สำหรับแฟนๆ ของมินิที่เฝ้ารอโอกาสในการได้สัมผัสกับทางเลือกใหม่ๆ จากรถยนต์ไซส์เล็กของค่ายบีเอ็มดับเบิลยู งานนี้เตรียมเก็บเงินกันได้แล้ว เพราะว่าในปารีส มอเตอร์โชว์ 2008 มินิ เปิดตัวต้นแบบรุ่นใหม่ในชื่อครอสโอเวอร์ คอนเซ็ปต์ ซึ่งแน่นอนว่าโอกาสที่จะขึ้นไลน์ผลิตมีเกิน 90% เพราะก่อนหน้านี้มีข่าว (ลือ) ว่า มินิสนใจที่จะเปิดตลาดเอสยูวีไซส์เล็ก ซึ่งน่าจะไปได้ดีกับตลาดยุคปัจจุบันที่คนอยากขับออฟโรดแต่ขยาดราคาน้ำมัน
ถือเป็นต้นแบบรุ่นใหม่ล่าสุดที่มินินำออกจัดแสดงหลังจากที่เคยเปิดตัวทริปเปิล คอนเซ็ปต์ คาร์ ซึ่งออกแบบในสไตล์แวกอนและมีการตกแต่งรูปลักษณ์ภายให้มีคอนเซ็ปต์สอดคล้องกับเมืองที่ถูกนำออกเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ เช่น เจนีวา, โตเกียว และดีทรอยต์ ซึ่งในเวลาต่อมาต้นแบบรุ่นนี้ถูกพัฒนาให้กลายมาเป็นเวอร์ชันแวกอนหรือรุ่นคลับแมนในปี 2007
ดูจากภายนอกอาจจะคิดว่านี่คือการนำตัวถังแวกอนของรุ่นคลับแมนมาต่อยอดด้วยการยกสูงเหมือนกับพวกเวอร์ชันเอาท์แบ็กของวอลโว่หรือซูบารุ แต่ทว่าทีมงานของมินิคอนเฟิร์มว่ารายละเอียดเกือบทั้งหมดได้รับการออกแบบใหม่ และที่จะมีกลิ่นของคลับแมนผสมอยู่บ้างก็เห็นจะเป็นสไตล์การเปิดประตูบานหลัง
เพราะว่าฝั่งซ้ายของตัวรถ (เมื่อยืนหันหน้าเข้าทางด้านหน้าของรถ) จะมีโครงสร้างตัวถังแบบปกติ มีเสาหลังคาครบทั้ง A, B และ C โดยประตูหลังก็เปิดออกเหมือนรถยนต์ปกติ และฝั่งขวา จะไม่มีเสากลาง หรือเสา B และประตูหลังเปิดออกในสไตล์สไลด์ไปทางด้านหลังเหมือนกับพวกรถตู้ไฮเอนด์ของญี่ปุ่น ทำให้การเข้าออกจากทางเบาะหลังมีความสะดวกยิ่งขึ้น ส่วนฝากระโปรงหลังแทนที่จะเปิดขึ้นไปทางด้านบน ก็เปิดออกในลักษณะสวิงออกทางด้านข้าง
ตัวรถมีความยาวมากกว่า 4 เมตร และถือเป็นรถยนต์ของมินิรุ่นแรกที่มีความยาวเกิน 4 เมตร พร้อมกับความสูงในระดับ 1.6 เมตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลุย (ในระดับหนึ่ง)
และแน่นอนว่านี่ไม่ใช่แค่โปรเจ็กต์ยกสูงเพียงอย่างเดียวเพื่อเอาใจลูกค้าที่ชอบลุ๊ค มากกว่าชอบลุย แต่มินิยังติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อมาให้ด้วย ส่วนในเรื่องความสนุกนั้น มินิการันตีว่าแม้ความสูงจะเพิ่มขึ้นแต่ก็ยังให้สัมผัสที่แทบไม่ต่างจากรุ่นแฮทช์แบ็ก เพราะว่าการออกแบบพื้นฐานตัวถังยังยึดแนวคิดเดิม โดยยืดล้อทั้ง 4 ออกไปทางมุมทั้ง 4 ด้านให้มากที่สุด ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับรถโก-คาร์ท ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ดั้งเดิมในการพัฒนามินิยุคใหม่มาตั้งแต่รุ่นแรก
อีกไฮไลต์ที่น่าสนใจสำหรับต้นแบบรุ่นนี้คือ การออกแบบภายในห้องโดยสาร โดยเฉพาะความไฮเทคที่ผสมผสานการออกแบบ เช่น ระบบ MINI Center Globe สำหรับใช้ในการควบคุมระบบต่างๆ ภายในรถ ซึ่งมีรูปแบบและฟังก์ชั่นคล้ายกับระบบ i-Drive ของบีเอ็มดับเบิลยู
ที่สำคัญยังออกแบบที่เอื้อต่อประโยชน์ใช้สอยด้วย เพราะหน้าจอซึ่งเป็นตัวลูกโลกสามารถแบ่งพื้นที่ในการแสดงผลการทำงานแยกฝั่งซ้ายขวาได้ ทำให้ผู้ขับสามารถดูเส้นทางผ่านระบบนำร่องไปได้พร้อมๆ กับที่คนนั่งด้านหน้าสามารถใช้งานอินเตอร์เนต
นอกจากนั้น เบาะหลังยังได้รับการออกแบบให้นั่งได้อย่างสบายเพราะในกรณีที่ไม่มีการบรรทุกสัมภาระ ก็สามารถปรับเลื่อนไปทางด้านหลังได้สูงสุดถึง 13 เซ็นติเมตร เพื่อเพิ่มพื้นที่วางขา
คงต้องรออีกสักระยะกว่าที่โปรเจ็กต์นี้จะกลายเป็นคันจริงออกมาให้สัมผัส เพราะถ้าข่าวที่ (ลือ) ออกมาก่อนหน้านี้ไม่ใช่ข่าวโคมลอย ต้นแบบรุ่นจะกลายเป็นรุ่นจำหน่ายจริงและพร้อมวางขายในตลาดทั่วโลกไม่เกินปลายปีหน้า ส่วนที่ว่าจะมีเครื่องยนต์หรือทางเลือกอะไรออกมาบ้างนั้น ยังไม่มีการเปิดเผยออกมาในตอนนี้
...ช่วงนี้แฟนๆ ของมินิก็เก็บเงินรอไปพลางๆ กันก่อน