ซูซูกิเจาะตลาดเอสยูวีในบ้านตัวเองด้วยการปรับโฉมให้กับเอสคูโด มาพร้อมกับ 2 ทางเลือกของเครื่องยนต์แบบไม่สนยุคน้ำมันแพงด้วยรุ่น 2,400 ซีซี ในแบบ 4 สูบเรียง และวี6 3,200 ซีซี ขณะที่ยุโรปซึ่งขายในชื่อแกรนด์ วีทาราก็มีการปรับโฉมเช่นกัน และเพิ่มรุ่นเครื่องยนต์ใหม่
เอสคูโดรุ่นนี้ถูกเปิดตัวออกมาในปลายปี 2005 และเป็นเจนเนอเรชันที่ 3 ของเอสยูวีสายพันธุ์นี้ โดยในยุโรปมีขายทั้งตัวถัง 3 และ 5 ประตู แต่ในญี่ปุ่นด้วยเหตุผลที่ว่ารถยนต์แบบ 3 ประตูไม่ว่าจะเป็นเก๋งหรือ SUV ไม่ค่อยได้รับความนิยมเหมือนในอดีต ก็เลยทำให้มีขายเฉพาะแบบ 5 ประตูเพียงอย่างเดียวเหมือนกับสวิฟท์
ความเปลี่ยนแปลงในเรื่องรูปลักษณ์อาจสังเกตแบบไม่ชัดเจน เพราะว่ามีน้อยมาก จุดหลักๆ ที่สังเกตได้ เช่น ไฟหน้าทรงเดิมแต่เปลี่ยนมาเป็นแบบซีนอน การถอดไฟเลี้ยวบนแก้มตัวถังด้านหน้าออกไป แล้วไปเพิ่มไฟเลี้ยวโดยฝังอยู่ในกรอบของกระจกมองข้างแทน ด้านท้ายเปลี่ยนกันชนใหม่ เช่นเดียวกับไฟท้ายที่มีการเปลี่ยนรายละเอียดของไฟสัญญาณใหม่ โดยที่กรอบและรูปทรงของไฟท้ายยังเป็นแบบทรงเหลี่ยมเหมือนเดิม
ขณะที่ห้องโดยสารมีการเปลี่ยนชุดมาตรวัดใหม่ โดยติดตั้งแผงดิจิตอลแสดงความสิ้นเปลืองน้ำมันแบบ Real-Time หรือแผงคอนโซลกลางเปลี่ยนหน้าจอของเครื่องปรับอากาศแบบอัตโนมัติมาเป็นการแสดงผลตัวเลขของอุณหภูมิในแบบดิจิตอล พร้อมกับเปลี่ยนวัสดุหุ้มเบาะและแผงประตูใหม่เพิ่มความสดใสขึ้น
เครื่องยนต์ที่ขายในญี่ปุ่นมี 2 แบบเป็นเบนซินล้วนๆ และเป็นเครื่องยนต์ใหม่ คือ รหัส J24B 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน 2,400 ซีซี 166 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 22.9 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที มีทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ หรืออัตโนมัติ 4 จังหวะ มาแทนที่รุ่น 2,000 ซีซี
อีกรุ่นเป็นรหัส N32A บล็อกวี6 ทวินแคม 24 วาล์ว 3,200 ซีซี 224 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 29.0 กก.-ม. ที่ 3,500 รอบ/นาที มาแทนที่รุ่นวี6 2,700 ซีซี 181 แรงม้า ส่วนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเป็นแบบปุ่มหมุนติดตั้งอยู่บนแผงคอนโซลกลาง สามารถเลือกได้ทั้ง 4H และ 4L เพื่อลุยบนเส้นทางโหดๆ
สำหรับยุโรปนอกจากเครื่องยนต์บล็อกเล็กอย่างเบนซิน 4 สูบ 1,600 ซีซี 106 แรงม้า และ เทอร์โบดีเซล 1,900 ซีซี 129 แรงม้าแล้ว ในรุ่นปรับโฉมมีการเพิ่มอีกทางเลือกด้วยขุมพลัง 2,400 ซีซีแบบเดียวกับญี่ปุ่นเพื่อมาแทนที่รุ่น 2,000 ซีซีอีกด้วย ส่วนวี6 ไม่มีขายในยุโรป
ราคาของเอสคูโดในญี่ปุ่นถูกตั้งเอาไว้ที่ 1,850,000-2,500,000 เยน หรือ 555,000-750,000 บาท
เอสคูโดรุ่นนี้ถูกเปิดตัวออกมาในปลายปี 2005 และเป็นเจนเนอเรชันที่ 3 ของเอสยูวีสายพันธุ์นี้ โดยในยุโรปมีขายทั้งตัวถัง 3 และ 5 ประตู แต่ในญี่ปุ่นด้วยเหตุผลที่ว่ารถยนต์แบบ 3 ประตูไม่ว่าจะเป็นเก๋งหรือ SUV ไม่ค่อยได้รับความนิยมเหมือนในอดีต ก็เลยทำให้มีขายเฉพาะแบบ 5 ประตูเพียงอย่างเดียวเหมือนกับสวิฟท์
ความเปลี่ยนแปลงในเรื่องรูปลักษณ์อาจสังเกตแบบไม่ชัดเจน เพราะว่ามีน้อยมาก จุดหลักๆ ที่สังเกตได้ เช่น ไฟหน้าทรงเดิมแต่เปลี่ยนมาเป็นแบบซีนอน การถอดไฟเลี้ยวบนแก้มตัวถังด้านหน้าออกไป แล้วไปเพิ่มไฟเลี้ยวโดยฝังอยู่ในกรอบของกระจกมองข้างแทน ด้านท้ายเปลี่ยนกันชนใหม่ เช่นเดียวกับไฟท้ายที่มีการเปลี่ยนรายละเอียดของไฟสัญญาณใหม่ โดยที่กรอบและรูปทรงของไฟท้ายยังเป็นแบบทรงเหลี่ยมเหมือนเดิม
ขณะที่ห้องโดยสารมีการเปลี่ยนชุดมาตรวัดใหม่ โดยติดตั้งแผงดิจิตอลแสดงความสิ้นเปลืองน้ำมันแบบ Real-Time หรือแผงคอนโซลกลางเปลี่ยนหน้าจอของเครื่องปรับอากาศแบบอัตโนมัติมาเป็นการแสดงผลตัวเลขของอุณหภูมิในแบบดิจิตอล พร้อมกับเปลี่ยนวัสดุหุ้มเบาะและแผงประตูใหม่เพิ่มความสดใสขึ้น
เครื่องยนต์ที่ขายในญี่ปุ่นมี 2 แบบเป็นเบนซินล้วนๆ และเป็นเครื่องยนต์ใหม่ คือ รหัส J24B 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน 2,400 ซีซี 166 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 22.9 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที มีทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ หรืออัตโนมัติ 4 จังหวะ มาแทนที่รุ่น 2,000 ซีซี
อีกรุ่นเป็นรหัส N32A บล็อกวี6 ทวินแคม 24 วาล์ว 3,200 ซีซี 224 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 29.0 กก.-ม. ที่ 3,500 รอบ/นาที มาแทนที่รุ่นวี6 2,700 ซีซี 181 แรงม้า ส่วนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเป็นแบบปุ่มหมุนติดตั้งอยู่บนแผงคอนโซลกลาง สามารถเลือกได้ทั้ง 4H และ 4L เพื่อลุยบนเส้นทางโหดๆ
สำหรับยุโรปนอกจากเครื่องยนต์บล็อกเล็กอย่างเบนซิน 4 สูบ 1,600 ซีซี 106 แรงม้า และ เทอร์โบดีเซล 1,900 ซีซี 129 แรงม้าแล้ว ในรุ่นปรับโฉมมีการเพิ่มอีกทางเลือกด้วยขุมพลัง 2,400 ซีซีแบบเดียวกับญี่ปุ่นเพื่อมาแทนที่รุ่น 2,000 ซีซีอีกด้วย ส่วนวี6 ไม่มีขายในยุโรป
ราคาของเอสคูโดในญี่ปุ่นถูกตั้งเอาไว้ที่ 1,850,000-2,500,000 เยน หรือ 555,000-750,000 บาท