ตลาดรถยนต์ไทยปีวัวไฟ ว่าเหนื่อยเพราะพิษเศรษฐกิจโลกกระหน่ำแล้ว แต่ที่เหนื่อยกว่ากลับเป็นตลาดรถยนต์นำเข้าอิสระจากต่างประเทศ หรือเกรย์มาร์เก็ต อันเกิดจากรอยด่างของผู้ค้ารายใหญ่ “เอส.อี.ซี.” ที่ได้สร้างความเสียหายให้กับวงการ จนยากที่จะฟื้นความเชื่อมั่นในระยะอันใกล้นี้ได้
นับเป็นเหตุการณ์ฉาวครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ ของวงการค้ารถยนต์นำเข้าอิสระ ที่เมื่อปลายปี 2551 ที่ผ่านมา “สมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์” ประธานกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เอสอีซี ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) (SECC) ผู้จำหน่ายรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศ หรือเกรย์มาร์เก็ตรายใหญ่ของไทย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อกลุ่ม “เอส.อี.ซี.” (S.E.C.) ได้หลบหนีออกนอกประเทศ หลังจากสร้างความเสียหายให้กับลูกค้าและนักลงทุนมากกว่า 3,000 ล้านบาท
โดยความเสียหายที่เกิดขึ้น ตามรายงานข่าวมาจากการนำเงินบริษัทปล่อยกู้เพื่อนำไปซื้อขายหุ้นของบริษัทเอง การนำเงินจองและเงินดาวน์ของลูกค้าไปโดยไม่ได้โอนทะเบียนรถให้กับลูกค้าบางรายที่ชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ยังกู้เงินจากนักธุรกิจในวงการเกรย์มาร์เก็ตด้วยกันและคนที่รู้จักโดยเฉพาะผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ด้วยการเสนอที่จะจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าฝากธนาคารและยังหลอกกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ให้เข้าไปซื้อหุ้นนอกตลาดในราคาที่ต่ำกว่าราคาในกระดาน แต่สุดท้ายก็ไม่มีการโอนหุ้นเข้ามาให้
สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาทางการเงินครั้งใหญ่จนสมพงษ์ต้องหลบหนีไปต่างประเทศนั้นตามกระแสข่าวเป็นเพราะหมดไปกับการวิ่งเต้นเพื่อให้ได้งานประมูลโครงการเช่ารถเมล์ปรับอากาศระบบใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (เอ็นจีวี) ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) จำนวน 4,000 คัน ในสมัยรัฐบาล “สมัคร สุนทรเวช” เป็นนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ระยะหลังมีข่าวสมพงษ์นิยมไปเล่นการพนัน ที่บ่อนมาเก๊าและปอยเปตอีกด้วย
จากกรณีฉาวที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ไม่ว่าจะต่อนักลงทุน ผู้ให้กู้เงิน หรือแม้แต่เกรย์มาร์เก็ตด้วยกัน และโดยเฉพาะผู้บริโภคโชคร้ายจำนวนมากที่ซื้อรถไปแล้ว ถึงจะจ่ายเงินหมดแต่ก็ไม่สามารถเป็นเจ้าของรถได้ เพราะเอกสารประจำรถถูกปลอมขึ้นมา เพื่อใช้ในการซื้อขายและจัดไฟแนนซ์
แน่นอนจากรายด่างตรงนี้ ย่อมทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั่วไปแทบจะไม่มีเหลือ เพราะขนาดเอสอีซีฯ ที่เป็นผู้นำตลาดเกรย์ฯ อันดับ 1 ของไทย และทำธุรกิจมานานมากกว่า 10 ปี ยังทำกับลูกค้าและวงการได้ขนาดนี้ ย่อมทำให้ผู้ที่คิดจะซื้อรถพลอยเข็ดขยาดต่อเกรย์มาร์เก็ตรายอื่นๆ ไปด้วย
“ปัญหาของเอส.อี.ซี.กรุ๊ป ส่งผลต่อลูกค้าและผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่จะต้องตื่นตัวและคุมเข้มในเรื่องมาตรฐานต่างๆ มากขึ้น และเชื่อว่าลูกค้าก็จะต้องเลือกใช้บริการผู้ประกอบการ ที่มีความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งเรื่องของการทำธุรกิจและการบริการ ประกอบกับค่าเงินที่อ่อนตัวลงมาก ทำให้ผู้ประกอบการมีภาระตรงนี้มาก คาดว่าในปี 2552 นี้ จะมีรายย่อยที่ไม่สามารถแบกรับได้ปิดตัวไปกว่า 50% จากทั้งหมดประมาณ 50 ราย และจะมีผู้ประกอบการทำกิจการตลาดแข่งขันจริงเพียง 4-5 รายเท่านั้น”
นั่นเป็นความเห็นของ “สุรีย์ภรณ์ อุดมผลวณิช” รองประธานกรรมการ ทีเอสแอล ออโต้ คอร์ปอเรชั่น ผู้ค้ารถยนต์นำเข้าอิสระรายใหญ่อีกแห่งของไทย และกล่าวว่า อย่างไรก็ตามเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับแนวทางของทีเอสแอลฯ ซึ่งมีแผนที่จะลงทุนในด้านการให้บริการเพิ่มเติมในปีนี้ รวมถึงการหาสินค้าใหม่เพิ่มเข้ามาทั้งรถยนต์ญี่ปุ่นและยุโรป เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้ามากขึ้น
เช่นเดียวกับ “ชูเกียรติ ศรีทองเสถียร” ประธานบริหาร บริษัทเทดดี้ ออโต้เซลส์ จำกัด เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาวงการรถนำเข้าอิสระ มีผลกระทบทางด้านความน่าเชื่อถือมาก ในปี 2552 นี้ จึงเป็นปีที่บริษัทฯ ต้องย้ำกลยุทธ์เพื่อให้ลูกค้าเชื่อมั่น ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนในการจองรถยนต์ การรับรถ ตลอดจนการจดทะเบียน ที่มีความรวดเร็วสามารถรับเล่มทะเบียนได้ภายใน 3 วัน ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ลูกค้าทุกท่านได้ไว้วางใจให้เทดดี้ฯ เป็นผู้จัดการเอกสารที่เกี่ยวข้องกับรถทั้งหมดเสมอ แสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติงานอย่างโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้
“ในปี 2552 นี้ ถึงแม้ธุรกิจได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก ผู้ประกอบการรถยนต์นำเข้า ต่างก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยเฉพาะความไม่มั่นใจของลูกค้า ทำให้ต้องเพิ่มมาตรฐานการบริการให้สูงยิ่งขึ้นเพื่อความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า
และในปีนี้เทดดี้ฯ จะเพิ่มเม็ดเงินในการลงทุนเข้าไปยังธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมฐานความเชื่อมั่นเดิมที่มีอยู่ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น อย่างล่าสุดได้ขยายโชว์รูมแห่งที่ 3 สาขาพัฒนาการ ซึ่งเป็นศูนย์บริการที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ครบวงจรที่สุดของเทดดี้ฯ ซึ่งในขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตกแต่ง คาดว่าสามารถเปิดทำการได้ในเดือนมกราคมนี้”
เรียกว่าสั่นสะเทือนวงการจริงๆ กับรายด่างของ “เอส.อี.ซี.” ที่ทำไว้ โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของลูกค้า ยิ่งเมื่อผสมกับพิษเศรษฐกิจโลก ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวอย่างมาก เพื่อเรียกศรัทธาและความเชื่อมั่นคืน แน่นอนหากรายใดไม่สามารถปรับตัวได้ คงได้เห็นธุรกิจนำเข้ารถยนต์อิสระ หรือเกรย์มาร์เก็ต ปิดกิจการไปกว่าครึ่งแน่!!
นับเป็นเหตุการณ์ฉาวครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ ของวงการค้ารถยนต์นำเข้าอิสระ ที่เมื่อปลายปี 2551 ที่ผ่านมา “สมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์” ประธานกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เอสอีซี ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) (SECC) ผู้จำหน่ายรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศ หรือเกรย์มาร์เก็ตรายใหญ่ของไทย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อกลุ่ม “เอส.อี.ซี.” (S.E.C.) ได้หลบหนีออกนอกประเทศ หลังจากสร้างความเสียหายให้กับลูกค้าและนักลงทุนมากกว่า 3,000 ล้านบาท
โดยความเสียหายที่เกิดขึ้น ตามรายงานข่าวมาจากการนำเงินบริษัทปล่อยกู้เพื่อนำไปซื้อขายหุ้นของบริษัทเอง การนำเงินจองและเงินดาวน์ของลูกค้าไปโดยไม่ได้โอนทะเบียนรถให้กับลูกค้าบางรายที่ชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ยังกู้เงินจากนักธุรกิจในวงการเกรย์มาร์เก็ตด้วยกันและคนที่รู้จักโดยเฉพาะผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ด้วยการเสนอที่จะจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าฝากธนาคารและยังหลอกกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ให้เข้าไปซื้อหุ้นนอกตลาดในราคาที่ต่ำกว่าราคาในกระดาน แต่สุดท้ายก็ไม่มีการโอนหุ้นเข้ามาให้
สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาทางการเงินครั้งใหญ่จนสมพงษ์ต้องหลบหนีไปต่างประเทศนั้นตามกระแสข่าวเป็นเพราะหมดไปกับการวิ่งเต้นเพื่อให้ได้งานประมูลโครงการเช่ารถเมล์ปรับอากาศระบบใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (เอ็นจีวี) ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) จำนวน 4,000 คัน ในสมัยรัฐบาล “สมัคร สุนทรเวช” เป็นนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ระยะหลังมีข่าวสมพงษ์นิยมไปเล่นการพนัน ที่บ่อนมาเก๊าและปอยเปตอีกด้วย
จากกรณีฉาวที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ไม่ว่าจะต่อนักลงทุน ผู้ให้กู้เงิน หรือแม้แต่เกรย์มาร์เก็ตด้วยกัน และโดยเฉพาะผู้บริโภคโชคร้ายจำนวนมากที่ซื้อรถไปแล้ว ถึงจะจ่ายเงินหมดแต่ก็ไม่สามารถเป็นเจ้าของรถได้ เพราะเอกสารประจำรถถูกปลอมขึ้นมา เพื่อใช้ในการซื้อขายและจัดไฟแนนซ์
แน่นอนจากรายด่างตรงนี้ ย่อมทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั่วไปแทบจะไม่มีเหลือ เพราะขนาดเอสอีซีฯ ที่เป็นผู้นำตลาดเกรย์ฯ อันดับ 1 ของไทย และทำธุรกิจมานานมากกว่า 10 ปี ยังทำกับลูกค้าและวงการได้ขนาดนี้ ย่อมทำให้ผู้ที่คิดจะซื้อรถพลอยเข็ดขยาดต่อเกรย์มาร์เก็ตรายอื่นๆ ไปด้วย
“ปัญหาของเอส.อี.ซี.กรุ๊ป ส่งผลต่อลูกค้าและผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่จะต้องตื่นตัวและคุมเข้มในเรื่องมาตรฐานต่างๆ มากขึ้น และเชื่อว่าลูกค้าก็จะต้องเลือกใช้บริการผู้ประกอบการ ที่มีความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งเรื่องของการทำธุรกิจและการบริการ ประกอบกับค่าเงินที่อ่อนตัวลงมาก ทำให้ผู้ประกอบการมีภาระตรงนี้มาก คาดว่าในปี 2552 นี้ จะมีรายย่อยที่ไม่สามารถแบกรับได้ปิดตัวไปกว่า 50% จากทั้งหมดประมาณ 50 ราย และจะมีผู้ประกอบการทำกิจการตลาดแข่งขันจริงเพียง 4-5 รายเท่านั้น”
นั่นเป็นความเห็นของ “สุรีย์ภรณ์ อุดมผลวณิช” รองประธานกรรมการ ทีเอสแอล ออโต้ คอร์ปอเรชั่น ผู้ค้ารถยนต์นำเข้าอิสระรายใหญ่อีกแห่งของไทย และกล่าวว่า อย่างไรก็ตามเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับแนวทางของทีเอสแอลฯ ซึ่งมีแผนที่จะลงทุนในด้านการให้บริการเพิ่มเติมในปีนี้ รวมถึงการหาสินค้าใหม่เพิ่มเข้ามาทั้งรถยนต์ญี่ปุ่นและยุโรป เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้ามากขึ้น
เช่นเดียวกับ “ชูเกียรติ ศรีทองเสถียร” ประธานบริหาร บริษัทเทดดี้ ออโต้เซลส์ จำกัด เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาวงการรถนำเข้าอิสระ มีผลกระทบทางด้านความน่าเชื่อถือมาก ในปี 2552 นี้ จึงเป็นปีที่บริษัทฯ ต้องย้ำกลยุทธ์เพื่อให้ลูกค้าเชื่อมั่น ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนในการจองรถยนต์ การรับรถ ตลอดจนการจดทะเบียน ที่มีความรวดเร็วสามารถรับเล่มทะเบียนได้ภายใน 3 วัน ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ลูกค้าทุกท่านได้ไว้วางใจให้เทดดี้ฯ เป็นผู้จัดการเอกสารที่เกี่ยวข้องกับรถทั้งหมดเสมอ แสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติงานอย่างโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้
“ในปี 2552 นี้ ถึงแม้ธุรกิจได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก ผู้ประกอบการรถยนต์นำเข้า ต่างก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยเฉพาะความไม่มั่นใจของลูกค้า ทำให้ต้องเพิ่มมาตรฐานการบริการให้สูงยิ่งขึ้นเพื่อความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า
และในปีนี้เทดดี้ฯ จะเพิ่มเม็ดเงินในการลงทุนเข้าไปยังธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมฐานความเชื่อมั่นเดิมที่มีอยู่ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น อย่างล่าสุดได้ขยายโชว์รูมแห่งที่ 3 สาขาพัฒนาการ ซึ่งเป็นศูนย์บริการที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ครบวงจรที่สุดของเทดดี้ฯ ซึ่งในขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตกแต่ง คาดว่าสามารถเปิดทำการได้ในเดือนมกราคมนี้”
เรียกว่าสั่นสะเทือนวงการจริงๆ กับรายด่างของ “เอส.อี.ซี.” ที่ทำไว้ โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของลูกค้า ยิ่งเมื่อผสมกับพิษเศรษฐกิจโลก ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวอย่างมาก เพื่อเรียกศรัทธาและความเชื่อมั่นคืน แน่นอนหากรายใดไม่สามารถปรับตัวได้ คงได้เห็นธุรกิจนำเข้ารถยนต์อิสระ หรือเกรย์มาร์เก็ต ปิดกิจการไปกว่าครึ่งแน่!!