ข่าวในประเทศ - “โตโยต้า” ประเมินสภาวะตลาดรถยนต์ไทยใหม่ หลังโดนพิษน้ำมันแพง โดยเฉพาะราคาดีเซลพุ่ง ยอมรับสภาพปรับเป้าหมายประมาณการณ์ยอดขายรวมทุกยี่ห้อเหลือ 6.5 แสนคัน จากเดิมเชื่อจะทะลุ 7 แสนคัน เผยเหตุปิกอัพเจอสภาวะตื่นตระหนกราคาดีเซลดีดตัวแรงของผู้บริโภค จนตัวเลขติดลบ 5% นับเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี เช่นเดียวกับตัวเลขปิกอัพโตโยต้า ที่ปรับลดเหลือแค่ 1.65 แสนคัน
เตรียมแก้เกมส์พาเพรดปรับโฉมยกแผงรถตระกูล IMV เขย่าตลาดครึ่งปีหลัง ทั้งฟอร์จูนเนอร์ และไฮลักซ์ วีโก้ ล่าสุด “โตโยต้า อินโนวา” ซึ่งเป็นรถที่ใช้พื้นฐานของปิกอัพวีโก้ ผลิตในอินโดนีเซียและมีการปรับโฉมใหม่เช่นกัน คาดเมืองไทยไม่พลาดขายแน่ปลายปีนี้ พร้อมเน้นเครื่องเบนซินเหตุราคาน้ำมันดีเซลพุ่ง และนอกจากรถในโครงการ IMV ยังมีโปรดักซ์ใหม่เตรียมเปิดตัวอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นเอ็มพีวีหรูนำเข้ารุ่นอัลพาร์ด เครื่องยนต์ 3.5 ลิตร และ “โคโรลล่า ลิโม ซีเอ็นซี” งานนี้เพื่อแท็กซี่โดยเฉพาะ
ผลกระทบจากสภาวะราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลที่พุ่งสูงกว่าเบนซินเป็นครั้งแรก จนเกิดสภาวะตื่นตระหนกของประชาชนไทย และทำให้พฤติกรรมการบริโภคาเปลี่ยนไป ด้วยการหันไปใช้รถยนต์นั่ง หรือเก๋งขนาดเล็กมากขึ้น ส่งผลรถปิกอัพเครื่องยนต์ดีเซลลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา
มิทซึฮิโระ โซโนดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า จากผลกระทบของราคาน้ำมันและสภาวะเศรษฐกิจของไทย ทำให้โตโยต้าได้ปรับประมาณการณ์ยอดขายตลาดรถยนต์ใหม่ ถึงแม้ตลาดรถยนต์โดยรวมในช่วงครึ่งปีแรกจะยังเติบโตต่อเนื่อง
“แต่หากเข้าพิจารณาแต่ละตลาด จะเห็นว่าเก๋งมีอัตราการเติบโตสูงมาก เนื่องจากมีรถยนต์ใช้น้ำมัน E20 แนะนำสู่ตลาด และเมื่อเข้าไปดูปิกอัพที่เป็นตลาดใหญ่สุดของไทย โดยเฉพาะเมื่อราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวขึ้น ยอดขายปิกอัพลดลงต่อเนื่อง ดังนั้นจึงคาดว่าตลาดรวมรถยนต์ปีนี้ คาดว่าประมาณ 6.5 แสนคัน หรือเติบโตเพียง 3% จากเดิมคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 7 แสนคัน”
โดยคาดว่าตลาดเก๋งจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2.2 แสนคัน เทียบกับปีที่ผ่านมาโต 29% แต่ตลาดปิกอัพน่าจะลดลงประมาณ 5% หรือมียอดขายรวม 3.85 แสนคัน ซึ่งเป็นการติดลบครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 และในส่วนของโตโยต้าคาดมียอดขายรวมทุกรุ่น 2.9 แสนคัน เติบโต 4% แบ่งเป็นเก๋ง 1.11 แสนคัน เติบโต 20% และปิกอัพ 1.65 แสนคัน ลดลง 5%
อย่างไรก็ตาม แม้โตโยต้าจะยอมรับสภาพตลาดชะลอตัวลง โดยเฉพาะปิกอัพที่ติดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา แต่ในช่วงครึ่งปีกหลังโตโยต้าเตรียมรุกเต็มที่ และคาดว่าหวังปิกอัพจะกลับมาดีขึ้น เมื่อประชาชนหายจากสภาวะตื่นตระหนกจากราคาน้ำมันดีเซลพุ่ง รวมถึงมาตรการช่วยเหลือลดภาษีน้ำมันลง ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลงจนถึงสิ้นปี
ทั้งนี้จากรายงานข่าว แผนผลักดันยอดขายสู้สภาวะตลาดซบเซาของโตโยต้าในช่วงครึ่งปีหลัง คงหนีไม่พ้นการเตรียมเปิดตัวรถใหม่หลายรุ่น โดยเฉพาะรถในสายพันธุ์ IMV Project ไม่ว่าจะเป็นปิกอัพ โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ และรถอเนกประสงค์แบบพีพีวีรุ่นฟอร์จูนเนอร์ รวมถึงรถอเนกประสงค์เอ็มพีวีรุ่นอินโนวา ที่มีกำหนดจะทยอยเปิดตัวช่วงครึ่งหลังเช่นกัน
โดย “ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ได้รายงานข่าวคราวความเคลื่อนไหวของสองรุ่นหลักในโครงการ IMV ไปแล้ว นั่นคือรถอเนกประสงค์แบบพีพีวี รุ่นฟอร์จูนเนอร์ และปิกอัพ ไฮลักซ์ วีโก้ ซึ่งตามรายงานโฉมแรกน่าจะเปิดตัวก่อนประมาณเดือนสิงหาคมนี้ส่วนรูปภาพรวมถึงข้อมูลของรถมีการเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของตัวแทนจำหน่าย “พิธานพาณิชย์” www.phithan-toyota.com อย่างละเอียด
ทั้งนี้ฟอร์จูนเนอร์ใหม่ ปี 2551 เครื่องยนต์ไม่เปลี่ยนแปลง มีให้เลือก 2 รุ่นเหมือนปัจจุบัน คือ เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 1KD-FTV 3.0 ลิตร 163 แรงม้า และเครื่องยนต์เบนซิน 2TR-FE 2.7 ลิตร 160 แรงม้า แต่ได้เพิ่มจำนวนรุ่นย่อยให้เลือกมากถึง 5 รุ่น ซึ่งเดิมมีอยู่เพียงรุ่นเบนซิน 2.7V ขับเคลื่อนสองล้อเกียร์อัตโนมัติ และรุ่นดีเซล 3.0G พร้อมรุ่นดีเซล 3.0V ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาเหมือนกัน แต่ฟอร์จูนเนอร์ใหม่ ปี 2551 ได้เพิ่มรุ่นดีเซล 3.0V ขับเคลื่อน 2 ล้อเกียร์อัตโนมัติ และดีเซล 3.0V NAVI ที่เพิ่มระบบนำทางเข้ามาด้วย
ขณะที่ภายนอกฟอร์จูนเนอร์ใหม่ ได้ทำการออกแบบกระจังหน้าใหม่ แบบ 3 ชั้น ลายรังผึ้ง รวมถึงไฟหน้าใหม่พร้อมโคมไฟแบบโปรเจคเตอร์ จากเดิมที่เป็นแบบมัลติรีเฟลคเตอร์ ไฟท้ายดีไซน์ใหม่แบบโคมสีแดง-ขาว จากเดิมจะเป็นโคมแดง ล้อเปลี่ยนจากแม็ก 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/70R16 เป็นล้อแม็ก 17 นิ้ว พร้อมยาง 265/65R17 ส่วนภายในได้เพิ่มรายละเอียดให้หรูหราและสะดวกสบายมากขึ้น รวมถึงยังได้เพิ่มระบบความปลอดภัยเฉกเช่นรถหรูของโตโยต้าครบครัน
สำหรับปิกอัพ “โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้” คาดว่าจะเปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์ หรือโฉมปี 2551 ตามมาในเวลาไล่เลี่ยกันอย่างช้าไม่น่าจะเกินเดือนตุลาคม โดยการปรับเปลี่ยนครั้งนี้จะทำทั้งภายนอกและภายใน โดยเฉพาะด้านหน้าที่มีการเปลี่ยนกระจังหน้าใหม่
ไม่เพียงเท่านั้นปิกอัพไฮลักซ์ วีโก้ ใหม่ ยังจะเพิ่มรุ่นแค็บเปิดได้แนะนำสู่ตลาดด้วย โดยจะมีให้เลือกทั้งแบบ ขับเคลื่อน 4 ล้อ และขับเคลื่อน 2 ล้อ ในส่วนของเครื่องยนต์ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ เช่นเดียวกับรุ่นฟอร์จูนเนอร์ และน่าจะเพิ่มการรุกตลาดรุ่นเครื่องยนต์เบนซินมากขึ้น เพื่อสู้กับวิกฤตราคาน้ำมันดีเซลแพงจนทำให้พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนหันมาใช้เครื่องยนต์เบนซิน หรือนำไปติดตั้งระบบใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ NGV หรือก๊าซ LPG แทน
แน่นอนว่าเมื่อสองสายพันธ์รถยนต์ในโครงการ IMV ได้มีการปรับโฉมใหม่กันหมด อีกรุ่นที่เหลือรถอเนกประสงค์เอ็มพีวี “โตโยต้า อินโนวา” ที่แม้จะไม่ได้ผลิตในไทย แต่ก็เป็นรถที่ใช้พื้นฐานการผลิตจากปิกอัพไฮลักซ์ วีโก้ โดยไทยเป็นศูนย์กลางในการจัดหาและส่งชิ้นส่วน ให้กับฐานการผลิตรถรุ่นนี้ที่ประเทศอินโดนีเซีย แถมยังเป็นข้อตกลงของโตโยต้าทั้งสองฐานการผลิต ที่จะต้องแลกเปลี่ยนกันระหว่างฟอร์จูนเนอร์ และปิกอัพไฮลักซ์ วีโก้ กับรถเอ็มพีวีรุ่นอินโนวาของอินโดนีเซียอยู่แล้ว เมื่อทั้งสองรุ่นในไทยเปลี่ยนแปลง มีหรือที่อินโนวาจะไม่ปรับโฉมตามไปด้วย
โดยล่าสุดได้มีภาพสปายช็อต โตโยต้า อินโนวา ใหม่ ที่ประเทศอินโดนีเซีย ได้ถูกนำมาเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของ www.autoincar.com แม้จะพลางบางส่วนของด้านหน้าและหลัง แต่ก็เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้า ไฟหน้า และกันชนหน้า พร้อมกันนี้ยังระบุว่าเป็นรถเอ็มพีวี โตโยต้า อินโนวา ใหม่ ซึ่งเป็นการไมเนอร์เชนจ์ที่อินโดนีเซีย
ดังนั้นจึงค่อนข้างชัดเจนว่ารถยนต์ในโครงการ IMV มีการปรับโฉมกันหมดและจากรายงานข่าวของโตโยต้าในประเทศไทยระบุว่า จะมีการเปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์ของ โตโยต้า อินโนวา สู่ตลาดไทยภายในปีนี้เช่นกัน และนอกจากการปรับโฉมแล้ว ในไทยจะเน้นรุ่นเบนซินเป็นสำคัญด้วย
อย่างไรก็ตาม จากสภาวะตลาดรถยนต์ที่ชะลอตัวมาก โดยเฉพาะในกลุ่มรถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ทำให้โตโยต้าต้องเก็บเล็กผสมน้อย นอกจากรถยนต์ในโครงการ IMV ที่กล่าวมา แม้แต่รถเฉพาะกลุ่มอย่างรถอเนกประสงค์แบบเอ็มพีวีหรู โตโยต้าก็ไม่ยอดปล่อยให้หลุดมือเช่นกัน หลังจากแทบจะไม่สนใจตลาดนี้มาก่อน โดยปล่อยให้บรรดาเกรย์มาร์เก็ตนำเข้ามาฟันยอดขายเป็นกอบเป็นกำมานาน คราวนี้โตโยต้าขอยึดรถยนต์ของตนเองกลับคืนบ้าง
ทั้งนี้จากการเปิดเผยของ “วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้โตโยต้าเตรียมนำเข้ารถยนต์รุ่น อัลพาร์ด เครื่องยนต์ 3.5 ลิตร เข้ามาจำหน่าย ภายใต้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามข้อตกลง JTEPA คาดว่าจะมีผลให้ราคาขายต่ำกว่า 4 ล้านบาท ซึ่งถูกว่ารถนำเข้ามาโดยผู้นำเข้าอิสระหลายแสนบาท นอกจากนี้ยังมี “โคโรลล่า ลิโม ซีเอ็นจี” รถที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวีจากโรงงานเอาใจแท็กซี่ปลายปีนี้เช่นกัน
เรียกว่าแม้จะเกิดวิกฤตราคาน้ำมันแพง แต่งานนี้ “โตโยต้า” เดินหน้าลุยเต็มสูบ!!
เตรียมแก้เกมส์พาเพรดปรับโฉมยกแผงรถตระกูล IMV เขย่าตลาดครึ่งปีหลัง ทั้งฟอร์จูนเนอร์ และไฮลักซ์ วีโก้ ล่าสุด “โตโยต้า อินโนวา” ซึ่งเป็นรถที่ใช้พื้นฐานของปิกอัพวีโก้ ผลิตในอินโดนีเซียและมีการปรับโฉมใหม่เช่นกัน คาดเมืองไทยไม่พลาดขายแน่ปลายปีนี้ พร้อมเน้นเครื่องเบนซินเหตุราคาน้ำมันดีเซลพุ่ง และนอกจากรถในโครงการ IMV ยังมีโปรดักซ์ใหม่เตรียมเปิดตัวอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นเอ็มพีวีหรูนำเข้ารุ่นอัลพาร์ด เครื่องยนต์ 3.5 ลิตร และ “โคโรลล่า ลิโม ซีเอ็นซี” งานนี้เพื่อแท็กซี่โดยเฉพาะ
ผลกระทบจากสภาวะราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลที่พุ่งสูงกว่าเบนซินเป็นครั้งแรก จนเกิดสภาวะตื่นตระหนกของประชาชนไทย และทำให้พฤติกรรมการบริโภคาเปลี่ยนไป ด้วยการหันไปใช้รถยนต์นั่ง หรือเก๋งขนาดเล็กมากขึ้น ส่งผลรถปิกอัพเครื่องยนต์ดีเซลลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา
มิทซึฮิโระ โซโนดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า จากผลกระทบของราคาน้ำมันและสภาวะเศรษฐกิจของไทย ทำให้โตโยต้าได้ปรับประมาณการณ์ยอดขายตลาดรถยนต์ใหม่ ถึงแม้ตลาดรถยนต์โดยรวมในช่วงครึ่งปีแรกจะยังเติบโตต่อเนื่อง
“แต่หากเข้าพิจารณาแต่ละตลาด จะเห็นว่าเก๋งมีอัตราการเติบโตสูงมาก เนื่องจากมีรถยนต์ใช้น้ำมัน E20 แนะนำสู่ตลาด และเมื่อเข้าไปดูปิกอัพที่เป็นตลาดใหญ่สุดของไทย โดยเฉพาะเมื่อราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวขึ้น ยอดขายปิกอัพลดลงต่อเนื่อง ดังนั้นจึงคาดว่าตลาดรวมรถยนต์ปีนี้ คาดว่าประมาณ 6.5 แสนคัน หรือเติบโตเพียง 3% จากเดิมคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 7 แสนคัน”
โดยคาดว่าตลาดเก๋งจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2.2 แสนคัน เทียบกับปีที่ผ่านมาโต 29% แต่ตลาดปิกอัพน่าจะลดลงประมาณ 5% หรือมียอดขายรวม 3.85 แสนคัน ซึ่งเป็นการติดลบครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 และในส่วนของโตโยต้าคาดมียอดขายรวมทุกรุ่น 2.9 แสนคัน เติบโต 4% แบ่งเป็นเก๋ง 1.11 แสนคัน เติบโต 20% และปิกอัพ 1.65 แสนคัน ลดลง 5%
อย่างไรก็ตาม แม้โตโยต้าจะยอมรับสภาพตลาดชะลอตัวลง โดยเฉพาะปิกอัพที่ติดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา แต่ในช่วงครึ่งปีกหลังโตโยต้าเตรียมรุกเต็มที่ และคาดว่าหวังปิกอัพจะกลับมาดีขึ้น เมื่อประชาชนหายจากสภาวะตื่นตระหนกจากราคาน้ำมันดีเซลพุ่ง รวมถึงมาตรการช่วยเหลือลดภาษีน้ำมันลง ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลงจนถึงสิ้นปี
ทั้งนี้จากรายงานข่าว แผนผลักดันยอดขายสู้สภาวะตลาดซบเซาของโตโยต้าในช่วงครึ่งปีหลัง คงหนีไม่พ้นการเตรียมเปิดตัวรถใหม่หลายรุ่น โดยเฉพาะรถในสายพันธุ์ IMV Project ไม่ว่าจะเป็นปิกอัพ โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ และรถอเนกประสงค์แบบพีพีวีรุ่นฟอร์จูนเนอร์ รวมถึงรถอเนกประสงค์เอ็มพีวีรุ่นอินโนวา ที่มีกำหนดจะทยอยเปิดตัวช่วงครึ่งหลังเช่นกัน
โดย “ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ได้รายงานข่าวคราวความเคลื่อนไหวของสองรุ่นหลักในโครงการ IMV ไปแล้ว นั่นคือรถอเนกประสงค์แบบพีพีวี รุ่นฟอร์จูนเนอร์ และปิกอัพ ไฮลักซ์ วีโก้ ซึ่งตามรายงานโฉมแรกน่าจะเปิดตัวก่อนประมาณเดือนสิงหาคมนี้ส่วนรูปภาพรวมถึงข้อมูลของรถมีการเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของตัวแทนจำหน่าย “พิธานพาณิชย์” www.phithan-toyota.com อย่างละเอียด
ทั้งนี้ฟอร์จูนเนอร์ใหม่ ปี 2551 เครื่องยนต์ไม่เปลี่ยนแปลง มีให้เลือก 2 รุ่นเหมือนปัจจุบัน คือ เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 1KD-FTV 3.0 ลิตร 163 แรงม้า และเครื่องยนต์เบนซิน 2TR-FE 2.7 ลิตร 160 แรงม้า แต่ได้เพิ่มจำนวนรุ่นย่อยให้เลือกมากถึง 5 รุ่น ซึ่งเดิมมีอยู่เพียงรุ่นเบนซิน 2.7V ขับเคลื่อนสองล้อเกียร์อัตโนมัติ และรุ่นดีเซล 3.0G พร้อมรุ่นดีเซล 3.0V ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาเหมือนกัน แต่ฟอร์จูนเนอร์ใหม่ ปี 2551 ได้เพิ่มรุ่นดีเซล 3.0V ขับเคลื่อน 2 ล้อเกียร์อัตโนมัติ และดีเซล 3.0V NAVI ที่เพิ่มระบบนำทางเข้ามาด้วย
ขณะที่ภายนอกฟอร์จูนเนอร์ใหม่ ได้ทำการออกแบบกระจังหน้าใหม่ แบบ 3 ชั้น ลายรังผึ้ง รวมถึงไฟหน้าใหม่พร้อมโคมไฟแบบโปรเจคเตอร์ จากเดิมที่เป็นแบบมัลติรีเฟลคเตอร์ ไฟท้ายดีไซน์ใหม่แบบโคมสีแดง-ขาว จากเดิมจะเป็นโคมแดง ล้อเปลี่ยนจากแม็ก 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/70R16 เป็นล้อแม็ก 17 นิ้ว พร้อมยาง 265/65R17 ส่วนภายในได้เพิ่มรายละเอียดให้หรูหราและสะดวกสบายมากขึ้น รวมถึงยังได้เพิ่มระบบความปลอดภัยเฉกเช่นรถหรูของโตโยต้าครบครัน
สำหรับปิกอัพ “โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้” คาดว่าจะเปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์ หรือโฉมปี 2551 ตามมาในเวลาไล่เลี่ยกันอย่างช้าไม่น่าจะเกินเดือนตุลาคม โดยการปรับเปลี่ยนครั้งนี้จะทำทั้งภายนอกและภายใน โดยเฉพาะด้านหน้าที่มีการเปลี่ยนกระจังหน้าใหม่
ไม่เพียงเท่านั้นปิกอัพไฮลักซ์ วีโก้ ใหม่ ยังจะเพิ่มรุ่นแค็บเปิดได้แนะนำสู่ตลาดด้วย โดยจะมีให้เลือกทั้งแบบ ขับเคลื่อน 4 ล้อ และขับเคลื่อน 2 ล้อ ในส่วนของเครื่องยนต์ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ เช่นเดียวกับรุ่นฟอร์จูนเนอร์ และน่าจะเพิ่มการรุกตลาดรุ่นเครื่องยนต์เบนซินมากขึ้น เพื่อสู้กับวิกฤตราคาน้ำมันดีเซลแพงจนทำให้พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนหันมาใช้เครื่องยนต์เบนซิน หรือนำไปติดตั้งระบบใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ NGV หรือก๊าซ LPG แทน
แน่นอนว่าเมื่อสองสายพันธ์รถยนต์ในโครงการ IMV ได้มีการปรับโฉมใหม่กันหมด อีกรุ่นที่เหลือรถอเนกประสงค์เอ็มพีวี “โตโยต้า อินโนวา” ที่แม้จะไม่ได้ผลิตในไทย แต่ก็เป็นรถที่ใช้พื้นฐานการผลิตจากปิกอัพไฮลักซ์ วีโก้ โดยไทยเป็นศูนย์กลางในการจัดหาและส่งชิ้นส่วน ให้กับฐานการผลิตรถรุ่นนี้ที่ประเทศอินโดนีเซีย แถมยังเป็นข้อตกลงของโตโยต้าทั้งสองฐานการผลิต ที่จะต้องแลกเปลี่ยนกันระหว่างฟอร์จูนเนอร์ และปิกอัพไฮลักซ์ วีโก้ กับรถเอ็มพีวีรุ่นอินโนวาของอินโดนีเซียอยู่แล้ว เมื่อทั้งสองรุ่นในไทยเปลี่ยนแปลง มีหรือที่อินโนวาจะไม่ปรับโฉมตามไปด้วย
โดยล่าสุดได้มีภาพสปายช็อต โตโยต้า อินโนวา ใหม่ ที่ประเทศอินโดนีเซีย ได้ถูกนำมาเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของ www.autoincar.com แม้จะพลางบางส่วนของด้านหน้าและหลัง แต่ก็เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้า ไฟหน้า และกันชนหน้า พร้อมกันนี้ยังระบุว่าเป็นรถเอ็มพีวี โตโยต้า อินโนวา ใหม่ ซึ่งเป็นการไมเนอร์เชนจ์ที่อินโดนีเซีย
ดังนั้นจึงค่อนข้างชัดเจนว่ารถยนต์ในโครงการ IMV มีการปรับโฉมกันหมดและจากรายงานข่าวของโตโยต้าในประเทศไทยระบุว่า จะมีการเปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์ของ โตโยต้า อินโนวา สู่ตลาดไทยภายในปีนี้เช่นกัน และนอกจากการปรับโฉมแล้ว ในไทยจะเน้นรุ่นเบนซินเป็นสำคัญด้วย
อย่างไรก็ตาม จากสภาวะตลาดรถยนต์ที่ชะลอตัวมาก โดยเฉพาะในกลุ่มรถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ทำให้โตโยต้าต้องเก็บเล็กผสมน้อย นอกจากรถยนต์ในโครงการ IMV ที่กล่าวมา แม้แต่รถเฉพาะกลุ่มอย่างรถอเนกประสงค์แบบเอ็มพีวีหรู โตโยต้าก็ไม่ยอดปล่อยให้หลุดมือเช่นกัน หลังจากแทบจะไม่สนใจตลาดนี้มาก่อน โดยปล่อยให้บรรดาเกรย์มาร์เก็ตนำเข้ามาฟันยอดขายเป็นกอบเป็นกำมานาน คราวนี้โตโยต้าขอยึดรถยนต์ของตนเองกลับคืนบ้าง
ทั้งนี้จากการเปิดเผยของ “วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้โตโยต้าเตรียมนำเข้ารถยนต์รุ่น อัลพาร์ด เครื่องยนต์ 3.5 ลิตร เข้ามาจำหน่าย ภายใต้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามข้อตกลง JTEPA คาดว่าจะมีผลให้ราคาขายต่ำกว่า 4 ล้านบาท ซึ่งถูกว่ารถนำเข้ามาโดยผู้นำเข้าอิสระหลายแสนบาท นอกจากนี้ยังมี “โคโรลล่า ลิโม ซีเอ็นจี” รถที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวีจากโรงงานเอาใจแท็กซี่ปลายปีนี้เช่นกัน
เรียกว่าแม้จะเกิดวิกฤตราคาน้ำมันแพง แต่งานนี้ “โตโยต้า” เดินหน้าลุยเต็มสูบ!!