สยามอินดัสเทรียล รุกตลาดอาหารญี่ปุ่น ตั้งสยามวินด์ฯ ถือหุ้นใหญ่ 70% ซื้อมาสเตอร์แฟรนไชส์ บันคารา ราเมน เข้าไทย ทุ่ม 15 ล้านผุดสาขาแรกที่สุขุมวิท 39 มั่นใจราเมนยังโตได้อีกไกล
นายกฤต ศิวะกฤษณ์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามวินด์-ธารา จำกัด ผู้ประกอบการแฟรนไชส์ร้านอาหารบันคาราราเมน จากญี่ปุ่น เปิดเผยว่า จากการศึกษาพบว่าตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นยังมีโอกาสเติบโตในไทยอีกมาก จากตัวเลขของศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เมื่อ 5 ปีที่แล้วมีมูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 6,000 ล้านบาทแล้ว เติบโตไม่ต่ำกว่า 15%
อย่างไรก็ตาม อาหารประเภทราเมนมีแนวโน้มการเติบโตได้อีกมากเมื่อเทียบกับอาหารที่ที่ผ่านมามีญี่ปุ่นแบบอื่น ประมาณ 30% ต่อปี ซึ่งสังเกตได้จากในช่วงนี้มีหลายแบรนด์เข้ามาเปิดตลาดในไทยทั้งที่บริษัทแม่มาเองและที่ขายแฟรนไชส์ และคาดว่าภายใน 1-2 ปีนี้จะมีเข้ามาอีกไม่ต่ำกว่า 20-30 แบรนด์ สาเหตุหนึ่งมาจากข้อตกลงเรื่องเจเทปปาด้วยที่ไทยทำกับญี่ปุ่นให้สิทธิพิเศษทางด้านภาษี ร้านจากญี่ปุ่นหลายแบรนด์เข้ามาเปิดในไทย
ทั้งบริษัทแม่เข้ามาทำเอง เช่น ร้านเคกะราเมน และร้านใหม่ที่กลุ่มโออิชิซื้อแฟรนไชส์มา เป็นต้น ซึ่งคาดว่า ใน 2-3 ปีข้างหน้า จะมีเข้ามาไม่ต่ำกว่า 20-30 แบรนด์ตลาดรวมมากกว่า 10 ราย
ขณะที่บริษัทได้จัดตั้งขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 18 ล้านบาท เมื่อ 7 เดือนที่ผ่านมา แบ่งการถือหุ้นเป็น 3 คือ 1.บริษัท สยามอินดัสเทรียล จำกัด ดำเนินธุรกิจอุปกรณ์ เครื่องจักรกล งานระบบต่างๆ ถือหุ้น 70% 2.นายกฤต 15% และ 3.นายพิธานาน พาชัยยุทธ 15% ลงทุนเบื้องต้นนี้ 15 ล้านบาท เปิดร้าน “บันคาราราเมน” ในไทย โดยเป็นการซื้อมาสเตอร์แฟรนไชส์จากบริษัท ฮานาเกน จำกัด ของญี่ปุ่น และเป็นแฟรนไชส์รายแรกของบันคาราราเมนด้วย โดยได้สิทธิ์ 3 ปีและต่อสัญญาได้อีก
สาขาแรกตั้งอยู่ที่แมนเนอร์พลาซ่า สุขุมวิท ซอย 39 พื้นที่ 150 ตารางเมตร จำนวน 68 ที่นั่ง เน้นเมนูราเมนเป็นหลัก มีน้ำซุป 4 รสชาติหลัก วางตำแหน่งพรีเมี่ยม ราคาตั้งแต่ 160-250 บาท เจาะกลุ่มเป้าหมายคนไทย 60% คนญี่ปุ่นและชาวต่างชาติอื่น 40% คาดหวังยอดขายสาขาแรกนี้ที่ 20 ล้านบาทในปีแรก ส่วนแผนขยายสาขาจะเปิดอีกในกรุงเทพฯไม่ต่ำกว่า 10 สาขา ภายใน 4-5 ปีจากนี้ เน้นทำเลที่มีผู้คนจำนวนมากในระดับสูงและย่านที่มีคนญี่ปุ่นอาศัยอยู่จำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม บริษัทเจ้าของที่ญี่ปุ่น มีทั้งหมด 3 แบรนด์ คือ บันคาราราเมน เซเบ และออร์โมนยะ ซึ่งบริษัทได้สิทธิ์อีกแบรนด์ด้วย คือ เซเบ แต่ในช่วงแรกนี้จะมุ่งไปที่บันคาราราเมนก่อน โดยมีเมนูเด่นของบันคาราราเมน คือ ซุปโซยุและซุปกระดูกหมู ส่วนเมนูเด่นของเซเบะ คือ ซุปมิโซก็ได้เอามาผนวกอยู่ในเมนูของบันคาราราเมนแล้ว
นายกฤต ศิวะกฤษณ์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามวินด์-ธารา จำกัด ผู้ประกอบการแฟรนไชส์ร้านอาหารบันคาราราเมน จากญี่ปุ่น เปิดเผยว่า จากการศึกษาพบว่าตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นยังมีโอกาสเติบโตในไทยอีกมาก จากตัวเลขของศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เมื่อ 5 ปีที่แล้วมีมูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 6,000 ล้านบาทแล้ว เติบโตไม่ต่ำกว่า 15%
อย่างไรก็ตาม อาหารประเภทราเมนมีแนวโน้มการเติบโตได้อีกมากเมื่อเทียบกับอาหารที่ที่ผ่านมามีญี่ปุ่นแบบอื่น ประมาณ 30% ต่อปี ซึ่งสังเกตได้จากในช่วงนี้มีหลายแบรนด์เข้ามาเปิดตลาดในไทยทั้งที่บริษัทแม่มาเองและที่ขายแฟรนไชส์ และคาดว่าภายใน 1-2 ปีนี้จะมีเข้ามาอีกไม่ต่ำกว่า 20-30 แบรนด์ สาเหตุหนึ่งมาจากข้อตกลงเรื่องเจเทปปาด้วยที่ไทยทำกับญี่ปุ่นให้สิทธิพิเศษทางด้านภาษี ร้านจากญี่ปุ่นหลายแบรนด์เข้ามาเปิดในไทย
ทั้งบริษัทแม่เข้ามาทำเอง เช่น ร้านเคกะราเมน และร้านใหม่ที่กลุ่มโออิชิซื้อแฟรนไชส์มา เป็นต้น ซึ่งคาดว่า ใน 2-3 ปีข้างหน้า จะมีเข้ามาไม่ต่ำกว่า 20-30 แบรนด์ตลาดรวมมากกว่า 10 ราย
ขณะที่บริษัทได้จัดตั้งขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 18 ล้านบาท เมื่อ 7 เดือนที่ผ่านมา แบ่งการถือหุ้นเป็น 3 คือ 1.บริษัท สยามอินดัสเทรียล จำกัด ดำเนินธุรกิจอุปกรณ์ เครื่องจักรกล งานระบบต่างๆ ถือหุ้น 70% 2.นายกฤต 15% และ 3.นายพิธานาน พาชัยยุทธ 15% ลงทุนเบื้องต้นนี้ 15 ล้านบาท เปิดร้าน “บันคาราราเมน” ในไทย โดยเป็นการซื้อมาสเตอร์แฟรนไชส์จากบริษัท ฮานาเกน จำกัด ของญี่ปุ่น และเป็นแฟรนไชส์รายแรกของบันคาราราเมนด้วย โดยได้สิทธิ์ 3 ปีและต่อสัญญาได้อีก
สาขาแรกตั้งอยู่ที่แมนเนอร์พลาซ่า สุขุมวิท ซอย 39 พื้นที่ 150 ตารางเมตร จำนวน 68 ที่นั่ง เน้นเมนูราเมนเป็นหลัก มีน้ำซุป 4 รสชาติหลัก วางตำแหน่งพรีเมี่ยม ราคาตั้งแต่ 160-250 บาท เจาะกลุ่มเป้าหมายคนไทย 60% คนญี่ปุ่นและชาวต่างชาติอื่น 40% คาดหวังยอดขายสาขาแรกนี้ที่ 20 ล้านบาทในปีแรก ส่วนแผนขยายสาขาจะเปิดอีกในกรุงเทพฯไม่ต่ำกว่า 10 สาขา ภายใน 4-5 ปีจากนี้ เน้นทำเลที่มีผู้คนจำนวนมากในระดับสูงและย่านที่มีคนญี่ปุ่นอาศัยอยู่จำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม บริษัทเจ้าของที่ญี่ปุ่น มีทั้งหมด 3 แบรนด์ คือ บันคาราราเมน เซเบ และออร์โมนยะ ซึ่งบริษัทได้สิทธิ์อีกแบรนด์ด้วย คือ เซเบ แต่ในช่วงแรกนี้จะมุ่งไปที่บันคาราราเมนก่อน โดยมีเมนูเด่นของบันคาราราเมน คือ ซุปโซยุและซุปกระดูกหมู ส่วนเมนูเด่นของเซเบะ คือ ซุปมิโซก็ได้เอามาผนวกอยู่ในเมนูของบันคาราราเมนแล้ว