ข่าวในประเทศ - รี้ดเทรดเด็กซ์จัด Power of Four รวม 4 งานแสดงชิ้นส่วนยานยนต์ และอิเล็คทรอนิคส์ ครอบคลุม 4 อุตสาหกรรมหลักครบวงจร เน้นพัฒนาบุคลากรดึงต่างชาติลงทุน พร้อมมีผู้ประกอบการกว่า 800 บริษัทจากทั่วโลกมาร่วมงาน คาดมีผู้เข้าชมงานกว่า 45,000 ราย เงินสะพัดเกิน 3,000 ล้านบาท มั่นใจการเมืองและราคาน้ำมันส่งผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น
ดร.อรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่าความสามารถในการผลิตรถยนต์ของประเทศไทย ได้พัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉพาะในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2551 มีจำนวนการผลิตทั้งสิ้น 3.6 แสนคัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 24.52% ตัวเลขดังกล่าวยังไม่รวมการส่งออกเครื่องยนต์มูลค่า 4.6 พันล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 117 % ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 3.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% และอะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 2,324.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.27 %โดยสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ปีนี้มีแนวโน้มเติบโตขึ้น เนื่องจากมีการลงทุนเพิ่มเติมในการผลิตรถยนต์ประเภทอีโคคาร์กว่า 7 แสนคัน รวมทั้งการลงทุนต้นน้ำของเหล็กที่ใช้เป็นวัตถุดิบในกระบวนการผลิตรถยนต์กว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งช่วยกระตุ้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยให้โตขึ้น พร้อมทั้งดึงความเชื่อมั่นจากนักลงทุนกลับคืนมา ทำให้เกิดการลงทุนด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทย
"ทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยภายหลังจากการเริ่มใช้แผนแม่บทอุตสาหกรรมยายนต์ฉบับที่ 2(พ.ศ.2550-2554) จะให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาที่ตัวบุคคลเป็นหลัก แต่ไทยไทยต้องเป็นฐานการผลิตยานยนต์ที่สำคัญ และเน้นความแข็งแกร่งของผู้ผลิตชิ้นส่วน สร้างมูลค่าเพิ่มในประเทศ โดยแบ่งเป็น 5 กลยุทธ์ คือ เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลด้านการผลิต , เพิ่มวิศวกรรมและเทคโนโลยีการผลิต , พัฒนาบุคลากรทั้งในภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรม , ศึกษาตลาดทั้งในและต่างประเทศ และส่งเสริมการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ "
ส่วนความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองและราคาน้ำมันในขณะนี้ดร.อรรชกากว่าวว่าอาจมีผลกระทบบ้างในระยะสั้น เพราะนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศชะลอการลงทุนเพื่อรอดูความชัดเจน ซึ่งหากการเลือกตั้งเกิดขึ้นทุกอย่างน่าจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีและอุตสาหกรรมจะได้เดินหน้าเติบโตต่อไป เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยยังแข็งแกร่งอยู่มาก อีกทั้งนักลงทุนมีความเข้าใจในสถานการณ์มากขึ้นจากการชี้แจงของรัฐบาล
สำหรับสัดส่วนการผลิตรถยนต์ของไทยนั้นแบ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 50%และส่งออก 50% ทำให้เชื่อว่าในปี 2554 จะมีกำลังการผลิตรถยนต์ทั้งสิ้น 1.8 ล้านคัน ส่วนหนึ่งเป็นผลมากจากการเริ่มผลิตรถยนต์ขนาดเล็กประหยัดพลังงานมาตรฐานสากลหรืออีโคคาร์ออกสู่ตลาดและคาดว่าภายในปี 2559 เมื่อการผลิตอีโคคาร์ออกมาอย่างเต็มรูปแบบแล้วจะทำให้มีกำลังผลิตภายในประเทศเพิ่มเป็น 2.5 ล้านคัน
ทางด้านนางนางนิชาภา ยศวีร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รี้ด เทรดเด็กซ์ จำกัด กล่าวว่า สำหรับงานมหกรรมเครื่องจักรและเทคโนโลยีเพื่อการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ จะมีงานแสดงชิ้นส่วนยานยนต์และอิเลคทรอนิคส์ ตลอดจนอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง ครอบคลุม 4 อุตสาหกรรมหลักครบวงจรมาจัดพร้อมกันในวันเวลาและสถานที่เดียวกัน พร้อมด้วยส่วนแสดงพิเศษต่างๆ อาทิ Assembly Arms Zone รวมหุ่นยนต์อุตสาหกรรมมากที่สุดถึง 15 ตัว ส่วนแสดงพิเศษ รถยนต์ผ่าซีกเพื่อโชว์ชิ้นส่วนยานยนต์ และ ส่วนแสดงพิเศษ Composite Zone สำหรับอุตสาหกรรมพลาสติก ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ระหว่างวันที่ 19-222 มิถุนายนนี้ เป็นต้น คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานมากกว่า 45,000 ราย เงินสะพัดจากการซื้อขายเครื่องจักร กว่า 3 พันล้านบาท
ดร.อรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่าความสามารถในการผลิตรถยนต์ของประเทศไทย ได้พัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉพาะในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2551 มีจำนวนการผลิตทั้งสิ้น 3.6 แสนคัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 24.52% ตัวเลขดังกล่าวยังไม่รวมการส่งออกเครื่องยนต์มูลค่า 4.6 พันล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 117 % ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 3.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% และอะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 2,324.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.27 %โดยสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ปีนี้มีแนวโน้มเติบโตขึ้น เนื่องจากมีการลงทุนเพิ่มเติมในการผลิตรถยนต์ประเภทอีโคคาร์กว่า 7 แสนคัน รวมทั้งการลงทุนต้นน้ำของเหล็กที่ใช้เป็นวัตถุดิบในกระบวนการผลิตรถยนต์กว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งช่วยกระตุ้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยให้โตขึ้น พร้อมทั้งดึงความเชื่อมั่นจากนักลงทุนกลับคืนมา ทำให้เกิดการลงทุนด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทย
"ทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยภายหลังจากการเริ่มใช้แผนแม่บทอุตสาหกรรมยายนต์ฉบับที่ 2(พ.ศ.2550-2554) จะให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาที่ตัวบุคคลเป็นหลัก แต่ไทยไทยต้องเป็นฐานการผลิตยานยนต์ที่สำคัญ และเน้นความแข็งแกร่งของผู้ผลิตชิ้นส่วน สร้างมูลค่าเพิ่มในประเทศ โดยแบ่งเป็น 5 กลยุทธ์ คือ เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลด้านการผลิต , เพิ่มวิศวกรรมและเทคโนโลยีการผลิต , พัฒนาบุคลากรทั้งในภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรม , ศึกษาตลาดทั้งในและต่างประเทศ และส่งเสริมการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ "
ส่วนความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองและราคาน้ำมันในขณะนี้ดร.อรรชกากว่าวว่าอาจมีผลกระทบบ้างในระยะสั้น เพราะนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศชะลอการลงทุนเพื่อรอดูความชัดเจน ซึ่งหากการเลือกตั้งเกิดขึ้นทุกอย่างน่าจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีและอุตสาหกรรมจะได้เดินหน้าเติบโตต่อไป เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยยังแข็งแกร่งอยู่มาก อีกทั้งนักลงทุนมีความเข้าใจในสถานการณ์มากขึ้นจากการชี้แจงของรัฐบาล
สำหรับสัดส่วนการผลิตรถยนต์ของไทยนั้นแบ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 50%และส่งออก 50% ทำให้เชื่อว่าในปี 2554 จะมีกำลังการผลิตรถยนต์ทั้งสิ้น 1.8 ล้านคัน ส่วนหนึ่งเป็นผลมากจากการเริ่มผลิตรถยนต์ขนาดเล็กประหยัดพลังงานมาตรฐานสากลหรืออีโคคาร์ออกสู่ตลาดและคาดว่าภายในปี 2559 เมื่อการผลิตอีโคคาร์ออกมาอย่างเต็มรูปแบบแล้วจะทำให้มีกำลังผลิตภายในประเทศเพิ่มเป็น 2.5 ล้านคัน
ทางด้านนางนางนิชาภา ยศวีร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รี้ด เทรดเด็กซ์ จำกัด กล่าวว่า สำหรับงานมหกรรมเครื่องจักรและเทคโนโลยีเพื่อการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ จะมีงานแสดงชิ้นส่วนยานยนต์และอิเลคทรอนิคส์ ตลอดจนอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง ครอบคลุม 4 อุตสาหกรรมหลักครบวงจรมาจัดพร้อมกันในวันเวลาและสถานที่เดียวกัน พร้อมด้วยส่วนแสดงพิเศษต่างๆ อาทิ Assembly Arms Zone รวมหุ่นยนต์อุตสาหกรรมมากที่สุดถึง 15 ตัว ส่วนแสดงพิเศษ รถยนต์ผ่าซีกเพื่อโชว์ชิ้นส่วนยานยนต์ และ ส่วนแสดงพิเศษ Composite Zone สำหรับอุตสาหกรรมพลาสติก ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ระหว่างวันที่ 19-222 มิถุนายนนี้ เป็นต้น คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานมากกว่า 45,000 ราย เงินสะพัดจากการซื้อขายเครื่องจักร กว่า 3 พันล้านบาท