedro Lamy Stephane Sarrazin Alexander Wurz | 368 |
6 | 1 | Audi Sport North America | Frank BBiela Emanuele Pirro Marco Werne | 367 |
7 | 17 | Pescarolo Sport | Harold Primat Christophe Tinseau Benoit Treluyer | 362 |
8 | 5 | Team Oreca Matmut | Laurent Groppi Soheil Ayari Loic Duval | 357 |
9 | 10 | Charouz Racing System | Stefan Mucke Jan Charouz Tomas Enge | 354 |
10 | 34 | Van Merksteijn Motorsport | Peter van Merksteijn Jos Verstappen Jeroen Bleekemolen | 354 |