“โตโยต้า” ปรับโฉม “ฟอร์จูนเนอร์” เหนือความคาดหมาย ทั้งด้านหน้า-ด้านท้าย-ภายใน ระบุเพิ่มอีก 2 รุ่นย่อย หวังกินรวบทั้งตลาดพีพีวีและเอสยูวี ชูความโดดเด่นอัดแน่นเทคโนโลยีใหม่ ทั้ง VSC, TRC, BA พร้อมการันตีรุ่นดีเซล ใช้น้ำมันดีเซลชนิด B5 ได้ อัปราคาเพิ่ม 2.3-5.3 หมื่นบาท เมื่อเทียบกับรุ่นเก่า
โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จ้าวตลาดรถยนต์เมืองไทยปรับโฉม “ฟอร์จูนเนอร์” โดยภายนอกปรับเปลี่ยน กระจังหน้าและไฟหน้าดีไซน์ใหม่ มาพร้อมโคมไฟแบบโปรเจกเตอร์ ให้ความรู้สึกแบบสปอร์ต ส่วนไฟท้ายเป็นแบบโคม สีแดง-ขาว พ่วงสปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก LED เรียบหรู ล้อแมกซ์อัลลอยลายใหม่ และยางขนาดใหญ่กว่าเดิม 265/65R17 กระจกมองข้างแบบปรับและพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า (Electrical Retraction)
สำหรับภายใน คอนโซลหน้าสีสันแบบ Sand-beige พร้อมลายไม้ดีไซน์ใหม่ (ใน เกรด V) และแบบสีเงินเมทัลลิค (ในเกรด G) และแผงควบคุมเครื่องปรับอากาศด้านหน้าแบบ อัตโนมัติพร้อมจอแสดงผลแบบดิจิตอล เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน (เฉพาะเกรด V)
และยังเด่นด้วยแอร์ด้านหลัง แบบ 2 ตอนบนเพดาน เต็มสมรรถนะของการทำความเย็นด้วยช่องแอร์ถึง 8 จุด พร้อมสวิตช์ปรับความแรงพัดลม ให้ความเย็นสบายทั่วถึงทั้งห้องโดยสารตลอดทั้งคัน เบาะที่นั่งคนขับปรับระดับด้วยไฟฟ้า (Power Driver Seat) ปรับได้ 6 ทิศทาง พร้อมเพิ่มระดับความนุ่มของเบาะนั่งอีก 10% ช่วยให้เบาะมีความนุ่ม นั่งสบาย ลดความเมื่อยล้าตลอดการขับขี่ พร้อมทีเด็ด ระบบนำทาง Navigator, บลูทูธ (เฉพาะรุ่น3.0V 4WD Navi) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control (* เฉพาะรุ่น 3.0 V Navi และ 3.0 V)
ระบบเครื่องเสียงใหม่เช่นกันโดยเป็นแบบ 2 Din เล่นวิทยุซีดี MP3+WMA พร้อมระบบเสียง ASL ปรับระดับเสียงอัตโนมัติ ตามความเร็วของรถพร้อมสวิตช์ควบคุมการทำงานของระบบเครื่องเสียงและจอแสดงข้อมูลการขับขี่ที่พวงมาลัยซึ่งจอสามารถแสดงผลข้อมูลการขับขี่ได้ครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิภายนอกห้องโดยสาร, ค่าเฉลี่ยการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง, อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงขณะขับขี่, ความเร็วเฉลี่ย, ระยะเวลาที่ใช้ในการขับขี่, ระยะทางที่สามารถวิ่งต่อไปได้จากน้ำมันที่เหลืออยู่ในถัง และเข็มทิศสำหรับทิศทางการขับขี่
ด้านความปลอดภัย ถือเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับรถพีพีวี ด้วยอุปกรณ์ความปลอดภัยเทียบเท่ารถยนต์นั่งขนาดกลางไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (เจเนอเรชันที่ 2) ที่พัฒนาขึ้นใหม่ และทำงานร่วมกับระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC และระบบเบรก ABS พร้อมดิสก์เบรกหน้าใหม่ ขนาด 16 นิ้ว เพิ่มประสิทธิภาพการเบรกที่ดีขึ้น
รวมถึงระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-force Distribution) เพิ่มเสถียรภาพการทรงตัวขณะเบรก และ ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist) เพิ่มประสิทธิภาพในการเบรก ช่วยให้ระยะเบรกสั้นลง (เฉพาะรุ่น 3.0V)
นอกจากนั้น โช้กอัพยังได้รับการปรับแต่งให้นุ่มนวล เพื่อความสบายทุกการขับขี่ ด้วยการปรับลดความหนืดของโช้กอัพลง 20% โดยช่วงล่างด้านหน้ายังคงเป็นแบบอิสระดับเบิลวิชโบน คอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบ โฟร์ลิงก์ คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันเพลาหลังและแขนยึดด้านล่าง
ขณะที่เครื่องยนต์ยังเป็นสเปกเดิม 2 ทางเลือก คือ เบนซิน 2.7 ลิตร VVT-i กำลังสูงสุด 160 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 241 นิวตัน-เมตร ที่ 3,800 รอบ/นาที และ ดีเซล 3.0 ลิตร ดี4ดี เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 343 นิวตัน-เมตรที่ 1,400-3,200 รอบ/นาที ที่ได้รับการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์บางชิ้นให้สามารถรองรับเชื้อเพลิงดีเซลชนิด B5 พร้อมการการันตีอย่างเป็นทางการครั้งแรกของโตโยต้าว่าสามารถใช้เชื้อเพลิงชนิด B5 ได้
รุ่น | ราคา |
3.0V 4WD A/T Navi | 1,419,000 บาท |
3.0V 4WD A/T | 1,309,000 บาท |
3.0V 2WD A/T | 1,249,000 บาท |
2.7V 2WD A/T | 1,149,000 บาท |
3.0G 4WD M/T | 1,059,000 บาท |
หมายเหตุ
*(ในรุ่น 3.0V Navigator เป็นเครื่องเล่นแบบ 1DVD พร้อมจอสัมผัสขนาด 6.5”)
*(ในรุ่น 3.0V และ 2.7V เป็นเครื่องเล่นแบบ 6CD)
*(ในรุ่น 3.0G เป็นเครื่องเล่นแบบ 1CD)